ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่171 เล่นเกม
ตอนที่171 เล่นเกม
หวางเจ๋อได้สติขึ้นมาหลังจากนอนสลบบนพื้นอยู่พักหนึ่ง แต่ตอนนี้เห็นบรรดาเพื่อนฝูงรุมล้อม เขายิ่งอับอายเกินกว่าจะทานทน
“พี่น้องทั้งหลาย ไอ้หมอนี่มันกล้าตบหน้าฉัน ทุกคนต้องล้างแค้นให้นะ! พวกเราต้องสั่งสอนมันให้หลาบจำ!”
ถ้าหวางเจ๋อพูดประโยคนี้ก่อนหน้าที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้น เพื่อนร่วมชั้นของเขาคงจะช่วยแน่นอน แต่ตอนนี้ทุกคนต่างตระหนักดีแล้วว่า จ้าวเฉียนมีอำนาจอิทธิพลขนาดไหน จึงไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่คนเดียว
“นี่พวกนายยังมัวยืนนิ่งอยู่ทำไม! ฉันเป็นเพื่อนพวกนายนะ!”
หวางเจ๋อตะโกนใส่ทุกคนสุดเสียงด้วยความโกรธจัด
“หวางเจ๋อ ฉันว่านายใจเย็นก่อนดีกว่า เรื่องมันเกิดไปแล้วมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แล้วยังจะฝืนทำไม?”
“ถูกต้อง ในฐานะมนุษย์คนนึงนายต้องยอมรับความจริงให้ได้นะ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงเหล่านั้น”
“เราเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้เหมือนกับลูกทายาทเศรษฐี ความต่างชั้นทางสังคมคือความจริงที่ไม่อาจเลี่ยง ถ้าสิ่งไหนที่นายทำแล้วไม่เป็นประโยชน์ หยุดได้ก็หยุดเถอะ”
หวางเจ๋อระเบิดหัวเราะลั่นราวกับเสียสติไปแล้ว คำรามเสียงดังสนั่นว่า
“ไอ้พวกโง่! มันก็มนุษย์เหมือนกันไม่ใช่เหรอวะ! อีกไม่นานกูจะทำให้มันต้องคุกเข่าเลียเท้าให้ดู! ขยะมันก็ยังเป็นรขยะวันยังค่ำ!”
ทุกคนรีบเข้ามาขวางหวางเจ๋อไม่ให้ทำอะไรบ้าๆ ทันที แต่จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจท่าทีของอีกฝ่ายเลยแม้สักนิด เขาจงใจพูดเสียงดังขึ้นลอยๆ ว่า
“ไม่ใช่ว่าจะร้องคาราโอเกะกันไม่ใช่เหรอ? แล้วเห่าทำไม?”
เหลียวเซียวหยุนไม่สนใจที่จะอยู่ร้องคาราโอเกะต่อ เธอตรงเข้าไปคว้าแขนจ้าวเฉียนหวังจะจากออกไป
หลัวเสี่ยวรีบหยุดพวกเขาไว้โดยเร็วพร้อมกล่าวว่า
“ไม่ไปร้องคาราโอเกะกันต่อจริงๆ เหรอ? ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ไปกันเถอะ ถือว่านานๆ ทีได้มาพบปะเพื่อนเก่าแหละเซียวหยุน”
ทุกคนหยุดให้ความสนใจหวางเจ๋อที่นอนหมอบอยู่บนพื้นในทันทีและรีบพยักหน้าเห็นด้วยกันหลัวเสี่ยว แน่นอนว่าการร้องเพลงมันไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่คือโอกาสได้ใกล้ชิดกับจ้าวเฉียนต่างหาก
หวางเจ๋อไม่พอใจอย่างมากเมื่อเห็นสถานการร์กลับกลายเป็นแบบนี้ อละเตรียมคิดแผนที่จะบีบให้จ้าวเฉียนต้องหมอบคลานมาขอขมาเขาไว้เรียบร้อย แสยะยิ้มเหยียดหยันบนมุมปาก เขารีบลุกขึ้นและติดตามคนอื่นๆ ไป
เนื่องจากงานเลี้ยงรุ่นที่จัดกันเองครั้งนี้ มีแกนนำเป็นหลัวเสี่ยว โดยธรรมชาติแล้วเธอจึงเลือกคาราโอเกะที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงจนเกินไป
ไม่นานทุกคนก็มายังร้านคาราโอเกะชื่อPunching Bag
หลัวเสี่ยวจองห้องคาราโอเกะผ่านทางออนไลน์ไว้ หลังจากแสดงหลักฐานการจองให้พนักงานต้อนรับดู พนักงานคนนั้นก็เรียนเชิญทุกคนเข้าไปในห้องส่วนตัวโดยตรง
“คุณจ้าวครับ อยากร้องเพลงอะไรดี? ให้ผมช่วยเลือกดีไหม?”
เฉินโฉวหยิบเมนูเพลงขึ้นมากางให้จ้าวเฉียน พร้อมเรียนถามด้วยวาจาแสนสุภาพยิ่ง
จ้าวเฉียนโบกมือปัดเล็กน้อยและกล่าวตอบไปว่า
“ไม่ล่ะ ให้เพื่อนของคุณร้องเพลงไปนั่นแหละ ผมรอฟังอย่างเดียวดีกว่า”
“แหมไม่เป็นไรเหรอครับ! อย่าเกรงใจไปเลย แฟนของเซียวหยุนก็เหมือนคนในครอบครัวของพวกเรา! ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ จริงไหมทุกคน!”
“ใช่แล้ว! เฉินโฉวพูดถูก! อย่าเกรงใจเลยครับ เอาแบบนี้ดีไหม เขามากันเป็นคู่ก็ต้องร้องเพลงเป็นคู่! ขอช่วงเวลาหวานๆ ให้คุณจ้าวกับเซียวหยุนหน่อยเร็ว!”
“ได้เลย ได้เลย! งั้นต้องเพลงนี้! ติ๊ด!”
My Sweetheart!
บรรดาฝูงชนเริ่มโหร้องเสียงดังชักชวนไม่หยุดหย่อน ซึ่งนี่ทำให้จ้าวเฉียนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
เหลียวเซียวหยุนเองก็เช่นกัน แต่เธอตะโกนบอกทุกคนว่า
“พอแล้ว! นี่แค่งานเลี้ยงรวมตัวเพื่อนเก่า อย่ามาบังคับกันแบบนี้!”
“ฉันก็ไม่ได้บังคับเธอสักหน่อย! เอาไปถือเล่นก็ได้นะ แล้วให้สองคนนั้นร้องด้วยกันแทน!”
เฉินโฉวหัวหมอหยิบไมโครโฟนตัวหนึ่งให้จ้าวเฉียน ส่วนอีกตัวให้หลัวเสี่ยว ถ้าเหลียวเซียวหยุนเลือกที่จะไม่ร้องเพลงก็เท่ากับว่า จ้าวเฉียนต้องร้องคู่กับหลัวเสี่ยวแทน
ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องร้องเพลงไป
จ้าวเฉียนไม่ได้คนร้องเพลงเพราะอะไร โดยเฉพาะกับเพลงเก่าแบบนี้ ทำนองร้องก็ไม่ตรง เนื้อเพลงก็ร้องผิด ฟังดูแล้วร้องเพี้ยนอย่างไม่ต้องสงสัย
“สุดยอด! คุณจ้าวร้องเพลงเพราะมากเลย! ดูท่าไปเป็นนักร้องได้เลยนะเนี่ย!”
“พูดถูกต้องที่สุด! เดี๋ยวนี้หลังจบเพลงจะมีประเมินคะแนนการร้องด้วย ต้องได้100เต็มแน่เลย!”
“เซียวหยุนเองก็ร้องเพลงดี เธอกับคุณจ้าวเหมาะสมกันที่สุดแล้ว”
….
จ้าวเฉียนอดหัวเราะพไม่ได้พอได้ยินทุกคนต่างเยินยอเขาแบบนี้ เขามาที่นี่ในฐานะแฟนหนุ่มของเหลียวเซียวหยุนและตอนนี้เขากลายมาเป็นตัวเอกของทุกคนเสียแล้ว
หวางเจ๋อลุกขึ้นมาอีกครั้ง หยิบไวน์ขึ้นมาสองแก้ว เขาส่งแก้วหนึ่งให้แก้จ้าวเฉียนพร้อมกล่าวว่า
“คุณจ้าว ผมขออวยพรให้คุณด้วยไวน์แก้วนี้ รบกวนด้วยครับ”
แต่จ้าวเฉียนเพิกเฉยต่อหวางเจ๋อโดยสมบูรณ์ และหันไปมองบนจอยักษ์หน้าห้องราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หวางเจ๋อทราบดีว่าตัวเองกลายเป็นหมาหัวเน่าโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงเดินกลับไปนั่งเมาคนเดียวต่อไป
หลังจากทุกคนร้องเพลงกันจนจุใจแล้ว หลัวเสี่ยวก็ปิดไมโครโฟนลงและแนะนำขึ้นทันทีว่า
“ทมุกคนคงร้องเพลงกันจนเหนื่อยแล้ว เรามาพักเล่นเกมกันเถอะ”
“เห็นด้วย! เกมอะไรดี?”
“คุณจ้าวอยากเล่นเกมอะไรครับ?”
“ใช่แล้ว! คุณจ้าวอยากเล่นเกมอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ? ส่วนพวกเราเล่นอะไรก็ได้!”
คนพวกนี้ประจบสอพลอเก่งเหลือล้น ก่อนหน้านี้ที่ห้องอาหหาร พวกเขาต่างดูถูกดูแคลนจ้าวเฉียนสารพัดวิธี แล้วดูตอนนี้สิ?
จ้าวเฉียนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า
“ทุกคนสุภาพเกินไปแล้ว นี่มันงานที่เพื่อนเก่าของพวกคุณนัดเจอกัน พวกคุณก็ต้องเป็นคนตัดสินใจเองสิครับ ไม่ต้องสนใจผมขนาดนั้นก็ได้”
“คุณจ้าวนั้นแหละครับที่สุภาพเกินไป พวกเราก็คนกันเอง มาครับ อย่าปฏิบัติกันอย่างกับคนนอกเลย!”
“จริงครับ คุณจ้าวเป็นแฟนหนุ่มของเซียวหหยุน ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นในอนาคตก็อย่าเกรงใจที่จะมาปรึกษากันนะครับ ถึงเราจะไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น แต่มีเรื่องอะไรพวกเราพร้อมสนับสนุนตลอด!”
“ใช่แล้ว อย่าเห็นพวกเราเป็นคนนอกเลย มีอะไรไม่ต้องอายค่ะ พูดกันได้ตามตรงเลย พวกเราจะคอยช่วยเหลือยอย่างสุดความสามารถ”
ท้ายที่สุดนี้ พวกเราเพียงต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับจ้าวเฉียนเท่านั้น หากในภายภาคหน้าพวกเขามีเรื่องอะไร ตะได้คอยพึงพาจ้าวเฉียนได้ และที่กล้าเอ่ยออกไปแบบนั้นเพราะพวกเราทราบดีว่า ปัญหาที่เรียกว่าปัญหาสำหรับจ้าวเฉียน มันคงยากเกินความสามารถพวกเขาเช่นกัน แค่รับฟังอย่างเดียวก็แค่เรื่องง่ายๆ ไม่เหนื่อยแรง
มีหรือที่จ้าวเฉียนจะไม่เข้าใจความคิดของคนพวกนี้ เขาตอบกลับไปว่า
“ฮ่าฮ่า…ยังไงก็ขอขอบคุณล่วงหน้านะครับ แต่ถ้าผมมีปัญหาขึ้นจริง พวกคุณทุกคนคงช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน”
“ฮ่าฮ่า…นั่นสินะ”
“แต่เราก็ยังคอยรับฟัง แบ่งเบาปัญหาให้คุณจ้าวได้นะครับ”
“ใช่ครับ พวกเรายินดีรับฟังแน่นอน”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบางเปลี่ยนประเด็นทันที
“เอาล่ะครับ แล้วตกลงจะเล่นเกมอะไรดี?”
หลัวเสี่ยวพยักหน้าและเอ่ยกล่าวเสียงดังฟังชัดไปว่า
“ถ้าอย่างนั้น ฉันเลือกเองแล้วกัน เกมนี้พวกนายทุกคนใช้ได้แค่ปากนะ ห้ามใช้มือเด็ดขาด เอาเป็น…ส่งต่อกระดาษโน้ตแล้วกัน! ทุกคนว่ายังไง?”
“น่าสนใจนะ! ฉันโอเค!”
“ฉันก็ไม่มีอะไรโต้แย้งอยู่แล้ว!”
“ฉันเองก็ด้วย…”
ทุกคนล้วนเห็นตรงกันทั้งสิ้น หลัวเสี่ยวเรียกให้ทุกคนนั่งประจำที่ เธอหยิบกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งขึ้นมา และเริ่มคาบด้วยปากส่งต่อไปให้เพื่อนอีกคนข้างกาย
ซ้ายมือของจ้าวเฉียนคือเหลียวเซียวหยุน ส่วนขวามือเป็นหญิงสาวชื่อลี่หลิง
เมื่อกระดาษโน้ตส่งตรงถึงปากลี่หลิง เธอก็ยื่นริมฝีปากสีหวานออกไปหาจ้าวเฉียนเล็กน้อย พอประกบคู่สายตากับจ้าวเฉียน จู่ๆ เธอก็รู้สึกเขินขึ้นมาโดยพลัน ถึงขั้นหลับตาปี๋พร้อมใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
เนื่องจากนี่เป็นแค่เกม จ้าวเฉียนจึงไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก แต่อย่างไรเขาต้องการจะใช้โอกาสนี้ ‘แกล้ง’ เหลียวเซียวหยุนสักหน่อย
จ้าวเฉียนค่อยๆ ขยับริมผีปาก เอียงคอให้เข้าองศากับริมฝีปากของลี่หลิง เขาจูบโน้ตแผ่นนั้นอย่างดูดดื่ม แผ่นกระดาษที่ลี่หลิงคาบไว้จวนจะฉีกเต็มทน เธอหน้าแดงแจ๋รู้สึกประหม่าเกินทานทน ร่างบางของเธอสั่นสะท้าน ราวกับว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังจูบกัน
จ้าวเฉียนตกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายจูบตอบ เขารีบชักหัวกลับทันทีและคาบกระดาษโน้ตออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตา ทุกคนจึงไม่ทันสังเกตว่าจ้าวเฉียนกับลี่หลิงปากประกบกันหรือไม่?
จ้าวเฉียนใจสั่นไม่น้อยเช่นกัน เพื่อหลบซ่อนความตื่นตระหนก เขาจึงรีบหันไปหาเหลียวเซียวหยุนเพื่อให้เธอคาบกระดาษโน้ตส่งต่อจากเขา
เหลียวเซียวหยุนเห็นว่ากระดาษโน้ตแผ่นนี้ขาดจนแทบไม่เหลือเนื้อที่ให้เธอคาบต่อแล้ว มุ่ยคิ้วบ่นขึ้นทันทีว่า
“เหอะ แล้วฉันจะคาบต่อได้ยังไง?”
จ้าวเฉียนคายแผ่นโน้ตออกมาเล็กน้อยให้เหลือเนื้อที่ต่อ พลางกระพริบตาส่งสัญญาณให้เธอคาบตรงนี้
เหลียวเซียวหยุนรู้สึกอายเกินจะรับไหว เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแทน
“โอ้ย มาดื่มอะไรตอนนี้! คุณจ้าวส่งโน้ตถึงตรงหน้าขนาดนี้แล้ว เธอต้องเล่นต่อนะ!”
คนอื่นๆ เองต่างพูดยุให้เหลียวเซียวหยุนเล่นต่อเช่นกัน หวังจะใช้โอกาสนี้ทำให้จ้าวเฉียนพึงพอใจ
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! ต้องเล่นต่อนะ! เอาให้ผ่าน!”
“นี่เป็นแค่เกมน่า ไม่เห็นต้องอายเลย!”
“เหลียวเซียวหยุน แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วเหรอ?”
“นั้นสิ เซียวหยุน เธอไม่อายเหรอที่หยิบไวน์ขึ้นมาดื่มหน้าตาเฉยเลย จะเลิกเล่นกลางคันแบบนี้ไม่ได้นะ!”
ทุกคนต่างพูดยั่วยถ ทำเอาเหลียวเซียวหยุนรู้สึกละอายใจจนต้องวางแก้วไวน์ลง โดยไม่มีทางเลือกอื่นใดๆ เธอจึงทำได้เพียงค่อยขยับศีรษะเข้าใกล้จ้าวเฉียน หันปากเข้าประกบกับเขา