ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่225 หวานหลินเข้าโรงพยาบาล
ตอนที่225 หวานหลินเข้าโรงพยาบาล
อวู่เสี่ยวหัวรีบออกไปสั่งการพวกพนักงานตามคำสั่งของจ้าวเฉียน ทั้งยังกำชับอีกว่าต้องดำเนินตามแผนอย่างเคร่งครัด
อีกด้านหนึ่ง หวานหลินก็กำลังโมโหอย่างมากเช่นกัน จนหวานเจียงต้องรีบเข้ามาปลอบ
“พ่อค่ะ หนูขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของหนูเอง แต่วิธีนี้หนูว่าจะต้องได้ผลแน่ รอตลาดเปิดหุ้นจะต้องฟื้นตัวกลับมาแน่นอน”
หวานหลินถอนหายใจเฮือกใหญ่และเอ่ยตอบไปว่า
“พ่อรู้สึกไม่ค่อยดีเลย หรือบางทีอาจจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ จ้าวเฉียนทุ่มเงินหลายร้อยล้านหยวนเพื่อซื้อช่องทางสื่อ หนูรู้ดีค่ะว่าเขามีเงินอยู่ประมาณเท่าไหร่ นี่คงถึงขีดจำกัดของเขาแล้วเช่นกัน หลังจากนี้หมอนั่นคงไม่เหลือพิษสงอะไรแล้ว พ่อไม่ต้องเครียดไปนะ”
หวานเจียงพยายามกล่าวเพื่อปลอบโยนพ่อของเธอ
ระหว่างที่คู่พ่อลูกกำลังสนทนากันอยู่นั้นเอง ตลาดหุ้นของวันก็เปิดทำการ
ซึ่งประกาศของหวานหลินที่ถูกเผยแพร่ออกไปมันได้ผลจริงๆ ราคาเปิดของหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปเพิ่มขึ้นทันที10%โดยตรง ทะลุแนวต้านขึ้นไป
“เฮ้ออ…”
หวานหลินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หวานเจียงระเบิดหัวเราะทันทีอย่างมีความสุข เธอกล่าวกับพ่อว่า
“พ่อค่ะเห็นไหม? หนูบอกแล้วว่าหมอนั่นไม่เหลือพิษสงอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องกังวล หลังจากนี้เดี๋ยวราคาหุ้นก็จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมาเอง”
หวานหลินคลี่ยิ้มออกมาได้สักทีหลังจากเครียดอยู่หลายวัน คล้ายกับยกภูเขาออกจากอกไป
แต่สองพ่อลูกตระกูลหวานเพิ่งมีความสุขได้ไม่ทันไร จู่ๆราคาหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปก็พุ่งสูงขึ้นชนิดหยุดไม่อยู่ ก่อนจะถูกทุบลงมาอย่างแรงราวกับโดนค้อนหนักพันตันหวดเข้าใส่
เปิดตลาดได้ไม่ถึงชั่วโมง ราคาหุ้นของฮวาหยินกรุ๊ปกลับมาติดลบเก้าจุดของวัน
เจ้าหน้าที่กรมการกำกับหลักทรัพย์โทรสายเข้าหาหวานหลินอีกครั้ง
“คุณหวานได้โปรดบอกความจริงมาเถอะครับว่าคุณกำลังทำอะไรกันแน่? คิดจะปล่อยข่าวเพื่อลากหุ้นให้สูงที่สุดและเทขายของตัวเองทิ้งไปงั้นเหรอครับ? นี่เข่าค่ายหลอกลวงผู้ถือหุ้นรายอื่นๆเขานะครับ คนที่มีหุ้นส่วนเกิน5%เท่านั้นที่จะปั่นราคาหุ้นแบบนี้ได้ ผมไม่อยากจะใส่ร้ายหรอกนะครับว่าเป็นฝีมือของคุณ แค่คนที่ถือหุ้นเกิน5%กลับมีแค่คุณกับน้องชายคุณเท่านั้น หรือจะบอกว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นๆรวมหัวกันปั่นราคา?”
หวานหลินผงะไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ผมไม่รู้จริงๆครับว่าคุณกำลังหมายถึงอะไร? ผมขอเวลาสืบค้นข้อเท็จจริงของเรื่องนี้อีกที แล้วจะมาแจ้งให้ทราบนะครับ”
เจ้าหน้าที่ตอบกลับไปว่า
“ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไง แต่ภาพลักษณ์ที่ออกไปมันไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นคุณควรเตรียมใจเอาไว้นะครับ แต่ในความเห็นของผม เหตุการณ์ครั้งนี้มันไม่ใช่ฝีมือของคุณจริงๆ อาจจะมีใครจงใจปั่นหุ้นเพื่อขายเอากำไร และซื้อกลับคืนในภายหลัง จากประสบการณ์นับสิบปีในตลาดหลักทรัพย์ ผมว่าคุณหวานควรเตรียมเงินซื้อหุ้นในส่วนนี้กลับเข้ามาในมือก่อนจะดีที่สุดนะครับ ระวังตัวหน่อยก็ดีครับ”
หวานหลินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขากดวางสายพลางนั่งรอดูสถานการณ์อย่างเงียบงัน ซึ่งมันเป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่คนนั้นบอกไว้จริงๆ บนกระดานซื้อขาย ทันทีที่ราคาหุ้นดิ่งลงมาอย่างแรง จู่ๆก็มีใครมาจากไหนไม่รู้ตั้งออกเดอร์ซื้อทุกราคาในจำนวนมหาศาล ชนิดที่ว่าปัดออกเดอร์ของเขาเองที่ตั้งซื้อทิ้งไว้ตกกระดานไปเลย
ซึ่งนักลงทุนคนอื่นๆต่างคิดว่า ทั้งหมดเป็นฝีมือของหวานหลิน โดยทีแรกที่ตลาดเปิดหวานหลินจงใจปั่นราคาหุ้นในสูงเพื่อเทขายทำกำไร พอราคากลับที่เดินค่อยช้อนซื้อทุกราคา ทุกคนที่เห็นแบบนั้นก็หัวหมอถอนออเดอร์ขายออกไปจนหมด เพื่อรอให้ราคาหุ้นดีดขึ้นสูงอีกครั้งค่อยทำกำไร แต่เสี้ยวพริบตานั้นเอง ออเดอร์ตั้งซื้อทั้งหมดก็หน้าก็ถูกยกเลิกหายไปในพริบตา
แรงซื้อหดหายฉับพลัน ส่งผลให้ราคาหุ้นดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดอีกครั้ง บรรดาผู้ถือหุ้นคนอื่นๆเริ่มใจเสียกลัวว่าหวานหลินคิดจะลอยแพทุกคนแล้วจริงๆ เลยตั้งออเดอร์ขายในราคาต่ำสุดทันที ซึ่งระหว่างนี้เอง ทางฟู่ไห่ อินเวสเม้นทก์ก็เก็บเกี่ยวหุ้นราคาถูกแสนถูกอย่างเมามันส์ ควบคุมราคาให้เล่นไปตามเกม เข้าซื้อและขายทำกำไรระยะสั้นต่อไปเรื่อยๆ จนราคาดิ่งลงและดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง
(กลัวนึกภาพกันไม่ออกครับ จ้าวเฉียนจะเข้าซื้อที่จุดLow และปล่อยขายที่จุดHigh จากนั้นก็จะทุบหุ้นและเข้าซื้อที่จุดLowแล้วปล่อยขายที่จุดHigh ทำแบบนี้ซ้ำๆไปมาเรื่อยๆ นี่คือกลยุทธ์การทำกำไรในช่วงกราฟหุ้นอยู่ในช่วงขาลง ก่อนจะรอเก็บหุ้นทั้งหมดเมื่อตกลงมาอยู่ในจุดต่ำสุดทีเดียว)
พอเห็นแบบนั้นทางเจ้าหน้าที่คนนั้นรีบเร่งโทรมาหาหวานหลินอีกครั้ง
“คุณหวัง นี่ฝีมือคุณหรือเปล่า?!”
หวานหลินยังไม่คงตอบโต้ใดๆกลับไป แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดอย่างยิ่งก็คือ กำลังมีเจ้ามือทุนหนาเล่นเกมกับหุ้นของเขาอยู่แน่นอน ส่วนนักลงทุนรายใหญ่คนอื่นๆได้แต่เฝ้ามองกราฟเหล่านี้อย่างหมดหวัง
ณ เวลานี้เอง ทางสื่อหลักทุกสำนักก็มีข่าวรายงานออกมาอีกว่า
“หวานหลิน ประธานบริษัทฮวาหยินกรุ๊ป ใช้ข้ออ้างเพื่อปั่นหุ้นเพื่อเทขายทิ้ง ขณะนี้มีนักลงทุนกว่าหนึ่งแสนรายที่ถูกลอยแพไม่ทราบชะตากรรม”
“การกระทำนี้ของหวานหลินอาจเข้าค่ายฉ่อโกงเงินโดยให้ข้อมูลเป็นเท็จแก่นักลงทุน กรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์กำลังเข้าตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียด”
……..
พอเห็นข่าวไร้สาระแบบนี้ออกมาไม่หยุดหย่อน หวานหลินก็โกรธเป็นฝืนเป็นไฟจนสุดท้ายก็เป็นลมหมดสติทั้งแบบนั้น
หวานเจียงรีบตรงเข้าไปประคองร่างพ่อของเธอก่อนจะเรียกรถพยาบาล เพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็ทีข่าวใหม่ออกมาอีกว่า
“หวานหลิน ประธานบริษัทฮวาหยินกรุ๊ป ทรุดหนักเข้าขั้นวิกฤต ตอนนี้กำลังนำตัวส่งไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา”
“ข่าวลือดัวกล่าวเป็นความจริง พบเนื้องอกในสมองของประธานฉวาหยินกรุ๊ป ตอนนี้กำลังอยู่ในอาการโคม่า หลังจากนี้มิอาจทราบชะตากรรมของฮวาหยินกรุ๊ปได้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป”
………
หวานเจียงที่ยืนดูข่าวในโรงพยาบาลถึงกับทนไม่ไหว โทรศัพท์หาจ้าวเฉียนโดยตรง
“นี่แกพอใจแล้วแล้วรึยัง! จะทำอะไรพวกฉันอีก? ตอนนี้พ่ออยู่ในห้องICUยังนอนไม่ได้สติ! เมื่อไหร่นายจะเลิกจองเวรจองกรรมกับครอบครัวฉันสักที!”
หวานเจียงตะวาดทั้งน้ำตา
จ้าวเฉียนลุกขึ้นพรวดจากเตียงและเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“พ่อเธออยู่โรงพยาบาลไหน?”
“โรงพยาบาลเขต1! ทำไม? นายจะมาเยาะเย้ยพวกเรางั้นเหรอ?”
หวานเจียงประชดถาม
“ไร้สาระ ใครจะมาเยาะเย้ยเธอกัน?”
หลังจากจ้าวเฉียนกดวางสายไป เขาก็โทรหาหยางหู่ต่อทันที
“ฮาโหล เสี่ยวหู่ ฉันวานอะไรหน่อย ไปที่โรงพยาบาลเขต1ไปทาบทามผู้อำนวยการโรงพยาบาล กำชับให้ดูแลเคสของหวานหลินให้ดีที่สุด ไปเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกในสมองไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ ให้มารับผิดชอบเคสนี้โดยด่วนที่สุด ไม่ว่าเท่าไหร่ฉันจ่ายเอง”
หยางหู่รีบตอบกลับทันทีว่า
“ได้ครับคุณชายจ้าว ผมจะรีบไปทันที”
“แล้วอาการบาดเจ็บนายเป็นยังไงบ้าง?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามอีกครั้ง
“ดีขึ้นมากแล้วครับ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะรีบเข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลเขต1โดยเร็วที่สุด คุณชายไม่ต้องห่วงนะครับ”
“อืม ฉันฝากด้วยนะ”
วางสายไป จ้าวเฉียนอดตำหนิตัวเองไม่ได้เช่นกัน ครั้งนี้เขาเล่นแรงเกินไปจริงๆจนทำให้ฮวาหยินกรุ๊ปตกต่ำถึงจุดนี้
เพื่อป้องกันไม่ให้หวานหลินเป็นอะไรไปมากขนาดนี้ จ้าวเฉียนจึงตัดสินใจจบทุกอย่างทันที และโทรหาหวู่เสี่ยวหัวกล่าวว่า
“ก่อนตลาดปิดวันนี้ กวาดหุ้นเก็บมาให้หมด ไม่ต้องปั่นหุ้นต่อแล้ว”
หวู่เสี่ยวหัวเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัยว่า
“ทำไมคุณชายจ้าวถึงรีบร้อนจังค่ะ? ตอนนี้เรามีโอกาสชนะสูงมาก ทางหวานหลินเองก็ป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลแล้ว ถ้าเรายังกดดันแบบนี้ต่อไป และรอจนกว่าหวานหลินจะเสียชีวิตลง ราคาหุ้นที่เราจะได้อาจต่ำกว่านี้ถึง10-15% ถึงเวลานั้นเราจะลดต้นทุนไปได้อย่างมหาศาลเลยนะคะ”
จ้าวเฉียนไม่ต้องการจะอธิบายกับหู่เสี่ยวหัวให้มันมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปแค่ว่า
“พอแล้ว ทำตามที่ผมสั่ง”
หวู่เสี่ยวหัวตอบกลับเพียงว่า
“รับทราบค่ะ ดิฉันจะดำเนินการทันที”
หลังจากที่วางสายไป เธอก็เดินไปแจ้งพนักงานคนอื่นๆทันทีที่กำลังปั่นหุ้นอย่างเมามัน และประกาศให้ทุกคนทราบโดยทั่วว่า สงครามตลาดหุ้นฮวาหยินกรุ๊ปจะต้องจบลงเพียงเท่านี้
“เอ๊ะ? ทำไมประธานหวู่ถึงใจร้อนจังค่ะ? ถ้าเรายังกดดันแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่เพียงจะได้ทำกำไรจากส่วนต่าง แต่เรายังสามารถประหยัดต้นทุนได้อย่างมหาศาล นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ถูกต้องครับ ตามที่พวกเราประเมินไว้ ยังไม่ควรยุติลงตอนนี้ ต้นทุนปัจจุบันหากเราเข้ายึดฮวาหยินกรุ๊ปเหลือแค่2พันล้านเท่านั้น แต่ถ้าหยุดตั้งแต่ตอนนี้เลยต้นทุนเราจะเพิ่มขึ้นอีก200ล้านทันทีนะครับ”
“จ้าวเฉียนต้องการให้เรายุติเหรอครับ?”
………
หวู่เสี่ยวหัวในตอนนี้เองก็อยู่ในอารมณ์เดียวกับจ้าวเฉียนเช่นกันคือ เธอไม่อยากจะอธิบายให้คนพวกนี้ฟังมากเกินไป จึงพูดสวนไปว่า
“ไม่ต้องถาม ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ ถ้ายังไม่รีบจบในวันนี้ เตรียมลงหักเงินได้เลย!”
ทุกคนรีบปิดปากไม่กล้าพูดอะไรต่อไป และรีบร่วมมือกันกว่านซื้อหุ้นทั้งหมดเก็บไว้โดยไว
กระดานซื้อขายหุ้นตอนนี้ จู่ๆก็มีแรงซื้อมหาศาลถาโถมเข้ามากว่าล้านออเดอร์ เข้าซื้อทุกราคา ภายในห้านาทีสามารถซื้อเก็บมาได้หกแสนหุ้น และที่เหลืออีกสี่แสนกว่าออเดอร์ซื้อ คล้ายว่ามีบรรดานักลงทุนไหวตัวทันจึงปรับราคาขายสูงขึ้น แต่นั้นก็ยังไม่เป็นผล ฟู่ไห่อัดฉีดเข้าซื้อทุกราคาจนกลืนออเดอร์ที่เหลือสี่แสนหายวับในพริบตา
หลังจากการเข้าซื้อหุ้นครั้งใหญ่นี้ ทำให้ราคาหุ้นของฮวาหยินกรุ๊ปรีบาวด์ดีดตังสูงขึ้นทันที ห้านาทีก่อนปิดตลาด หุ้นฮวาหยินกรุ๊ปพุ่งทะลุฟ้าทำNew Highในพริบตา
ผลประกอบการโดยสรุป เมื่อรวมจำนวนหุ้นของฮวาหยินกรุ๊ปจากบัญชีของฟู่ไห่กว่าสองร้อยบัญชี ได้มาทั้งหมด200ล้านหุ้ม คิดเป็น30%จากทั้งหมด ถือได้ว่า ณ ปัจจุบัน ฟู่ไห่อินเวสเม้นท์คือผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งของฮวาหยินกรุ๊ปอย่างเป็นทางการแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาต้องการยืดครองฮวาหยินกรุ๊ปโดยเบ็ดเสร็จ เห็นได้ชัดว่าส่วนผู้ถือหุ้นเพียง30%ยังไม่เพียงพอ ต้องซื้อเพิ่มอีก20% ราวๆประมาณ400ล้านหุ้น
เหล่าเทรดเดอร์ของฟู่ไห่รับสรุปบัญชีทั้งหมดและส่งรายงานไปให้หวู่เสี่ยวหัว
หวู่เสี่ยวหัวตรวจสอบรางงานดังกล่าวโดยไวและถ่ายส่งไปให้จ้าวเฉียนดู
พอจ้าวเฉียนเห็นดังนั้นก็รีบวิดีโอคอลหาเธอทันที และเอ่ยถามเจือน้ำเสียงหงุดหงิดว่า
“ทำไมได้มาแค่30%? ผมต้องการยึดอำนาจการบริหารทุกอย่างมาอยู่ในมือผม แค่ยังถือว่ายังเสี่ยงถูกล้มได้อยู่ เข้าใจที่ผมพูดไหม!”
หวู่เสี่ยวหัวตื่นตระหนกอย่างยิ่ง เธอรีบกล่าวอธิบายไปว่า
“คุณชายจ้าวอย่าเพิ่งหัวเสียไปนะคะ เนื่องจากคำขอของคุณชายจ้าวมันกะทันหันเกินไป จึงทำได้เพียงเท่านี้จริงๆค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวไปนะคะ ต่อให้รวมหุ้นในมือของหวานหลินและน้องชายของเขา ยังไงก็มีไม่เกิน25%แน่นอน ซึ่งพวกนั้นไม่มีทางล้มคุณชายจ้าวได้เลยค่ะ หลังจากนี้เราจะทยอยซื้อตามแนวรับ เพิ่มจำนวนหุ้นให้ครบ51% ถึงเวลานั้นคุณชายจ้าวจะได้ฮวาหยินกรุ๊ปไปครองสมใจแน่นอนค่ะ”