ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่100 เอาเงินคืนมา
ตอนที่100 เอาเงินคืนมา
หลงจู๋แสดงรายงานการตรวจสอบให้ทุกคนทราบโดยทั่วกัน พร้อมให้คำอธิบายว่า
“ผมสุ่มตรวจสอบเครื่องประดับทั้งหมดสิบชิ้นภายในร้าน มีเพียงสองชิ้นเท่านั้นที่ได้เกรดตรงตามมาตรฐาน ส่วนที่เหลือคุณภาพต่ำกว่ากำหนดไว้มากไม่สามารถนำออกมาขายได้ แถมบางชิ้นยังเป็นของปลอม”
ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้เปล่งดังออกมา ทั่วทั้งร้านพลันตกสู่ความโกลาหลในทันใด เฉินกวงอวี่แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาเลี้ยงดูปูเสื่อหลงจู๋คนนี้อย่างดี ไม่คิดเลยว่าจะประกาศผลตามจริงออกมา!
“บ้ารึเปล่า! ตาถั่วแล้วรึไง? ตรวจสอบใหม่เดี๋ยวนี้!”
“คุณเฉิน ผมเป็นมืออาชีพ ทำงานด้านนี้มาหลายปีแล้ว จะผิดพลาดได้ยังไง? แต่ถ้าทางคุณรู้สึกข้องใจกับผลผลลัพธ์ดังกล่าว ก็สามารถส่งตรวจสอบให้แก่หน่วยงานใหญ่ได้เลย แต่ผมมันใจว่าผลลัพธ์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
คราวนี้ได้ฟังคำยืนยันจากหลงจู๋ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเต็มสองรูหู บรรดานักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าร้านนี้ไปต่างก็โหยวายลั่นร้าน
“ร้านใหญ่แบบนี้กลับขายของปลอมจริงๆ! เราขอเงินคืน! เราต้องการเงินคืน!”
“ผมไม่ปล่อยแค่นี้แน่! ผมขอค่าเสียหายเป็นราคาหนึ่งในสามที่ซื้อมาด้วย!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! ชดใช้ค่าเสียหายมาเดี๋ยวนี้!”
“คืนเงินฉันมา แล้วจ่ายค่าเสียหาย!”
พวกนักท่องเที่ยวตะโกนเสียงดังไม่หยุดหย่อน ก่อเกิดเป็นเหตุการณ์จลาจลขนาดย่อมภายในร้าน ตำรวจทั้งหลายนายต่างรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อมบอกให้ทุกคนสงบสติอารมณ์ลงก่อน ไม่จำเป็นต้องใจร้อน ยังไงทุกคนต้องได้รับความเป็นธรรม
“จะให้ใจเย็นได้ยังไง!? ผมซื้อสร้อยหยกสองเส้น ราคาปาเข้าไป100,000หยวน แต่กลับโดนหลอกขายของปลอม คุณตำรวจต้องเอาผิดให้ถึงที่สุด!”
“ถูกต้อง! เรื่องนี้ผมไม่ปล่อยให้จบง่ายๆ แค่นี้แน่! คุณตำรวจยังเห็นไม่ชัดอีกเหรอ? ร้านนี้มันโกงพวกเรา จับมัน! ชดใช้ค่าเสียหายมาด้วย!!”
“ใช่แล้ว! พวกเรา! หลังจากนี้ช่วยกันคนละไม้ละมือแพร่กระจายข่าวดังกล่าวให้คนทั่วประเทศได้รู้! ร้านเครื่องประดับในเกาะซ่งต้าว มันขายของปลอม! ขอดูหน่อยว่า หลังจากนี้จะมีใครเข้ามาซื้อของบนเกาะนี้อีกไหมในอนาคต!”
เกาะซ่งต้าวแห่งนี้เป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาลเขตเหอเป่ย หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นกับที่นี่ ไม่เพียงจะกระทบกับกระแสเม็ดเงินที่หมุนเวียบนเกาะนี้เท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงเงินทุนของรัฐบาลเขตนี้โดยตรง ซึ่งผลที่ตามมาก็ร้ายแกรงเกินผู้ใดควบคุมได้
“ทุกคนใจเย็นก่อนนะครับ ร้านของเราเปิดบนเกาะนี้ตั้งหลายปีแล้ว และไม่เคยมีปัญหาเรื่อหลอกขายของปลอมมาก่อน ผมคิดว่านี่ต้องเป็นความสะเพร่าของหลงจู๋ท่านนี้แน่นอน ดังนั้นผมจะให้เขาลองตรวจสอบใหม่อีกครั้ง ทุกคนอย่าเพิ่งแตกตื่นไปนะครับ”
เฉินกวงอวี่จินตนาการออกทันที ถ้าเรื่องขายของปลอมหลุดออกไปยังโลกภายนอก ความหายนะจะบังเกิดขึ้นกับเขาขนาดไหน จึงรีบป่าวประกาศยืนหยัดในความบริสุทธิ์ของตัวเอง
หลงจู๋ได้ยินแบบนั้นก็พลันส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ และทำการตรวจสอบใหม่อีกครั้งหนี่ง
ก่อนที่ผลลัพธ์จะออกมา เฉิงกวงอวี่เรียกตัวเจ้าพนักงานของกรมการท่องเที่ยวและคณะผู้บริหารบริษัท หัวซางหยานไห่ คอนดักชั่น เข้าไปหลังหลังเพื่อพูดคุยกันทันที
“พวกคุณมาทำบ้าอะไรกัน มาตรวจพิสูจน์ผลต่อหน้าทุกคนแบบนี้ พวกเราไม่แย่กันหมดรึไง?”
หวงฉิงเจ้าหน้าใหญ่ของบริษัทหัวซางหยานไห่ สวนตอบกลับไปทันทีด้วยความโกรธว่า
“นี่ยังกล้าว่าคนอื่นอีกงั้นเหรอ! ไม่รู้ตัวรึไงว่าตัวเองก่อปัญหาใหญ่ขนาดไหน! ทุกคนกำลังเฝ้าดูการตรวจสอบ ถ้าผลออกมาเป็นของปลอมอีก ไม่เพียงแค่ครอบครัวนายเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่มันยังเน่าตายกันทั้งเกาะ! นายแบกรับผลลัพธ์หลังจากนี้ไหวรึไง?!”
เฉินกวงอวี่โกรธอย่างมากเมื่อได้ฟัง ตะคอกสวนเช่นกันว่า
“โอ้โห…พอหมดประโยชน์ก็ตัดหางปล่อยวัดเลยรึไง? ฉันจ่ายเงินให้แกไม่รู้กี่ล้านต่อปี ตอนนี้กลับทิ้งกันแบบนี้?”
หวงฉิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวพร้อมท่าทีไม่ค่อยพอใจว่า
“ครั้งนี้นายทำตัวเอง ไม่ได้มีใครแกล้งอะไรเลย ถ้านายยอมเสียสละปิดร้านปล่อยให้เรื่องมาซาลงไปก่อน ฉันยังพอช่วยเหลือนายได้บ้าง”
เฉินกวงอวี่ด่าหวงฉิงและคนอื่นๆ ว่าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว เขายอมจ่ายเงินใต้โต๊ะให้คนพวกนี้ทุกปี แต่ไหนเลยกลับให้ตัวเองต้องเสียสละในเวลาสำคัญแบบนี้?
หวงฉิงและคนอื่นๆ ไม่อยากจะอธิบายอะไรกับเขาอีกต่อไป พวกเขาพูดในสิ่งที่ควรพูดไปหมดแล้ว ส่วนจะเอาอย่างไรต่อล้วนขึ้นอยู่กับเขาเอง
“คุณเฉิน เราออกไปก่อนเถอะ”
เฉินกวงอวี่โกรธจัดเกินควบคุม คว้าสิ่งของใกล้มือโยนลงพื้นสุดแรง พลางสบถด่าในเวลาเดียวกันว่า
“ให้ตายเถอะ! พวกมึงแม่งขี้ขลาดชิบหาย! กูจ่ายเงินให้พวกมึงไปตั้งเท่าไหร่ กลับช่วยอะไรไม่ได้เลยเว้ย!! ในเมื่อบอกกูเสียสละใช่ไหม? ได้! คอยดูแล้วกัน!!!”
พอเฉินกวงอวี่ด่าจบก็กระทืบเท้าเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด ในขณะนี้เองการตรวจสอบรอบที่สอง ผลก็ออกมาแล้วเช่นกัน ปรากฏว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
บรรดานักท่องเที่ยวยิ่งโวยวายหนักข้อเข้าไปใหญ่ เรียกร้องขอเงินคืนยังไม่พอ ต้องการให้ทางร้านชดใช้ค่าเสียหายให้อีก ถ้าไม่ยอมทำตามข้อกำหนด พวกเขาจะนำเรื่องนี้ไปเปิดโป่งกับภายนอก
ทันที่สำนักข่าวและสื่อช่องต่างๆ หยิบยกหัวข้อการขายของปลอมบนเกาะซ่งต้าวออกมารายงาน นี่จะก่อให้เกิดความเสียหายขนานหนักกับทางเกาะ ผลที่ตามมาคือจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง สร้างชื่อเสียให้แก่ท้องถิ่นควบรวมไปถึงกรมการท่องเที่ยว กลายมาเป็นเรื่องใหญ่เกินที่ใครจะสามารถแบกรับได้ไหว
เฉินกวงอวี่โกรธจัดจนขาดสติ ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องผลกระทบอีกต่อไป และตะโกนขึ้นลั่นร้านว่า
“จะเอาอะไรนักหนา! ไอ้พวกลูกค้าเวร! สินค้าทุกชิ้นในร้านของผมเป็นของแท้ทั้งหมด! ผมจะยื่นเรื่องส่งไปทางหน่วยงานให้ตรวจสอบโดยตรง! ไม่ใช่ให้หลงจู๋ไร้ฝีมือแบบนี้มากล่าวหา!”
แต่พวกนักท่องเที่ยวไม่ได้มีเวลารอเขาขนาดนั้น แต่ตะคอกตอบไปว่า พวกเขาต้องการขอเงินคืน ทั้งยังโวยวายของค่าเสียเวลา ไม่อย่างนั้นจะเรียกนักข่าวให้มาแฉทันที
เฉินกวงอวี่ขาดสติไปแล้ว ตะโกนใส่ระลอกสองว่า
“เอาเลย! พวกมึงกล้าก็เอาเลย! กูต้องกลัวใครที่ไหนวะ?! กูย้ายไปเปิดร้านที่อื่นก็ได้! กูไม่กลัว!!”
ราวกับราดน้ำมันบนกองไฟ นักท่องเที่ยวโกรธจัด แต่ละคนควักมือถือออกมาและโพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดลงในWeido, Douyin, Moment และเว็บอื่นๆ เปิดโปงการหลอกขายสินค้าปลอมบนเกาะแห่งนี้
พวกเจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยวและคนของบริษัท หัวซางหยานไห่ คอนดักชั่น ต่างหน้าเสียไปในทันใด พวกเขาไม่คิดเลยว่าเรื่องราวจะบานปลายมาได้ขนาดนี้ ดูเหมือนจะเกินความคาดหมายของพวกเขาไปแล้ว แต่ละคนแหกันรุมถามหวงฉิงว่าจะเอายังไงต่อ ถ้าปล่อยไปแบบนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวบนเกาะซ่งต้าวได้พินาศยับเยินแน่นอน
หวงฉิงเองก็รู้สึกผิดอย่างมากเช่นกัน คำสั่งของผู้อำนวยการบริษัทบอกว่า ให้ลงดาบกวาดล้างร้านเครื่องประดับกวนอวี่ซะ แต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งหวงฉิงคนนี้เองก็ไม่ทราบว่าจ้าวเฉียนคือทายาทตระกูลจ้าว ถ้าทราบแต่แรก คงไม่ลังเลที่จะจัดการ
ท้ายที่สุดนี้ เกาะซ่งต้าวถูกบริหารโดยตระกูลจ้าวที่มีหุ้นส่วนกว่า60% โดยธรรมชาติจ้าวเฉียนไม่ปล่อยให้เกาะแห่งนี้เสื่อมเสียชื่อเสียงแน่นอน ดังนั้นเขาจึงยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ และกล่าวขึ้นว่า
“ทุกคน อย่าเพิ่งแตกตื่นกันไปครับ สำหรับคำตอบเรื่องนี้ผมจะหาข้อยุติที่ยุติธรรมที่สุดให้แก่ทุกคนเอง ตอนนี้ทางบริษัท หัวซางหยานไห่ คอนดักชั่น ก็ลงมาจัดการกับร้านนี้ด้วยตัวเองแล้ว เท่านี้ก็มากเกินพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องกวาดล้างสินค้าปลอมแค่ไหน ที่เหลือผมจะคุยกับคุณหวงให้เอง ว่าไงครับ?”
หวงฉิงเหลือบมองจับจ้องจ้าวเฉียนด้วยความประหลาดใจ จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและเชิญให้ไปคุยกันด้านหลังร้านกันส่วนตัว
หวงฉิงไม่รู้ว่าจ้าวเฉียนเป็นใคร ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามเจือท่าทีค่อนข้างเย่อหยิ่งว่า
“นี่คุณจะมาคุยอะไรกับผม? ไม่ใช่พูดเพื่อเอาหน้าเฉยๆ หรอกนะ?”
“หุหุ…คุณคิดมากเกินไปแล้ว รีบโทรหาหยานกั๋วเฟยและบอกไปว่าฉันชื่อจ้าวเฉียน แล้วเขาจะบอกคุณเองว่าควรทำยังไงต่อ”
“คุณรู้จักผู้อำนวยการได้ยังไง?”
“คุณรีบโทรก่อน แล้วเราค่อยว่ากัน”
หวงฉิงพยักหน้าและต่อสายโทรหาหยานกั๋วเฟย ผู้อำนวยการบริษัท หัวซางหยานไห่ คอนดักชั่น ทันที
“สวัสดีครับคุณหยาน มีชายหนุ่มชื่อจ้าวเฉียนอยู่ข้างๆ ผม เขาบอกผมให้โทรหาคุณ แล้วคุณจะช่วยแก้ปัญหาได้”
“จ้าวเฉียนงั้นเหรอ? ทำไมคุณชายจ้าวถึงอยู่กับนายได้?”
“คุณ…คุณชายจ้าว?”
“ก็หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเราไง บริษัทหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์ กรุ๊ป จ้าวเฉียนเป็นลูกชายของท่านประธานจ้าวฝู่แห่งหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์ กรุ๊ป เอาล่ะ…ฟังฉันให้ดี ไม่ว่าเขาจะต้องการทำอะไรนายห้ามปฏิเสธเด็ดขาด สั่งให้โดดลงทะเล แกก็ต้องโดด สั่งให้ฆ่าตัวตายแกก็ต้องตาย ไม่อย่างนั้นพวกเราชิบหายกันทั้งบริษัทเข้าใจที่พูดไหม?”
“คะ-คะ-คะ…เข้าใจแล้วครับ….”
“ผมขอสายคุณชายจ้าวหน่อย”
หวงฉันค่อยๆ หันไปมองจ้าวเฉียนพร้อมใบหน้าซีดเผือกราวกับเห็นผี ก่อนจะประคองสองมือประเคนมือถือให้กับจ้าวเฉียนด้วยท่าทีสุดนอบน้อม พร้อมกล่าวน้ำเสียงตะกุกตะกักไม่หยุดว่า
“คะ-คุณ…คุณชายจ้าว… คุณหยาน…คุณหยานขอสายคุณครับ”
จ้าวเฉียนรับมือถือเครื่องนั้นมาและเอ่ยถามว่า
“หยานกั๋วเฟย เป็นยังไงบ้าง?”
“อ่อก็ดีครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับคุณชายจ้าว แล้วนี่มาพักผ่อนที่ซ่งต้าวเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว มาเที่ยวน่ะ พอดีเกิดปัญหานิดหน่อยพอจัดการได้ไหม?”
“ได้เลยครับไม่มีปัญหา! ส่วนทางนั้นผมกำชับกับหวงฉิงแล้ว ว่าให้เชื่อฟังคำสั่งของคุณชายจ้าว ไม่อย่างนั้นมันไม่ตายดีแน่!”
“ฮ่าฮ่า…เอาน่า อย่าใจร้ายกับเขานักเลย ฝ่ายจัดการทางนั้นด้วย แค่นี้นะ”
“ครับผม เที่ยวให้สนุกนะครับคุณชายจ้าว”
“อืม”
จ้าวเฉียนกดวางสายไปและส่งมือถือคืนให้หวงฉิงที่กำลังยืนตะลึงค้างเติ่งราวกับรูปปั้นหิน