ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่292 ดำเนินการตามแผน
ตอนที่292 ดำเนินการตามแผน
ในไม่ช้าหัวเซินซวนก็พาเหล่าสมาชิกตระกูลหัวเดินทางมาที่ท่าเรือ และตรงไปยังโกดังของตระกูลหัวโดยตรง
อาหมิงรีบวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์เป็นการด่วน
“ท่านประธาน พวกลูกเรือเกรี้ยวกราดเกินควบคุมแล้ว ท่านประธานต้องเตรียมใจไว้ระดับหนึ่งด้วยนะครับ”
หัวเซินซวนพ่นลมหายใจเย็นยะเยือกออกมา เอ่ยตอบไปว่า
“ให้ฉันนี่นะต้องเตรียมใจ? ขนาดคางคกสามขาฉันยังเห็นมาแล้ว กับไอ้แค่ม็อบประท้วงอะไรให้ต้องกลัว? ไอ้คนพวกนี้มันกล้าเกินไปแล้ว ฉันจะไปจัดการพวกมันเอง!”
อาหมิงรีบก้มหน้าก้มตาตอบไปว่า
“พวกเขาราวกับเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว ไม่แม้แต่เชื่อฟังคำสั่งผมเลยด้วยซ้ำ!”
“ไป! นำพวกเราไปดู!”
พอหัวเซินซวนกล่าวจบ ก็ชักชวนบรรดาสมาชิกตระกูลหัวกลุ่มไปยังจุดประท้วงของพวกลูกเรือทันที
พวกลูกเรือและคนงานมากมายกำลังโห่ร้อง ยกป้ายประท้วงกันอย่างไม่หยุดหย่อน
“พวกเราต้องการความยุติธรรม! พวกเราต้องการค่าชดใช้ที่ถูกรังแก!”
อาหมิงหยิบไมค์ตัวหนึ่งพร้อมป่าวประกาศลั่นขึ้นว่า
“ทุกคนเงียบหน่อย! ประธานของพวกเราอยู่นี่แล้ว! ใครที่ต้องการเรียกร้องอะไรก็เชิญ ตราบเท่าที่มันสมเหตุสมผลมากพพอและถูกต้องตามหลักกฎหมาย ท่านประธานจะพยายามแก้ไขให้ถึงที่สุดเพื่อความเสมอภาคของทุกคน แต่ผมขอเตือนไว้ก่อน ห้ามเรียกร้องอะไรที่เกินจะเป็นไปได้ เอาล่ะ! ท่านประธานเชิญครับ!”
หลังจากพูดจอาหมิงก็รีบส่งไมค์ให้หัวเซินซวนทันที
ใบหน้าของหัวเซินซวนในตอนนี้มืดทมิฬหนัก เอ่ยถามเจือน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวว่า
“พวกคุณต้องการร้องเรียนเรื่องอะไร? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพวกคุณถึงต้องก่อม็อบประท้วงแบบนี้กัน? ทราบหรือไม่ว่าการหยุดเดินเรือกะทันหันเพียงวันเดียว มันสร้างความสูญเสียมหาศาลขนาดไหน?”
ลูกเรือที่เป็นแกนนำการประท้วงครั้งนี้คือคนของจ้าวเฉียน เขาไม่ได้ก่อม็อบเพื่อร้องขออะไร แต่เพื่อสร้างปัญหาให้กับท่าเรือตระกูลหัวโดยเฉพาะ
ลูกเรือคนหนี่งนามว่าซูฟู่ ตะโกนตอบเสียงดังว่า
“ท่านประธาน ไม่ใช่ว่าเราต้องการสร้างปัญหาให้ แต่บริษัทของคุณเอาเปรียบพวกเราเกินไป! พวกเราคุยกันเรื่องการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในหอพักนานหลายปีแล้ว แต่บริษัทก็ยังไม่ติดตั้งให้สักที หอพักท่าเรือมันร้อนอบอ้าวมากโดยเฉพาะในฤดูร้อน ต่อห้องคนงานพักกันกว่าสิบคน ลองคิดดูสิครับว่ามันแออัดขนาดไหน! พวกเราจะทนได้ยังไง! แถมก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยคุยกันเรื่องอุบัติเหตุระหว่างการเดินเรือ พวกคุณก็เสนอว่าจะทำประกันสุภาพให้ เราเตรียมเอกสารที่จะยื่นแทบตาย แต่สุดท้ายก็บอกยกเลิกการทำประกันซะอย่างนั้น! เวลาเราป่วยนอนโรงพยาบาล เงินเห็บของพวกเราที่หามาก็แทบไม่เหลือ! ผมขอร้องเรียนแค่สองเรื่องนี้เท่านั้น! ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ก็ไม่รู้จะต้องคุยอะไรต่อแล้ว!”
บรรดาสมาชิกตระกูลหัวปั้นหน้าดูไม่สบายใจอย่างยิ่ง ลูกเรือแลคนงานพวกนี้เคยยกประเด็นนี้มาคุยกับพวกเขานานมากแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครยอมช่วยเหลือเลยสักคน
หัวเซินซวนหันกลับมาเอ่ยถามอาหมิงว่า
“นี่มันหมายความว่ายังไง? ไม่ใช่ว่าบริษัทจัดสรรเงินทุนเพื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศไปแล้วเหรอ? แล้วทำไมยังไม่ติดตั้งอีกล่ะ? เรื่องนี้ฉันเคยเน้นย้ำไปแล้วไม่ใช่รึไง? แล้วทำไมยังปล่อยให้เป็นปัญหาได้ขนาดนี้?”
อาหมิงสีหน้าดูวิตกกังวลหนัก เขารีบอธิบายกลัวไปโดยไวว่า
“ท่านประธาน ผมเคยคุยเรื่องนี้กับหัวหน้าการเงินแล้ว แต่อีกฝ่ายเอาแต่หาเหตุผลต่างๆนาๆ เลื่อนไม่ให้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศสักที ถึงผมจะเป็นผู้จัดการใหญ่ของที่นี่ แต่มีบางคนตั้งตัวเป็นใหญ่ ผมเองก็ไม่กล้า…”
แม้หัวเซินซวนจะไม่ได้สนใจโครงสร้างบริษัทท่าเรือตรงนี้มากเท่าไหร่นัก แต่เขายังพอรู้ว่าใครมารับตำแหน่งอะไรบ้าง ซึ่งหัวหน้าฝ่ายการเงินของที่นี่ชื่อว่า หลิวซุยหุย เป็นพี่เขยของหัวฉีเฉิน
หัวฉีเฉินพลันรู้สึกกังวลทันที เพราะกลัวเรื่องนี้ลามมาถึงตัวเขา ดังนั้นจึงเปิดฉากเอ่ยตำหนิอาหมิงก่อนทันทีว่า
“อาหมิง อย่ามาพูดไร้สาระนะ! แกใหญ่ที่สุดในท่าเรือนี้แล้ว ยังมีใครใหญ่กว่าอีกรึไง? คงไม่ใช่ว่าตัวเองบริหารจัดการไม่ดี ก็เลยผลักภาระความรับผิดชอบให้คนอื่นหรอกนะ?”
อาหมิงไม่กล้าหักล้างใดๆ แต่เขาเองก็ไม่ยอมโดนกล่าวหาทั้งแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก เหลือบมองไปที่หัวเซินซวนไม่วางตา
หัวเซินซวนถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่ กล่าวตำหนิขึ้นว่า
“ไปเรียกหัวหน้าการเงินมา ส่วนเรื่องประกันระหว่างทำงานหน้าที่รับผิดชอบเป็นของหัวหน้าฝ่ายขนส่งใช่ไหม ไปเรียกมาด้วยกันเลย! ฉันต้องการให้เขาอธิบายความจริงต่อหน้าทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่! คิดจะแบ่งพรรคแบ่งพวกในท่าเรืองั้นเหรอ ฉันจะจัดการเอง!”
อาหมิงโทรเรียกหัวหน้าฝ่ายการเงินและฝ่ายขนส่งมาทันที และไม่นานทั้งสองก็รีบวิ่งมาหาโดยเร็ว
ทันทีที่มาถึง หัวเซินซวนก็เปิดฉากด่าทอทั้งสองอย่างหนัก
หัวหน้าฝ่ายการเงินหลิวซุยหุยเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาดี เพราะอย่างไรเขาก็เป็นพี่เขยของหัวฉีเฉิน ทันทีที่โดนต่อว่า เขาก็ชี้หน้าด่าอาหมิงต่อหน้าทุกคนว่า
“อาหมิง นี่คุณยังมีหน้ามาโทษผมอีกงั้นเหรอ! ผมไม่เห็นเคยได้รับเรื่องขอเบิกพวกนี้เลย! แล้วจู่ๆ จะมาโยนความผิดให้แบบนี้งั้นเหรอ?!”
จางเสวี่ยหมิน หัวหน้าฝ่ายขนส่งเป็นลูกสะใภ้ของหัวเซินกัง เธอกังวลอย่างยิ่งว่า เธอจะโดนลากเข้ามาพัวพันกับปัญหานี้ด้วย ดังนั้นเธอจงรีบกล่าวช่วยหลิวซุยหุยทันทีว่า
“แผนกขนส่งของฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องคำร้องขอเครื่องปรับอากาศเลย ส่วนเรื่องประกันสุภาพของพวกพนักงาน เราเองก็กำลังดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จะให้ลัดวิธีและทำโดยพลการไม่ได้”
อาหมิงรีบตอบสวนไปทันทีว่า
“คุณหลิว เรื่องยื่นคำร้องผมเคยเขียนออกไปเป็นลายลักษณ์อักษรให้ไปหลายครั้งแล้ว แล้วคุณจะมาปฏิเสธได้ยังไงว่า คุณไม่เคยได้รับเรื่อง? แถมการประชุมครั้งล่าสุด คุณเองก็พยายามหาข้ออ้างเพื่อเลื่อนอนุมัติซื้อเครื่องปรับอากาศ พนักงานทุกคนล้วนได้ยินกันหมด! จริงไหมทุกคน!?”
บรรดาพนักงานและลูกเรือรีบตอบรับทันทีในเชิงบวก
“ใช่แล้ว! หัวหน้าอาพูดถูก! พวกเราสามารถเป็นพยานได้!”
“ใช่แล้ว! พวกเราเป็นพยานได้!”
…..
หลิวซุยหุยชี้หน้าด่าพวกพนักงานทันทีว่า
“หุบปาก! พวกมึงระวังคำพูดกันด้วย!”
“แกนั่นแหละหุบปาก! กล้าดียังไงมาข่มขู่พนักงานต่อหน้าฉัน! คิดว่าตัวเองเป็นพี่เขยของลูกชายฉัน แล้วจะตีตัวเสมอพวกเรารึไง! แกควรจะขอบคุณพวกฉันที่ให้ข้าวให้น้ำแกกิน แล้วดูสิ่งที่แกตอบแทนมาสิ เอาเปรียบลูกน้องในท่าเรือจนทำให้ฉันเดือดร้อน!”
หลิวซุยหุยก้มหน้าก้มตา สงบปากสงบคำลงอย่างรวดเร็ว
“ท่านประธาน ท่านลองคิดดูสิว่า ขนาดต่อหน้าท่านยังทำตัวขนาดนี้ แล้วเวลาอยู่ลับหลังท่านจะขนาดไหน?”
“ท่านประธาน แต่ละวันของพวกเราที่มาทำงานอย่างกับนรก ใครก็ตามที่ไม่เลียแข้งเลียขาเขา จะโดนกลั้นแกล้งสารพัด ทั้งโดนหักเงินเดือนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไร ใช้ให้เดินเรือติดต่อกันทั้งเดือนบ้างก็มี ทำไมท่านถึงเอาแต่ญาติตระกูลหัวมาทำงานที่นี่? ถ้าเก่งและมีความเป็นธรรมกว่านี้ พวกเราจะไม่เอ่ยปากบ่นเลย แต่นี่มันเหลือทนแล้วจริงๆ! ยังเห็นพวกเราเป็นคนอยู่ไหม?”
“บาดแผลบนข้อมือของผมก็มาจากโดนเขาจี้ด้วยบุหรี่ บางคนโดนที่แก้มก็ยังมี แถมยังโดนข่มขู่อีกว่าห้ามฟ้องหัวหน้าอา ไม่อย่างนั้นจะโดนไล่ออก”
“หัวหน้าหลิวมันเป็นสัตว์นรกในคราบมนุษย์ชัดๆ! พวกเราได้แต่ทนและทนมาโดยตลอด! แล้วหัวหน้าจางก็อีกคน ไม่รู้เธอเป็นพวกโรคจิตรึเปล่า ชอบเรียกลูกเรือไปห้องทำงานส่วนตัวแล้วจับทรมานต่างๆนาๆ เพื่อสนองความใคร่ตัวเอง!”
………
จางเสวี่ยหมินใบหน้าแดงก่ำทั้งที เธอทั้งโกรธและอับอายในเวลาเดียวกัน แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวว่าจะโดนหัวเซินซวนด่าเหมือนหลิวซุยหุย
จ้าวเฉียนรับชมภาพฉากทั้งหมดผ่านจอมือถือโดยคนงานที่เป็น ‘ไส้ศึก’ อยู่ในกลุ่มที่ประท้วง ณ ขณะนี้เขาหัวเราะไม่หยุดจนท้องแข็ง
หวางอวี่จุน ผู้จัดการแห่งท่าเรือเฉียนตงที่ยืนอยู่ข้างๆ จ้าวเฉียนก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณชายจ้าว พวกเราดำเนิการตามแผนต่อได้เลยใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวว่า
“อืม นายไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“ตกลงครับ ผมจะรีบไปแจ้งหัวหน้าฝ่ายนิติบุคคลเดี๋ยวนี้เลย”
หวางอวี่จุนยิ้มตอบ
จ้าวเฉียนในยามนี้คลี่ยิ้มแสยะฉีกกว้างด้วยความสะใจ หลังจากไม่นาน ท่าเรือเฉียนตงก็ประกาศเปิดรับลูกเรือและพนักงานเพิ่มในอัตราจำนวนมาก โดยจะให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการดีกว่าท่าเรือตระกูลหัว
เมื่อท่าเรือขนส่งตระกูลหัวติดขัด ไม่สามารถเดินเรือได้เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ทำให้พวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับออเดอร์ขนส่งน้ำมันและเมล็ดพืชชุดใหญ่ ถ้าล่าช้าเกินสามวันทำงาน พวกเขาจะเสียค่าชดเชยเป็นเงินกว่าหลายร้อยล้านหยวน