ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่233 ทีมศัลยแพทย์มาถึง
ตอนที่233 ทีมศัลยแพทย์มาถึง
บรรดาผู้ถือหุ้นล้วนจับจ้องมาทางหวานเจียง ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อน
จ้าวเฉียนหันหน้ากล่าวกับหวานเจียงว่า
“คุณหวานไปเรียกรปภ.เข้ามาและไล่พวกเขาออกไป ตอนนี้ผมคือผู้ถือหุ้นใหญ่สุด ดังนั้นคำสั่งของผมถือเป็นคำขาด ไม่อย่างนั้นผมจะไล่คุณออกจากฮวาหยินไปซะ”
หวานเจียงกลอกตามองบนใส่จ้าวเฉียน ถึงเธอจะโกรธแค่ไหนแต่เขาก็ถือเป็นประธานคุมบังเหียนใหญ่สุด ในฐานะคนของบริษัท เธอจำเป็นต้องฟังคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม หวานเจียงไม่อยากทำเรื่องที่มันเกินเลยไปมากกว่านี้แล้ว เธอจึงรีบหันไปเกลี้ยกล่อมบรรดานักลงทุนว่า
“พวกคุณรีบออกไปก่อนดีกว่าค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันต้องเรียกรปภ.เข้ามา มันคงดูไม่ดีเท่าไหร่นักสำหรับพวกคุณ ดังนั้น…”
“คุณหวาน คิดให้ดีก่อนนะครับ หุ้นในมือผมและบรรดานักลงทุนคนอื่นๆที่สนิท ถ้ารวมกันจริงๆมีประมาณ15%เห็นจะได้ ถ้าพวกเราพร้อมใจกันขายทิ้ง หุ้นฮวาหยินกรุ๊ปจะต้องลดลงอย่างน้อย20%ทันที ถ้าลงถึงขนาดนั้นอาจทำให้บริษัทฮวาหยินกรุ๊ปถูกกรมกำกับหลักทรัพย์ให้หยุดซื้อขายหุ้นชั่วคราว คงทราบใช่ไหมครับว่า มันหมายความว่ายังไง?”
“ใช่แล้ว! อีกอย่างนะ พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อสอบถามแค่ว่า บริษัทมีมาตรการแก้ไขเรื่องหุ้นตกยังไง พวกเราผิดนักเหรอ?”
“หยุดนอกเรื่องได้แล้วครับ คุณหวานพูดมาเถอะครับว่าจะทำยังไงต่อไป ราคาหุ้นฮวาหยินในตอนนี้ไม่ควรทะลุแนวรับลงต่อแล้ว อย่างน้อยก็ต้องดันหุ้นให้ขึ้นสัก30%ภายในหนึ่งเดือน”
หวานเจียงถึงกับปวดหัวหนัก คนเหล่านี้กำลังข่มขู่เธอด้วยหุ้นที่มีอยู่ในมือชัดๆ นี่มันไม่อุกอาจเกินไปหน่อยเหรอ!
“ฉันต้องชี้แจงให้ทุกคนฟังตามตรง ตอนนี้พวกเรายังไม่มีแผนที่จะดันราคาหุ้นในขณะนี้ หากพวกคุณต้องการจะโจมตีบริษัทของเรา ก็เชิญตามสบายค่ะ ฉันไม่ได้ดูถูกพวกคุณหรอกนะคะ แต่ทุนในมือของพวกคุณน้อยเกินไป ไม่ต่างอะไรกับหยดน้ำกระเซ็นใส่กองไฟ คุณจ้าวค่ะ กับแค่15%คงจัดการเก็บกวาดได้ไม่ยากจริงไหมค่ะ?”
จ้าวเฉียนเหลือบมองหวานเจียงโดยไม่ได้เอ่ยกล่าวใดๆ พอเห็นรอยยิ้มเยาะบนมุมปากของเธอ เขาก็ตระหนักได้ทันที ผู้หญิงคนนี้จงใจลากปัญหามาโยนใส่เขา
อย่างไรก็ดี จ้าวเฉียนไม่เกรงกลัวอยู่แล้ว เขามีทุน53%อยู่ในมือ จะกลัวทำไมกับอีแค่15%ที่คนพวกนี้ขายไป?
จ้าวเฉียนหันมาพูดกับบรรดานักลงทุนว่า
“ขายไปเถอะครับ ต่อให้ราคาต่อหุ้นเหลือ0.5หยวน ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว พอดีเงินเหลือน่ะครับ”
“หยิ่ง!”
“หน้าด้าน!”
“พูดจาจองหองจริงๆ!”
……….
จ้าวเฉียนเหลือบมองไปยังหวานเจียงอีกครั้ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาสั่งขึ้นว่า
“ต้องให้ผมโกรธจริงๆใช่ไหม คุณถึงจะออกไปเรียก?”
หลังจากอยู่กับจ้าวเฉียนมานานสักพักใหญ่ หวานเจียงก็พอจะเข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายไม่น้อย เมื่อไหร่ที่เขามีท่าทีแบบนี้นั้นหมายความว่า เขากำลังจะโกรธแล้วจริงๆ ถ้าเธอยังไม่รีบออกไปเรียกรปภ.มาอีก จะไม่มีใครรับประกันได้เลยว่า จ้าวเฉียนจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด
หวานเจียงลุกขึ้นและออกไปทันที ตะโกนเสียงดังลั่น
“ไปเรียกรปภ.มาเดี๋ยวนี้!”
ประมาณไม่กี่นาทีต่อมา กลุ่มรปภ.ประมาณห้าถึงหกคนวิ่งเข้ามาโดยไว
หวานเจียงชี้ไปที่พวกนักลงทุนและออกคำสั่งทันทีว่า
“ลากคนพวกนี้ออกไป และห้ามไม่ให้เข้ามาเหยียบที่นี่ได้อีก ไม่อย่างนั้นพวกนายโดนไล่ออก!”
รปภ.กลุ่มนั้นพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว และเชิญตัวนักลงทุนทั้งหลายออกไปทันที
“หึ! คอยดูเถอะ!”
“รอดูได้เลย กูจะขายหุ้นในมือทิ้งให้หมด!”
……
คนพวกนั้นสบถด่าไม่หยุดหย่อนก่อนจะถูกรปภ.เชิญตัวออกไป
หวานเจียงเดินไปปิดประตูห้องประชุม เธอหันกลับมาดุจ้าวเฉียนต่อทันที
“ตาย ตาย ตายแน่! ถ้าคนพวกนั้นเทขายหุ้นในมือทิ้งไปจริงๆจะทำไง? ตอนนี้หน้ามีหน้าที่ประคองราคาหุ้นไม่ให้ต่ำลงไปมากกว่านี้นะ เพราะหุ้นในมือพ่อฉันมีบริษัทอื่นคอยค้ำประกันให้อยู่ ถ้าราคาหุ้นตกไปมากกว่านี้ พ่อของฉันจะต้องโดนฟ้องแน่นอน แถมนายก็ไม่เหลือเงินช้อนหุ้นต่อแล้วไม่ใช่รึไง? ถ้าบริษัทฉันถูกบังคับให้ยกเลิกกิจการขึ้นมาล่ะ?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะคิกคัก เอ่ยภามขึ้นว่า
“ไม่ว่าสิ่งที่เธอพูดไปจะเป็นความจริงหรือไม่ ฉันก็ไม่สน ถ้าเงินก็ไม่พอก็กู้เงินจากฟู่ไห่เพิ่ม และรอจนกว่าบรรดานักลงทุนและพ่อของเธอเทขายหุ้นทิ้งไปให้หมด ฉันจะได้ช้อนซื้อราคาต่ำๆรวดเดียวไปเลย ถึงตอนนั้นฉันก็จะชึ้นกลายเป็นเจ้าของฮวาหยินกรุ๊ปโดยชอบธรรม”
หวานเจียงถึงกับกุมขมับ ก่อนสบถด่าต่อว่า
“นี่นายยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ไหม? อย่างน้อยๆก็นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราหน่อย ที่สำคัญนะ ถ้าอนาคตฉันกับนายแต่งงานกันจริงๆ นั้นเท่ากับว่าพ่อของฉันก็จะกลายมาเป็นพ่อของนายเช่นกัน แล้วนายจะปฏิบัติกับพ่อตาตัวเองแบบนี้ได้ลงคอจริงๆรึไง?”
“อืม! เธอพูดได้น่าสนใจดีนะ! แต่ถึงแม้พวกเราจะนอนด้วยกันหลายครั้งแล้ว แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องแต่งงานกับเธอนะ แล้วพ่อของเธอจะกลายมาเป็นพ่อตาฉันได้ยังไงในอนาคต? ขนาดเป็นแฟนยังไม่ใช่เลยจริงไหม?”
จ้าวเฉียนยิ้มตอบ
แต่สำหรับตัวหวานเจียง เธอถือได้ว่าจ้าวเฉียนเป็นแฟนไปแล้ว ไม่ว่าเธอจะปฏิบัติตัวกับจ้าวเฉียนเย็นชาเพียงใด แต่เธอก็เคยมีสัมพันธ์สวาทกับอีกฝ่ายก็หลายครั้งแล้ว ดังนั้นเธอไม่ยอมปล่อยให้ชายที่พรากบริสุทธิ์ฟันแล้วทิ้งไปแบบนี้แน่นอน
เพียงว่า เนื่องด้วยบุคลิกนิสัยของหวานเจียง เธอไม่มีทางเป็นฝ่ายง้อจ้าวเฉียนหรือทำตัวออดอ้อนแน่นอน
เธอจึงตะวาดสวนกลับไปทันที
“เออ! งั้นฉันจะหนีไปฝรั่งเศส อย่าไล่ตามฉันมาก็แล้วกัน!”
จ้าวเฉียนสบถตอบกลับไปเจือสีหน้ารังเกียจว่า
“ถ้าจะหนีจริงๆมีใครเขาบอกให้รู้ตัวกัน? อีกอย่างนะ ถึงจะเป็นพ่อตา แต่ก็ควรจระหนักถึงความโหดเหี้ยมของตลาดหุ้นอยู่แล้ว มันไม่เคยปราณีใครหรอกนะ เธอเองก็ควรรู้ไม่ใช่รึไง?”
หวานเจียงรู้สึกเกลียดจ้าวเฉียนจริงๆ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรตอบ
ไม่ว่าเธอจะรู้สึกนึกคิดอย่างไร จ้ายเฉียนก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เพียงหยิบเอกสารอีกฉบับวางไว้บนโต๊ะพร้อมกล่าวกับเธอว่า
“นี่เป็นเอกสารโอนสิทธิ์การควบคุมฮวาหยินกรุ๊ป ลองเอาไปอ่าน”
หวานเจียงหยิบเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาดูและเปิดอ่านพิจารณาอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นทางโรงพยาบาลก็โทรสายตรงเข้ามาหาเธอ
“ฮาโหลค่ะคุณหวาน ตอนนี้ทีมศัลยแพทย์จากต่างประเทศเพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อครู่เองค่ะ พวกเราบอกว่าต้องการให้คุณมาเซ็นใบอนุญาตการรักษาคุณหวานหลินค่ะ”
หวานเจียงลุกขึ้นพรวด เอ่ยถามขึ้นทันทีอด้วยความตื่นเต้นว่า
“จริงเหรอค่ะ? แล้วพวกเขามากันกี่คน?”
“ห้าคนค่ะ”
พอได้ฟังแบบนั้นหวานเจียงยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เธอรีบตอบกลับไปโดยไว
“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ กรุณารอฉันก่อนนะคะ!”
หวานเจียงรีบนำเอกสารเก็บใส่ซอง โยนในล็อคเกอร์ส่วนตัวทันที และรีบจับมือลากจ้าวเฉียนออกไปด้วนกัน
“ห่ะ? ฉันไม่ไปไม่ได้เหรอ?”
จ้าวเฉียนย่นคิ้วเอ่ยถามขึ้นทันที
หวานเจียงยังคงลากเขาออกไปไม่มีท่าทีจะหยุด จับเขาเหวี่ยงลงลิฟต์พร้อมกล่าวว่า
“นายต้องไปด้วย! ฉันจะไปถามพวกเขาตัวต่อตัวเลยว่า นายเป็นคนเชิญพวกเขามาจริงๆใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนดูงุนงงเล็กน้อย พลางถามขึ้นว่า
“แล้วทำไมต้องถามพวกเขาแบบนั้นล่ะ?”
“เอ๊า! ถ้านายโกหกฉันล่ะ? ไม่ใช่ว่านายไม่ได้เชิญพวกเขามาจริงๆ แต่ดันมาสวมรอยเพื่อสร้างบุญคุณกับพ่อกับพ่อฉันขึ้นมาจะทำไง? ดังนั้นฉันต้องถามพวกเขาให้แน่ใจว่า ทั้งหมดเป็นเพราะนายเชิญมาจริงๆใช่ไหม?!”
เมื่อจ้าวเฉียนได้ยินหวานเจียงพูดออกมาแบบนี้ เขาก็หัวเสียทันที สะบัดมือเธอทิ้งและกำลังจะตรงออกนอกลิฟต์ไป แต่เธอก็รีบวิ่งมากอดแขนและลากเขาเข้ามาอีกครั้ง
“ไม่รู้แหละ! นายต้องไปด้วย!”
หวานเจียงส่ายหน้ากล่าวขึ้นด้วยความหัวรั้น
จ้าวเฉียนหงุดหงิดไชม่น้อยพอได้ยิน แต่อย่างไรก็ยังถูกเธอลากออกไป
ไม่นาน ทั้งสองก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล และพบกับทีมศัลยแพทย์ในที่สุด
ศัลย์แพทย์ผู้นำทีมจากสหรัฐอเมริกา เป็นคนเอ่ยทักทายขึ้นโดยตรงว่า
“ขอโทษนะครับ ใครคือมิสเตอร์เฉียนจ้าว ผมอยากพบกับมิสเตอร์เฉียนน่ะครับ”
หวานเจียงระเบิดหัวเราะลั่นทันทีที่ได้ยิน จ้าวเฉียนยืนนิ่งพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตอบกลับไปว่า
“เอ่อ…ผมชื่อจ้าวเฉียนครับ ไม่ใช่เฉียนจ้าว เรียกผมว่ามิสเตอร์จ้าวก็ได้ครับ”
“อ่อ! ซอรี่ครับ ผมลืมไปว่านามสกุลของคนจีนอยู่หน้าแล้วชื่อต่อท้าย สวัสดีครับ ผมชื่ออเล็กซ์ โธมัส มิสเตอร์จ้าว ขอบคุณที่ให้เกียรติเชิญพวกเรามาครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
จ้าวเฉียนยืนมือออกไปจับและกล่าวว่า
“ยินดีต้อนรับครับ ด็อกเตอร์โธมัส”
ศัลยแพทย์อีกสี่คนประกอบไปด้วย อาจารย์หมอจากเยอรมนี, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่นและแคนาดา พวกเขาแต่ละคนค่อยๆทยอยมาทักทายและจับมือกับจ้าวเฉียนด้วยความเคารพ
จุดนี้ทำให้หวานเจียงนึกสงสัยไม่ใช่น้อย ภูมิหลังของจ้าวเฉียนจะต้องร่ำรวยขนาดไหนถึงสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศได้ถึงขนาดนี้?
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวกับพวกเขาทั้งห้าว่า
“พวกเราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ผมมีเพียงคำขอเดียวเท่านั้น รบกวนรักษาพ่อของเพื่อนผมอย่างดีที่สุดด้วยนะครับ”
อเล็กซ์โธมัสกล่าวตอบกลับไปทันที
“มิสเตอร์จ้าวโปรดวางใจได้ครับ พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
อีกสี่คนที่เหลือเองก็พยักหน้ารับปากเช่นกัน
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวตอบกลับไปว่า
“งั้นเราไปพบผู้ป่วยกันเถอะครับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปหาหวานเจียงเพื่อให้เธอเซ็นรับรอง
หวานเจียงยังดูกังวลเลฌกน้อย รีบดึกแขนเสื้อสะกิดจ้าวเฉียน และกระซิบถามขึ้นว่า
“อย่าหาว่าฉันอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ เอ่อ…พวกเขาเชื่อใจได้ใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนถามสวนกลับไปว่า
“ขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่เชื่อใจฉันอีกเหรอ?”