ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่186 เล่นให้จบ
ตอนที่186 เล่นให้จบ
การที่ผู้กำกับหลี่ไม่ยื่นมือมาช่วยหวังจิ้งหลิน จ้าวเฉียนพอจะคาดเดาได้ทันทีว่าทำไม บางทีเรื่องนี้อาจมีหยางหู่อยู่เบื้องหลัง
แต่ทำไมตำรวจแก่คนนี้ถึงมุ่งเป้าไปที่สองพ่อลูกตระกูลหวังขนาดนั้น สำหรับเรื่องนี้เขาไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ เพราะจ้าวเฉียนไม่มีทางเชื่อว่า ตำรวจธรรมดาใกล้เกษียณแบบนี้ไม่มีทางหาปัญหาใหญ่ใส่ตัวเองแน่นอน
หวังจิ้งหลินยังคงยืนค้างเติงอยู่พักใหญ่ เขาไม่เข้าใจแม้สักนิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน
จ้าวเฉียนยิ้มพลางกล่าวว่า
“โอ้ หันหน้าก็เสียเงิน หันหลังก็เสียเมีย ประธานหวัง…ช่วยผมคิดหน่อยสิว่า สถานการณ์ของคุณกับลูกสาวในตอนนี้เหมาะกับสำนวนไหนที่สุด!”
หวังจิ้งหลินเหลือบมองจ้าวเฉียนด้วยความโกรธจัด กระซิบตอบไปว่า
“คางคกขึ้นวอ!”
“ฮ่าฮ่า…ไม่ได้ให้ยกตัวอย่างสำนวนที่เกี่ยวกับผมสิ ประธานหวังครับ ทางที่ดีคุณไม่ควรสวนกระแสน้ำให้เหนื่อยเปล่า หลังจากนี้ก็กลับบ้านไปพักผ่อนซะนะครับ อายุก็ปูนนี้แล้ว ป่วยขึ้นมาเดี๋ยวจะแย่เอานะครับ”
จากนั้นจ้าวเฉียนก็เอนตัวนอนลงบนเตียงหลังพูดจบ ดึงม่านเลื่อนมาปิดและหลับตา แสร้งทำเป็นหลับ
หวังจิ้งหลินหันไปกล่าวกับตำรวจที่นำมาด้วยว่า
“คุณตำรวจ ออกไปรอข้างนอกก่อน ผมมีเรื่องต้องคุยกับเขาส่วนตัว”
ตำรวจเหล่านั้นพยัดกหน้าและเดินจากออกไป เหลือทิ้งไว้เพียงจ้าวเฉียนกับหวังจิ้งหลิงกันสองต่อสอง
หวังจิ้งหลินหัวเราะครืนเล็กน้อย ก่อนเดินไปนั่งข้างเตียงจ้าวเฉียนและกล่าวขึ้นว่า
“ไอ้หนุ่ม เรามาคุยกันตรงๆเลยดีกว่า ทำไมนายถึงพยายามก่อปัญหาให้พวกฉันขนาดนี้?”
จ้าวเฉียนหรี่ตาแคบเหลือบแลเหลียว ยิ้มตอบกลับไปว่า
“ประธานหวัง พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ คนที่หาเรื่องผมก่อนคือลูกสาวของคุณนั้นแหละ”
หวังจิ้งหลินคลี่ยิ้มช้าๆคล้ายท่าทีเหนื่อยใจ น้ำเสียงของเขาดูสุภาพขึ้นหลายส่วน
“โอเค ฉันขอพูดตรงๆนะ ถ้าได้คนอย่างนายอยู่ฝ่ายเดียวกับฉันคงดีไม่น้อยเลย เอาแบบนี้แล้วกัน 350ล้านหยวนแลกกับยุติเรื่องทั้งหมด ฉันเคยได้ยินซินซินเล่าเกี่ยวกับนาย ได้ข่าวว่ากำลังว่างงานใช่ไหม? นายมาทำงานให้ฉันดีกว่า ฉันจะมอบตำแหน่งผู้จัดการบริษัทแก่นายโดยตรง นอกจากนี้ฉันจะคอยสนับสนุนนายเอง ว่ายังไงล่ะ?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นและกล่าวตอบไปว่า
“บริษัทอสังหาหวังของคุณก็แค่บริษัทที่กำลังจะล้มละลาย ผมไม่อยากไปทำงานด้วยหรอกครับ?”
“ถึงเราจะไม่ค่อยกินเส้นกัน แต่ไม่เห็นต้องแช่งกันแบบนี้เลย? สภาพคล่องของบริษัทเราอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก ถ้าขายโครงการ Pearl of the Seaได้หมด กำไรขั้นต่ำต้องไม่น้อยกว่า500ล้านหยวนแน่นอน ถ้านายไปเป็นผู้จักการของบริษัทฉัน อนาคตของนายต้องรุ่งเรืองแน่นอน”
จ้าวเฉียนมีความมั่นใจมากเกินพอและรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงบอกความจริงไปตามตรงว่า
“ผมวานให้เพื่อนผมเข้ากดดันทุกธนาคารที่ปล่อยกู้ให้บริษัทของคุณ ทันทีที่ทำสำเร็จ ทุกธนาคารจะยุติการปล่อยกู้โดยตรง ถึงตอนนั้นบริษัทของประธานหวังคงล้มละลายแน่นอนครับ”
หวังจิ้งหลินถึงกับหน้าเสียทันทีที่ได้ยิน เขารีบเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“สิ่งที่นายพูดมาหมายความว่ายังไงเจ้าหนุ่ม? นี่นาย…พูดจริงๆงั้นเหรอ?”
จ้าวเฉียนเพียงพยักหน้าตอบเท่านั้น
หวังจิ้งหลินนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสุดจะทานทน
“ถึงแม้บริษัทของฉันจะไม่ได้ใหญ่โตระดับประเทศ แต่ก็ยังเป็นบริษัทอสังหาอันดับต้นๆในภูมิภาค ถ้านายบอกว่า บริษัทของฉันกำลังจะล้มละลายเพียงเพราะนายคนเดียว ฉันว่านายไม่มั่นใจเกินไปหน่อยเหรอ? ขอเตือนไว้ก่อนนะ เลิกขู่คนอื่นไปทั่วก่อนจะสายเกินไป ถึงเวลานั้นต่อให้นายร้องขอความเมตตาแค่ไหน ฉันก็จะไม่ปราณีแน่!”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มกว้าง ทิ้งหัวฟุบหมอนพลางโบกมือปัดกล่าวขึ้นว่า
“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ขอให้ประธานหวังโชคดี ประสบพบเจอแต่ความสุขความเจริญนะครับ มันถึงเวลาที่ผมต้องนอนพักแล้ว หวังว่าประธานหวังจะมาเล่นกับผมใหม่นะครับ”
หวังจิ้งหลินสูดหายใจแช่มลึกดูเยือกเย็น ก่อนจะจากออกไปพร้อมกับความหงุดหงิด
เดิมทีเขาหวังจะสร้างมิตรภาพกับจ้าวเฉียน แต่ไม่คิดเลยว่า การพบเจอครั้งนี้จะยิ่งเป็นการเติมชนวนไฟเข้าไปใหญ่
อย่างไรก็ตามแต่ หวังจิ้งหลินไม่กลัวจ้าวเฉียนสักนิด และเขาไม่เชื่อว่า เส้นสายที่ตัวเองสั่งสมมานับสิบปีจะไม่สามารถเทียบเคียงกับเส้นสายของเด็กหนุ่มแค่คนเดียวได้
หยางหู่วิ่งวุ่นตลอดทั้งช่วงบ่าน ก่อนจะรีบมาเยี่ยมจ้าวเฉียนในช่วงเย็น
“คุณชายจ้าว ผมเตรียมการทุกอย่างใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วครับ พรุ่งนี้ทุกธนาคารที่ปล่อยสัญญากู้เงินกับอสังหาหวังจะประกาศฉีกสัญญา และบีบให้หวังจิ้งหลินจ่ายค่าชดเชยทั้งหมดพร้อมกัน ราคาที่ประเมินคราวๆน่าจะ300ล้านหยวนครับ ถึงการโจมตีครั้งนี้จะค่อนข้างรุนแรง แต่การจะให้พวกเขาล้มละลายในทันทียังค่อนข้างยากครับ”
หยางหู่รายงานให้จ้าวเฉียนฟัง
จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวตอบไปว่า
“ไม่เป็นไร ถึงแบบนั้นพวกมันเองคงสาหัสไม่น้อยเช่นกัน ยังไงก็เถอะฝากส่งคนไปคอยติดตามหวังจิ้งหลินด้วย บางทีเจ้านั้นอาจกำลังหาทางวางแผนโจมตีฉันคืน”
“อย่ากังวลไปเลยครับคุณชายจ้าว ผมได้จัดเตรียมคนไปสอดแนมอีกฝ่ายหมดแล้ว ได้ข้อมูลส่วนตัวมาค่อนข้างมาก”
หยางหู่เอ่ยตอบ
จ้าวเฉียนพยักหน้าสีหน้าดูพึงพอใจ และเอ่ยถามต่อว่า
“แล้วตอนนี้นายได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง?”
หยางหู่รีบตอบทันที
“ที่เด็ดๆเลยก็คือ เขาแอบมีเมียน้อยหลายคน แถมยังมีลูกนอกสมรสอีกที่หลบซ่อนอยู่ภายในเมือง แต่เรายังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นใครชื่อแซ่อะไร คาดว่าจะพบกับลูกนอกสมรสและเมียน้อยในอีกไม่ช้านี้ ตอนนี้เขาเองก็อายุ50กว่าปีแล้ว ทันทีที่ตายไปจะต้องมีเรื่องมรดกเข้ามาพัวพันแน่นอน และเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ลูกสาวของเขาจะได้รับสมบัติทั้งหมด จะต้องมีเมียน้อยพวกนี้โผล่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ถึงตอนนี้เรายังมีช่องว่างจัดการตระกูลหวังได้อีกเยอะ”
จ้าวเฉียนถึงกับระเบิดหัวเราะลั่น เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หวังจิ้งหลินจะเป็นเสือผู้หญิง วางไข่กับหญิงคนไหนไม่รู้อีกมากมาย เรื่องลูกนอกสมรสที่ว่า พนันได้เลยว่าแม้แต่หวังซินซินเองก็ยังไม่รู้ ถ้ามาทราบทีหลัง เธอจะรู้สึกเศร้าขนาดไหนกัน?
หลังจากทั้งสองพูดคุยกันจบ หยางหู่ก็จากออกไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าปล่อยให้จ้าวเฉียนอยู่คนเดียวแน่นอน จึงสั่งการให้ลูกน้องตนเองจำนวนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง
เวลา8โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น จ้าวเฉียนใช้ประโยชน์จากหมอที่รู้จัก ขอเวลานอกออกนอกโรงพยาบาลไป หลังจากนั้นเขาก็โทรหาหวางเจียง
“เธอว่างไหม? ว่าจะชวนไปดูรถแข่ง”
“ฉันกำลังจะไปที่สนาม International Racing พอดี เอ่อ…ฉันแนะนำว่านายอย่ามาเลยจะดีกว่า”
หวานเจียงเอ่ยกล่าวน้ำเสียงอย่างรู้สึกผิด
จ้าวเฉียนพลันรู้สึกแปลกใจขึ้นทันที จึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า
“ทำไม?”
หวานเจียงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบน้ำเสียงออดอ้อนว่า
“เอาน่า นายไม่ควรมางานนี้หรอก เดี๋ยวนายอึดอัดเปล่าๆ…”
“อะไรของเธอเนี่ย! มีอะไรก็บอกฉันมาเลยดีกว่า บริษัทฉันเองก็กำลังจะสร้างหนังเกี่ยวกับธีมรถแข่ง ยังไงผมก็ต้องไปดูสถานที่จริงอยู่ดี ไม่อย่างนั้นจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินใจ!”
จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นโกรธ พูดออกไปแบบนั้น
“ก็ใช่ไง! เพราะมีแผนจะสร้างหนังแนวนี้ฉันเลยต้องพาผู้กำกับไปดูสถานที่จริงนี่ไง!”
หวานเจียงสวนตอบกลับไปทันที
“โอ้ยก็แค่นั้นเอง จะอายไปทำไม?”
“ก็เพราะผู้กำกับคนนั้นคือเฟิงเต๋อไง! เดี๋ยวนายก็ไม่สบายใจอีก!”
เฟิงเต๋อเป็นผู้กำกับที่มาแรงที่สุดในบรรดาผู้กำกับรุ่นใหม่ทั้งหมดในประเทศจีน ราคาค่าตัวของเขาแพงเสียยิ่งกว่าดาราหน้าใหม่อีกหลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้จ้าวเฉียนก็เคยพูดเองว่า เขาไม่ค่อยจะชอบเฟิงเต๋อเท่าไหร่นัก
เฟิงเต๋อสร้างภาพยนตร์มาทั้งหมดสามเรื่องเท่านั้นตั้งแต่เขาเดบิวต์ขึ้นมา แต่ทุกเรื่องล้วนติดบ็อกซ์ออฟฟิศทั้งสิ้น แต่ละเรื่องสร้างรายได้ให้แก่เขาเกินพันล้านทั้งสิ้น กวาดรางวัลมาแล้วมากมายจากหลายสาขา
พูดได้เลยว่า ถ้าได้เขามานั่งแท่นผู้กำกับ ก็การันตีได้เลยว่าหนังเรื่องนั้นๆได้ขึ้นบ็อกซ์ออฟฟิศแน่นอน นักลงทุนจำนวนมากมายต่างทุ่มเงินให้แก่เขาเป็นจำนวนมหาศาล โดยให้อิสระกับเขาในการสร้างหนัง ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจู้จี้จุกจิกมาก เขาเคยชวนหวานเจียงออกไปดินเนอร์ตั้งหลายต่อหลายครั้ง
จ้าวเฉียนไม่ได้รู้จักเฟิงเต๋อเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็พอทราบว่ามา เขาเป็นผู้กำกับที่มีความสามารถอย่างมาก
และอีกจุดสำคัญคือ เขาเป็นพวกเพลย์บอย ควงสาวไม่เคยซ้ำหน้า โดยภาพยนตร์ทั้งสามเรื่องที่เขาเคยกำกับ นางเอกทุกคนล้วนมีข่าวฉาวกับเขามาแล้วทั้งสิ้น เพราะเป็นแบบนี้หวานเจียงจึงไม่อยากให้จ้าวเฉียนรู้เรื่องนี้
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มอย่างดูถูกและกล่าวตอบไปว่า
“ไม่มีผู้ชายคนไหนที่สามารถเทียบเคียงฉันได้อีกแล้ว เธอประเมินเขาสูงเกินไป”
“นี่นายจะมอบตัวเองดีเด่ไปถึงไหน?”
หวานเจียงกล่าวออกมาอย่างสุดจะทนแล้วกับความหลงตัวเองของจ้าวเฉียน
นี่ยิ่งทำให้จ้าวเฉียนของขึ้นไม่น้อย เขาเอ่ยตอบกลับไปว่า
“ต่อให้เขาเก่งแค่ไหน แต่สิ่งเดียวที่เขาหวังคือ จะทำยังไงให้เธอกลายเป็นทาสรักบนเตียงเขา! เธอหลงกลมันแล้ว!”
หวานเจียงไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป จึงกล่าวตอบชนิดไม่ไว้หน้าสวนไปว่า
“ที่นายพูดไปไม่อายปากตัวเองเลยรึไง! แล้วอะไรถึงทำให้นายมั่นหน้าขนาดนี้?”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ! ส่วนเรื่องที่เฟิงเต๋อจะได้มากำกับหนังหรือไม่ เรื่องนี้ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง!”
หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็วางสายทิ้งทันที พร้อมขับรถไปที่สนามแข่งอย่างรวดเร็ว
หวานเจียงเองก็ไม่อยากสนใจอีกฝ่ายแล้วเช่นกัน เธอไม่เชื่อว่าเฟิงเต๋อจะเป็นคนแบบนั้น แถมอีกอย่าง เขาต้องกำกับหนังเก่งแค่ไหน ถึงมีนักลงทุนมากมายทุ่มเงินแก่เขาเป็นจำนวนมหาศาล แต่ตอนนี้จ้าวเฉียนกลับจะไล่เขาออกไป นี่เขาเพี้ยนไปแล้วรึไงกัน?