ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่117 ลงมือในนามของหลิวเปา
ตอนที่117 ลงมือในนามของหลิวเปา
ดั่งคำว่า หมาสู้ฟัด คงจะเป็นเรื่องจริง อาศัยแรงสนับสนุนของหวันเจี้ยง โดยธรรมชาติแล้ว เซียวลี่ไม่จำเป็นตองกลัวจ้าวเฉียนหรือคนพวกนี้เลย เขาได้กำลังมาจากเงินปันผลร้านค้าเป็นจำนวนหลายล้านทุกปี ดังนั้นเซียวลี่ย้อมคิดว่าตัวเองใหญ่พอ
“มึงกล้าสู้มือพวกกู เตรียมตัวตายได้เลย! ไม่ว่าร้านนี้จะมีอะไรก็ตาม แต่ตำรวจไม่มีทางปิดร้านได้แน่!”
จ้าวเฉียนไม่ได้หมาดกลัวเขาแม้สักนิด เอ่ยตอบทันทีว่า
“โอ๊ะ? ดูมั่นใจดีนะ แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่า คุณจะมีเส้นสายขนาดนั้น ลูกพี่ลูกน้องของคุณเตรียมติดคุกได้เลย”
“ฮ่าฮ่า…มึงคอยดูได้เลย!”
เซียวลี่พยักหน้าให้หวันเจี้ยงและทั้งสองก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของหวันเจี้ยง เพื่อไปปรึกษาหาแผนการรับมือกันต่อไป
“คุณหวันต้องแก้แค้นให้ลูกพี่ผม ร้านของเขาสามารถทำกำไรได้ปีละไม่ต่ำกว่าหลายล้าน ถ้าถูกปิดไปท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ของพวกไม่เหลือแน่”
ดวงตาคู่นั้นของหวันเจี้ยงเผยแววเหยียบเย็นสาดสะท้อนวูบวาบ เขากล่าวขึ้นว่า
“จะให้ฉันทำอะไรล่ะ?”
“ฮ่าฮ่า…ยังต้องให้ผมพูดอีกเหรอ? คุณหวันต้องไปเยี่ยมผู้อำนวยการเฉิงสักรอบหนึ่ง หลังเลิกงาน เรื่องใหญ่จะได้กลายมาเป็นเรื่องเล็ก ทีนี้ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ของเราก็ยังคงอยู่”
หวันเจี้ยนแสยะยิ้มกล่าวตอบไปว่า
“ไอ้สารเลวนั่น ฉันจะสั่งสอนมันเองว่าเล่นด้วยผิดคนแล้ว!”
“ไม่ต้องห่วง ผมจัดการกับพวกมันเอง ฮ่าฮ่า…”
ในอีกด้านหนึ่ง จ้าวเฉียนก็กำลังปลอบแม่ของเขาให้อารมณ์เย็นลง จะหัวเสียกับเรื่องเล็กๆน้อยๆรั้งแต่จะเสียแวลาเปล่า แต่อวีกุ้ยเฟิงโกรธเป็นอย่างมาก เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ให้เย็นลงได้เลย
สิ่งที่จ้าวเฉียนเป็นกังวลที่สุดคือ แม่จะใช้เส้นสายของตระกูลจ้าวจัดการเรื่องทั้งหมดลงในคราเดียว แต่ถ้าทำแบบนั้น ทุกคนในเมืองตงไห่ได้รู้กันหมดพอดีว่า จ้าวเฉียนแท้จริงแล้วเป็นใคร เขาจึงขอให้หวานเจียงและคนอื่นๆกลับไปก่อน ส่วนตนจะพาแม่กลับบ้านไปเอง
ทันทีที่ถึงบ้าน อวีกุ้ยเฟิงก็เดือดจัดจนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมกดโทรหา CEOของบริษัทซินหงจิน เรียลอีสเตอร์ในบัดดล เพื่อสั่งให้อีกฝ่ายลงดาบไอ้พวกมีตาหามีแววไม่เหล่านั้นให้สิ้นซาก
จ้าวเฉียนรีบวิ่งเข้ามานวดไหล่ คลึงขมับคุณแม่โดยไวหวังให้เธอผ่อนคลายลงบ้าง พร้อมกับพูดเกลี้ยกล่อมไปว่า
“โถ่วคุณแม่สุดที่รัก ผมจะล้านแค้นพวกมันเองนะไม่ต้องห่วง ตอนนี้แม่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักไม่ใช่เหรอ? ถ้าทุกคนในเมืองตงไห่รู้ว่าผมเป็นใคร มีหวังโดนจับเรียกค่าไถ่ขึ้นมาจะทำยังไง?”
“หยุด! ไม่ต้องพูดแล้ว!”
“ถ้าแม่เปิดเผยตัวตนของพวกเราออกมา สิ่งที่ผมคาดเดาไว้ทั้งหมดจะเป็นความจริงนะแม่ สังคมสมัยนี้ผู้คนยากจนแร้นแค้น ทำมาหากินยังไงก็ไม่ขึ้น เรียกได้ว่าสิ้นหวังกันหมดแล้ว บางทีอาจทำอะไรที่เหนือความคาดหมายก็ได้ อย่างเช่นการลักพาตัว หวังหาเงินทางลัด หรือวางเพลิงคฤหาสน์หลังนี้เพราะอาฆาตแค้นคนรวย อะไรก็เกิดขึ้นได้นะแม่ในเศรษฐกิจแบบนี้!”
สิ่งที่อวีกุ้ยเฟิงเป็นห่วงที่สุดมาเป็นอันดับหนึ่งเลยก็คือ ความปลอดภัยของลูกชายตัวเอง พอได้ฟังแบบนั้นเธอก็พยักหน้ารับฟังแต่โดยดี และสัญญาว่าจะไม่โทรไปสั่งCEOบริษัท ซินหงจิน อีก ซึ่งจ้าวเฉียนก็ยืนยันคำเดิมว่าจะแก้แค้นคนพวกนั้นแทนแม่ของเขาให้จงได้
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวว่า
“ผมจะจัดการพวกมันให้หนัก แม่ไม่ต้องห่วงนะ”
“อืม พรุ่งนี้แม่จะกลับหยานจิ้งแล้ว มีอะไรจะฝากบอกพ่อไหม?”
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ฝากบอกให้เขาสัญญาสุภาพ มั่นออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ แล้วไม่ต้องห่วงผมนะ จ้าวเฉียนคนนี้จะต้องทำได้ดีกว่าพ่อแน่นอน!”
“ฮ่าฮ่า…แม่จะบอกพ่อตามที่ลูกฝากให้เลย”
“ถ้าอย่างนั้นแม่นอนพักอยู่บ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะออกไปเลือกของขวัญให้พ่อสักชิ้นไปฝากหน่อย”
อวีกุ้ยเฟิงพยักหน้าและขึ้นไปนอนชั้นบน
ส่วนจ้าวเฉียนก็รีบออกไปเลือกของขวัญให้พ่อ หลังจากซื้อเสร็จเขาก็โทรหาหยางหู่
“เสี่ยวหู่ ฝากนายไปทักทายตำรวจที่โรงพักเขตหน่อยสิ กำชับคนในนั้นด้วยว่า ชายที่ชื่อเชิงเซี่ยง อย่าปล่อยหมอนั่นออกมาง่ายๆ แล้วลงโทษมันให้หนัก”
“เข้าใจแล้วครับ ให้ผมจัดการนอกรอบอีกทีไหม?”
“ไม่ต้อง ถึงเวลาฉันแค่อยากรู้ว่าตำรวจจะจัดการยังไงกับมัน ถ้าผลเป็นที่น่าพอใจนายก็ไม่ต้องเคลื่อนไหว แต่ถ้าไม่ก็ลากมันไปกระทืบสักวันสองวัน แล้วอีกอย่าง ไปสืบเรื่องของรองผู้จัดการทั่วไปของห้างตงไห่ อินเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซ็นเตอร์ที่ชื่อ หวันเจี้ยงมา กับคนที่ชื่อเซียวลี่ เห็นว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ขออย่างเร็วที่สุด ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดี”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะส่งคนไปตรวจสอบทันที คุณชายจ้าวต้องการอะไรอีกไหมครับ?”
จ้าวเฉียนลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า
“อย่าลืมตามเรื่องมือสังหารที่ตามล่าหยางหมิงด้วย ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ พวกเราจะต้องจับมันส่งตำรวจโดยเร็วเช่นกัน”
“เข้าใจแล้วครับ”
“โอเค ขอให้โชคดี”
“โชคดีเช่นกันครับคุณชายจ้าว”
ขณะที่จ้าวเฉียนวางสายไป และกำลังขับรถกลับบ้าน จู่ๆหวานเจียงก็โทรหาเขา
“ฮาโหล นายกำลังทำอะไรอยู่?”
“ถ้าบอกว่ากำลังคิดถึงเธอ เธอจะเชื่อไหม?”
“เหอะ เชื่อก็บ้าแล้ว แม่นายอารมณ์ดีขึ้นรึยัง?”
“โอ้ว ถึงขนาดเป็นห่วงแม่ฉันแล้วเหรอ? ตอนนี้ตกหลุมรักฉันจริงๆแล้วใช่ไหมล่ะ?”
หวานเจียงกลอกตาพลันมองบนโดยไม่ตั้งใจ เธอไม่คิดจะอ้อมค้อมและเอ่ยถามจ้าวเฉียนไปตามตรงว่า
“นี่นายเป็นใครกันแน่? พอสังเกตจากบุคลิกนิสัยของแม่นายที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้ขนาดนั้นในหนึ่งวัน บอกตรงๆนะ ครอบครัวของนายเป็นมหาเศรษฐีใช่ไหม?”
“ฮ่าฮ่า….ที่จริงแล้วแม่ของฉันไม่รู้จึกสินค้าแบรนด์เนมด้วยซ้ำ! ไม่เห็นเธอใส่เสื้อผ้าเหรอ มีแบรนด์ที่ไหน? ทุกหยวนที่ฉันทำงานหาเงินมาก็ให้แม่หมดนั้นแหละ รวมๆแค่ไม่กี่ล้านเอง นั้นก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมแม่ของฉันจึงดูเหมือนรวย”
“นี่นายพูดจริงเหรอ?”
“แน่นอนสิ! ถ้าครอบครัวของฉันดีเลิศแบบครอบครัวเธอจริง ฉันคงกลับบ้านไปรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวแล้ว ทำไมต้องออกมาทำงานหลังขดหลังแข็งแบบนี้จริงไหม?”
หวานเจียงที่ได้ฟังดังนั้นก็พลันคล้อยตาม สิ่งที่จ้าวเฉียนอธิบายไปก็สมเหตุสมผลดี แต่ถึงยังไง เธอก็รู้สึกแปลกพิกลอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าจ้าวเฉียนกำลังปกปิดเรื่องอะไรบางอย่างกับเธออยู่?
หลังจากวางสายไป จ้าวเฉียนก็รีบกลับบ้าน พรุ่งนี้แม่ของเขาก็จะกลับแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยากพาเธอไปดินเนอร์มื้อหรูในตอนดึก ทั้งคู่เดินทางมาถึงโรงแรมตงไห่อีกครา
ระหว่างรับประทานอาหารไปได้ครึ่งทาง หยางหู่ก็โทรมาหาจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนรีบเดินละออกจากโต๊ะอาหารและรับสายถามหยางหู่ไปว่ามีอะไรรึเปล่า
“คุณชายจ้าว มือสังหารที่ว่าคนนั้นหมดพิษสงแล้ว หยางเฉิงจ้างบอดดี้การ์ดมาหลายสิบเพื่อปกป้องหยางหมิงโดยเฉพาะ ทำให้ภารกิจของมือสังหารล้มเหลว ตอนนี้ถูกจับส่งโรงพักเรียบร้อยแล้วครับ”
“ฮ่าฮ่า…นับว่าหยางหมิงยังโชคดีอยู่บ้าง คราวนี้ปล่อยให้มันรอดไปก่อน แต่ถึงยังไงเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่ มันถึงขั้นจ้างมือสังหารสี่คนมารุมฉัน อืม…เอาแบบนี้แล้วกัน พอมือสังหารถูกจับตัวไปบอดี้การ์ดที่จ้างมาคงแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ใช้จังหวะนี้จับตัวหยางหมิงมาเรียกค่าไถ่หน่อยดีกว่า เรียกสัก20ล้านพอ ถ้าไม่ยอมก็ขู่มันว่าจะจับถ่วงหินโยนทิ้งแม่น้ำ เตรียมทรมานก่อนตายได้เลย”
“ไม่มีปัญหาครับ เพียงว่าแผนนี้จะจัดการยากนิดหน่อย เพราะก่อนหน้าแก๊งของหลิวเปาเพิ่งลักพาตัวหยางเฉิงไปเอง ตอนนี้เราจำต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ตำรวจคงให้ความสำคัญกับตระกูลหยางมากกว่าปกติ ถ้าพลี่พลามลงมือ อาจเป็นฝ่ายเราที่ตกที่นั่งลำบาก”
“เหอะ เหอะ มีอะไรต้องกลัว? ลงมือทุกอย่างในนามหลิวเปาก็จบ”
“ฮ่าฮ่า…เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบลงมือเลย!”
“ดีมาก”
จากนั้นจ้าวเฉียนก็วางสายและออกไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างเดินกลับมาหยางหมิงก็โทรเข้ามา
จ้าวเฉียนกดรับสายและเอ่ยทักทายขึ้นว่า
“นายน้อยหยางมีอะไรหรือเปล่าครับ? ไม่ได้เจอกันแค่แปปเดียว ผมเริ่มคิดถึงคุณอีกแล้ว”
“คิดถึงกับผีสิ! จ้าวเฉียน! ครั้งนี้แกทำได้แสบมาก! ใช้เงิน100ล้านซื้อตัวให้มันกลับมาฆ่าฉันงั้นเหรอ! โชคยังดีที่พ่อฉันค่อนข้างมองการณ์ไกล และจ้างบอดี้การ์ดมาเตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว! ฮ่าฮ่าๆ…คงคาดไม่ถึงสินะว่าแผนการของแกจะล้มเหลว!”
“นายน้อยหยางหมายความว่ายังไงเหรอครับ? ผมเห็นเข้าใจอะไรเลย?”
“อย่าแกล้งตีหน้าซื่อ! ฉันจะจดจำแค้นครั้งนี้ไว้ แล้วเราสองคนจะได้เห็นดีกัน!”
“นายน้อยหยางส่งคนมาฆ่าผมแท้ๆ ตอนนี้ยังจะแค้นอะไรกันอีก? ถ้าไม่มีอะไรแล้ว แค่นนี้นะครับผมกำลังดินเนอร์กับเสี่ยวเจียวตัวน้อยของผมอยู่ จากนั้นก็ไปโรงแรม…”
“แก…”
“กร๊ากกกๆๆ…”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะดังสนั่นด้วยความสะใจ เขารู้อยู่แล้วว่าหยางหมิงจะไม่เลิกตามราวีแน่นอน ดังนั้นจึงสั่งการหยางหู่ให้เคลื่อนไหวเตรียมไว้แล้ว
หยางหมิงเขวี้ยงมือถือในมือทิ้งด้วยความขมขื่น เขาอัดเสียงไว้ตั้งแต่เริ่มการโทรเพื่อหาหลักฐานว่า จ้าวเฉียนจ้างคนมาฆ่าคตน แค่ถึงอย่างไรจ้าวเฉียนก็ไม่หลุดออกมาสักคำ