ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่293 ดึงคนงาน
ตอนที่293 ดึงคนงาน
ในไม่ช้า เฉินหมิงหยู หัวหน้าฝ่ายนิติบุคคลแห่งท่าเรือเฉียนตงก็เดินทางมาหาจ้าวเฉียน
หวางอวี่จุนออกคำสั่งทันที
“หัวหน้าเฉิน คุณชายจ้าวสั่งให้คุณไปดึงคนงานของตระกูลหัวมา โดยให้อัตราจ้างและสวัสดิการที่ดีกว่าท่าเรือตระกูลหัว ดึงกำลังคนของฝ่ายนั้นมาได้ให้มาดที่สุด เข้าใจไหม?”
เฉินหมิงหยูพยักหน้าและตอบกลับทันทีว่า
“เข้าใจแล้วครับ แต่ว่าลูกเรือกับพนักงานของฝั่งนั้นมีมากกว่าร้อยคน ถ้าในกรณีที่ดึงพวกเขามาหมดได้ เราควรจะหาที่พักเพิ่มยังไงดีครับ?”
หวางอวี่จุนยิ้มตอบกลับไปว่า
“คุณไม่จำเป็นต้องกังวล แค่ไปดึงกำลังคนจากฝ่ายนั้นมาให้ได้มากที่สุดก็พอ ส่วนตรงนี้ฉันจะจัดการเอง เข้าใจไหม?”
“ได้เลยครับ!”
หลังจากรับคำสั่งเสร็จสรรพ เฉินหมิงหยูก็รีบไปเกณฑ์คนไปยังท่าเรือตระกูลหัวเพื่อเปิดรับสมัครพนักงานและลูกเรือเพิ่มต่อไป
ในขณะที่หัวเซินซวนกำลังตำหนิหลิวซุยหุยกับจางเสวี่ยหมินอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว เฉินหมิงหยูก็จงใจเปิดโต๊ะรับสมัครอยู่ตรงหน้าท่าเรือตระกูลหัว พร้อมป่าวประเทศชี้แจงถึงเงินเดือน รวมไปถึงเรื่องสวัสดิการต่างๆมากมายที่พนักงานจะได้รับ
พนักงานของท่าเรือตระกูลหัวที่ก่อม็อบอยู่ในบริเวณนั้นพอดีก็บังเอิญได้ยินเข้า และแต่ละคนดูจนสนใจอย่างยิ่งเมื่อได้ฟัง
“ว้าว! ประกันสังคมรวมห้ากองทุน แถมยังมีกองทุนที่อยู่อาศัยให้อีกหนึ่งกองทุน! เงินเดือนการันตีแม้ไม่ได้ออกทะเลเก้าพันหยวน! นี่มันมากกว่าเงินขั้นต่ำของท่าเรือตระกูลหัวอีกไม่ใช่เหรอ! อะไรนะ?! ยังมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแถมให้อีกด้วย? สุดยอด!”
“ก็ว่าแล้วทำไมพวกลูกเรือท่าเรือข้างๆเราถึงดูกระตือรือร้นทุกวัน ที่แท้เจ้านายพวกเขาก็เลี้ยงดูดีนี่เอง! สมแล้วที่เป็นบริษัทท่าเรือใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนหรือสวัสดิการดีกว่าของพวกเรามากจริงๆ!”
“บัดซบ! ถ้าเป็นพวกเราน่ะเหรอ? ออกเรือกันแทบตายได้เงินหมื่นนิดๆ พวกนั้นแทบไม่ต้องออกเรือก็ได้การันตีแล้วเก้าพัน! เพื่อนร่วมอาชีพกันแท้ๆ แต่ทำไมชีวิตการเป็นอยู่ถึงดีกว่าพวกเรายิ่งกว่าฟ้ากับเหว!”
“ถูกต้อง! ที่นี่มันเอาเปรียบเราเกินไป! ทั้งๆที่เป็นอาชีพเดียวกันแต่ชีวิตความเป็นอยู่กับคนละเรื่องเลยจริงๆ!”
“เราไม่ยอมแน่! เราอยากได้การดูแลแบบพวกเขา!”
……..
ภายใต้การยุยงปลุกปั่นของ‘ไส้ศึก’ตระกูลจ้าว พวกพนักงานทุกคนต่างโหร้องตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความตื่นเต้น
หัวเซินซวนและคนอื่นๆรีบวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอกทันทีด้วยความตื่นตะลึง และรีบจดสิ่งที่ท่าเรือเฉียนถงประกาศรับสมัครไว้ทันทีว่ามีอะไรบ้าง
นอกเหนือจากสิ่งที่บรรดาคนงานกลางม็อปร้องอุทานขึ้นมา ทางท่าเรือเฉียนตงยังมอบสิ่งต่างๆอีกมากมายเพื่ออพนวยความสะดวกสบายแก่คนงานอย่างเช่น หอพักสำหรับสี่คนต่อหนึ่งห้องพร้อมเครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และเครื่องครัวต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนค่าฟ้าและค่าน้ำคิดตามมาตรฐานไม่มีบวกเพิ่ม ทั้งนี้เพื่อลดภาระที่ไม่จำเป็นของพนักงาน
วันลาป่วยฉุกเฉิน4วันต่อเดือน สามารถโทรมาขอลาล่วงหน้ากับหัวหน้าผู้รับผิดชอบได้ทันที แต่ถ้าใครไม่ลาพักและทำงานตลอดทั้งเดือน ทางท่าเรือเฉียนตงจะจ่ายเงินเดือนเป็นสองเท่าเป็นรางวัลความขยัน การันตีโบนัสปลายปีอย่างน้อยหนึ่งเดือน และพนักงานคนไหนที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดจะได้รับรางวัลประจำปี
……..
เมื่อพิจารณาถึงผลประโยชน์อันมหาศาลเหล่านี้เป็นรายข้อ หัวเซินซวนพลันรู้สึกอับอายขายขี้หน้าอน่างยิ่ง ถ้าเขาเป็นคนงานและลูกเรือเหล่านั้น เขาเองกก็คงจะย้ายที่ทำงานแน่นอน
หัวเซินซวนและคำอื่นๆกำลังเฝ้ามอฝอย่างใจจดใจ่จ่อว่า ใครบ้างที่กล้าแปรพักตร์ไปหาเฉินหมิงหยู
และแน่นอนว่า พอมีคนนำย่อมมีคนตามเสมอ ในไม่ช้าพนักงานทุกคนในท่าเรือตระกูลหัวก็รีบวิ่งไปซบเฉินหมิงหยูอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพวกเขาเต็มใจอย่างมากที่จะมาทำงานให้กับบริษัทท่าเรือที่มีทั้งเงินเดือนและสวัสดิการดีเยี่ยมขนาดนี้
หัวเซินซวนคำรามลั่นในทันใดว่า
“พวกแกกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้! อย่าลืมไปว่าพวกแกยังเป็นพนักงานของท่าเรือหัวอยู่! ใครกล้าฉีกสัญญาจ้างตอนนี้ ฉันจะให้พวแกชดใช้ไม่มีปราณี!”
เสียงคำรามของหัวเซินซวนต่างทำให้หลายคนเริ่มหวาดกลัว
แต่ในเวลาเดียวกัน เฉินหมิงหยูก็ตะโกนสวนกลับไปทันทีว่า
“อย่าได้กลัวไปเลยทุกคน! ทันทีที่ทุกคนเป็นพนักงานของบริษัทเรา ทางเราย่อมมอบการคุ้มครองให้ทุกด้าน โปรดมั่นใจได้เลยครับว่าจะไม่มีใครทำร้ายพวกคุณได้อย่างแน่นอน ถ้าบุคคลภานนอกกล้าฟ้องมา ทางเราจะเอาเรื่องให้ถึงสุด! ถ้ายังไม่เชื่อ ผมจะระบุข้อความดังกล่าวเพิ่มลงในสัญญาจ้างเดี๋ยวนี้ และถ้าอนาคตเราไม่ยอมทำตามที่พูดจริงๆ พวกคุณทุกคนสามารถเอาเอกสารสัญญาจ้างฉบับนี้ไปแจ้งต่อศาลได้เลย!”
“สุดยอด! ถ้าคุณกล้าทำอย่างที่พูดจริง พวกเราขอย้ายเลยครับ!”
“คุณต้องเซ็นสัญญาในสิ่งที่พูดไปก่อนเพื่อความแน่ใจครับ”
“ใช่ครับ! ถ้าคุณกล้าเซ็นสัญญาว่าจะรับผิดชอบตามจริงกับสิ่งที่พูดไป พวกเราจะย้ายทันที!”
“ใช่! คุณกล้าทำอย่างที่พูดไหม?”
เฉินหมิงหยูรีบทักทามสั่งให้ลูฏน้องของเขาไปปริ้นเอกสารสัญญาชุดใหม่มาให้ทันที โดยระบุข้อตกลงข้อที่เขาเพิ่งพูดลงไปเพิ่ม ไม่นานเอกสารชุดใหม่กว่าหลายกล่องก็มาถึง เฉินหมิงหยูรีบสั่งให้ลูกน้องแจกจ่ายให้พวกหนักงานต่อหน้าอ่านทันที
ในไม่ช้า สัญญาฉบับนี้ก็หลุดไปถึงมือของหัวเซินซวน หลังจากที่ได้อ่านมันแล้ว เขาก็เดือดจัดจนฉีกเอกสารเหล่านั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เห็นได้ชัดว่าท่าเรือเฉียนตกกำลังชุบมือเปิปแย่งกำลังคนของท่าเรือหัวไป!
หัวเซินซวนทนไม่ไหวแล้ว เขาเดินตรงเข้าไปหาเฉินหมิงหยูและคำรามใส่ว่า
“ใครสั่งให้แกมาตั้งโต๊ะรับสมัครงานแถวนี้!? คิดจะแย่งคนของท่าเรือหัวไปงั้นเหรอ!”
เฉินหมิงหยูหัวเราะเล็กน้อย เอ่ยตอบไปว่า
“ไม่ทราบคุณคือ…”
หัวเซินซวนกล่าวตอบทันที
“ฉันเจ้าของท่าเรือหัว หัวเซินซวน! แล้วแกเป็นใคร!?”
เฉินหมิงหยูเอ่ยทักทายหัวเซินซวนทันที แสร้งทำเป็นสุภาพกล่าวขึ้นว่า
“ที่แท้ก็เป็นคุณหัวนี่เอง ไม่นึกเลยนะครับว่า ระดับคุณจะมาที่นี่เป็นการส่วนตัวได้ แต่ยังไงก็เถอะครับ สำหรับเรื่องการรับสมัครคนเพิ่ม เรื่องนี้ทางเราก็ไม่ได้ผิดเช่นกัน กลับเป็นคุณหัวมากกว่าที่ไม่สามารถซื้อใจคนงานได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ทิ้งคุณไปแบบนี้หรอกครับ จริงไหม?”
พวกพนักงานรีบตอบรับกล่าวเสริมทันทีในเชิงบวกว่า
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! พวกลูกเรือของท่านี้มีชีวิตกินดีอยู่ดีกว่าพวกเราไม่รู้เท่าไหร่ ถ้ามีโอกาสพวกเราก็อยากเป็นส่วนหนึ่งกับเขาเช่นกัน”
“ถ้าคุณหัวไม่มีปัญญาจ่ายเงินเดือนแบบเขาได้ก็อย่าไปโทษคนอื่นเลยครับ ผมขอลาออก!”
“ผมเองก็ลาออกเหมือนกัน ทำงานก็เหนื่อยเงินก็ยังได้น้อย ใครจะไปอยากอยู่!”
…………..
เดิมทีคนงานพวกนี้แค่ต้องการประท้วงและขู่ว่าจะลาออกเท่านั้น แต่พอเห็นว่าท่าเรือเฉียนตงดูแลพวกเขาดีกว่ามาก มันก็ทำให้พวกเขาเริ่มคิดจะลาออกจากที่เก่าจริงๆแล้ว
หัวเซินซวนโมโหอย่างมาก เขาตะโกนลั่นสั่งออกไปว่า
“พวกแก ไปทำลายโต๊ะรับสมัครพวกนั้นซะ!”
หัวฉีเฉินและสมาชิกตระกูลหัวคนอื่นๆกำลังจะเดินหน้าเคลื่อนไหว เพื่อทำลายโตณะรับสมัครของเฉินหมิงหยูทันที แต่เสี้ยวอึดใจนั้นเอง หวางอวี่จุนก็เดินเข้ามา
“ผมขอดูหน่อยว่า ใครหน้าไหนมันกล้าทำลายโต๊ะรับสมัครนี้!”
หวางอวี่จุนแผดเสียงคำรามลั่นดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
ทุกคนต่างสงบลงทันใด เหลือบสายตามองไปที่หวางอวี่จุนที่ก้าวย่างออกมาข้างหน้า หักข้อนิ้วดังก๊อกแก๊กราวกับพร้อมจะมีเรื่องตลอดเวลา
ระดับขั้นของหัวเซินซวยมีความอาวุโสเกินกว่าจะลดตัวลงมาสนทนากับคนพวกนี้ ดังนั้นเขาจึงหันไปมองหัวฉีเฉินและกล่าวว่า
“แกไปคุยกับมันหน่อย”
หัวฉีเฉินพยักหน้าและเดินตรงออกไปเผชิญหน้ากับหวางอวี่จุน เอ่ยถามด้วยความโกรธจัดว่า
“พวกเราสองท่าเรือก็ใช้อ่าวเดียวกัน แบ่งปันทำมาหากินด้วยกันอยู่ตลอด แล้วจู่ๆมาดึงคนของฉันไปแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?”
หวางอวี่จุนยิ้มแย้มตอบกลับไปว่า
“ไม่มีหมายความว่าอะไรหรอกครับ ผมก็แค่กำลังตั้งโต๊ะรับสมัครคนงานเพิ่มเฉยๆ มันก็ไม่เห็นกระทบหรือทำให้ใครเดือดร้อนตรงไหน แต่คุณเองมากกว่าที่เอาแต่ใจเกินไป จู่ๆก็มาโทษทางเราแบบนี้ มันยุติธรรมแล้วเหรอครับ?”
หัวฉีเฉินถอนหายใจเย็นใส่และกล่วาว่า
“แกรู้ใช่ไหมว่า พวกคนงานกำลังประท้วงกันอยู่ ก็เลยตั้งโต๊ะรับสมัครที่นี่เพื่อจะชุบมือเปิป! พอพวกเราจับได้ก็ทำมาเป็นเล่นลิ้นงั้นเหรอ!”
หวางอวี่จุนหัวเราะพร้อมส่ายหัวตอบไปว่า
“ไม่ทราบว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เหรอครับ? ผมกำลังรับสมัครคนทำงานเพิ่มเฉยๆ แต่คนที่ดันมาสมัครกับเป็นคนงานของคุณเอง นี่ยังหมายความว่าอะไรได้อีก? ไม่ใช่ว่าพวกคุณดูแลคนไม่ดีเอง? แถมอีกอย่าง เท่าที่ผมทราบมา พวกคุณจ้างพวกเขามาอย่างผิดกฎหมาย ไม่แม้แต่ส่งสัญญาจ้างไปให้ทางกรมแรงงานตรวจสอบด้วยซ้ำ เพราะแบบนี้ถึงว่าทำไมถึงไม่มีประกันสังคมให้พวกเขาเลย ถ้าผมยื่นเรื่องนี้ฟ้องต่อศาล พวกคุณคงต้องจ่ายค่าปรับบานแน่นอนจริงไหมครับ?”
หัวฉีเฉินถึงกับพูดไม่ออกพอโดนหวามอวี่จุนซัดประโยคนี้เข้าไป และไม่รู้เลยว่าตนควรจะกล่าวตอบอย่างไรดี
แต่เมื่อเขามองย้อนกลับไปยังหันเซินซวน ใจของเขาแทบตกลงตาตุ่ม เนื่องจากในขณะนี้หัวเซินซวนกำลังจับจ้องมาทางเขาด้วยสายตาที่สุดแสนจะเย็นชายิ่ง เห็นได้ชัดว่า พ่อของเขาไม่พอใจกับการรับมือของตัวเขาเลย
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน หากหัวฉีเฉินไม่สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้เบ็ดเสร็จ แล้วในอนาคตต่อไปเขาจะสามารถบริหารจัดการธุรกิจของตระกูลหัวต่อไปได้อย่างไร ถ้าเรื่องแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ ก็แสดงว่าเขาไม่มีคสามสามาถเพียงพอ และหัวเซินซวนอาจจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปให้แก่น้องชายของเขาแทน