ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่32 เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ตอนที่32 เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
NovelHall
ตอนที่32 เตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
จ้าวเฉียนอ่านข้อความส่วนตัวของหยางหมิง และอดขำไม่ได้ เพียงตระกูลหยางที่ควบคุมธุรกิจเสาหลักแค่ไม่กี่บริษัท พวกมันหรือจะสามารถทัดเทียมเขาได้?
จ้าวเฉียนส่งข้อความตอบกลับไปหาหยางหมิงทันทีว่า
“มาเลยครับ ผมจะรอดู”
หยางหมิงโต้สวนกลับไปเพียงสามพยางค์ แม่*ตาย!
กดด่าไปคำหนึ่งจากนั้นหยางหมิงก็ส่งกำลังใจให้ฉางเทียนและเมิ่งอู๋หมิงทันทีคนละ5ล้าน ในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น เว็บไซต์นิยายประกาศขึ้นหน้าหลักว่า เฟยอวี่กรุ๊ปได้ซื้อลิขสิทธิ์นิยายของสองนักเขียนมหาเทพแพลตตินั่มไปเรียบร้อยแล้ว
ผลงานของฉางเทียนและเมิ่งอู๋หมิงกลายเป็นที่โด่งดังทั่วอินเตอร์เน็ตทันที หยางหมิงทุ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อWeibo, Baidu และ Hot Index เพื่อปั่นกระแสข่าวว่านิยายทั้งสองเรื่องนี้กลายเป็นที่นิยมที่สุดในเวลานี้ กระแสถาโถมเข้ามาอย่างล้นหลาม
ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนหลักหนึ่งถึงห้าปีหรือนานกว่านั้นถึงจะทำกระแสให้จุดติด และแยกระหว่างผู้แพ้และชนะได้ แต่ด้วยพลังอำนาจแห่งเงินตรา สามารถย่นระยะเวลาเหล่านี้ได้ในพริบตา
แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเป็นไปตามที่จ้าวเฉียนคิดไว้ เขาอยากจะเห็นความพ่ายแพ้ของหยางหมิงเต็มแก่ ดังนั้นเขาจึงโทรไปสั่งให้เริ่มโปรเจ็กต์หนังเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》ทันที กระบวนการตรวจสอบเบ็ดเตล็ดชั่วครู่ก็เสร็จสิ้น งานปรับเปลี่ยนแก้ไขบทให้เข้ากับภาพยนต์ได้เริ่มขึ้นแล้ว
จ้าวเฉียนโทรติดต่อไปหาหวังฉีทันที เพื่อวานให้ติดต่อหาหรูเมิ่งและขอเธอออกมานัดพบ
สองวันต่อมา หวังฉีขึ้นเครื่องจากหยานจิ้งไปยังภูมิภาคตะวันออกของจีน ส่วนหรูเมิ่งก็เช่นกัน เธอบินจากหัวตู้ไปยังภูมิภาคตะวันออกของจีนตามไปติดๆ
ทั้งสามนัดพบกันที่โรงแรมตงไห่
จ้าวเฉียนที่นัดพบกับหวังฉีก่อนล่วงหน้าก็รีบเตี้ยมทันทีพร้อมอธิบายว่า ห้ามไม่ให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา ดังนั้นวันนี้เขาจะรับบทเป็นผู้ช่วยของหวังฉี
แต่สิ่งที่ทำให้จ้าวเฉียนประหลาดใจที่สุดทันทีที่ได้พบกันคือ หรูเมิ่งคนนี้แท้จริงแล้วเป็นหญิงสาวที่สวยมาก
“เอ่อ…คุณคือหรูเมิ่งนักเขียนคนนั้นจริงๆ ใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามทันทีด้วยความสงสัย
หรูเมิ่งยิ้มบางกล่าวตอบไปว่า
“ใช่ค่ะ ฉันเอง”
“คุณดูเป็นผู้หญิงลึกลับที่เขียนนิยายออกมาได้น่าทึ่งมาก มันวิเศษจริงๆ”
“อิอิ…ต้องขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ”
“แล้วชื่อจริงของคุณมีนามว่าอะไรเหรอครับ? ผมชื่อจ้าวเฉียน เป็นผู้ช่วยของคุณหวังครับ”
“ฉันชื่อหวงหยิงเมิ่ง”
ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นสาวสวยที่งดงามได้ขนาดนี้…
จ้าวเฉียนและหวงหยิงเมิ่งเอ่ยคำทักทายพร้อมบทสนทนาเป็นพิธี ขณะที่หวังฉียืนแห้งอย่างเงียบเหงาอยู่ข้างทั้งสอง
ในท้ายที่สุดนี้ หวงหยิงเมิ่งก็รู้สึกได้ว่า นี่ควรที่จะถึงเวลาคุยเรื่องธุระของวันนี้ได้แล้ว จึงดึงหวังฉีเข้ามาในการสนทนาทันที
ตามคำแนะนำของจ้าวเฉียนที่ให้ไว้ก่อนหน้า หวังฉีก็บอกกับหวงหยิงเมิ่งไปเกี่ยวกับแผนการดำเนินงาน
ปัจจุบัน เรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》มีความยาวทั้งหมดมากถึง 500,000คำ จ้าวเฉียนจึงคิดว่าจะตัดทอนให้เหลือสักประมาณ 300,000คำก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการถ่ายทำและไม่กินระยะเวลานานเกินไป ภาคแรกจะใช้เนื้อหน้าใน300,000คำนี้ในการถ่ายทำไปก่อน ถ้าภาคแรกได้รับผลตอบรับดี ก็ให้ดำเนินการถ่ายทำต่อเลย
ตราบใดที่หวงหยิงเมิ่งยังสามารถรักษาคุณภาพงานเขียนได้ งานภาพยนตร์ยังคงดำเนินต่อไป ส่วนเรื่องข้าวของประกอบฉากก็แบ่งตามฤดูกาลไป เพื่อสเกลหนัง [1] ค่อนข้างมีขนาดใหญ่และรายละเอียดยิบย่อยมีมาก
หวงหยิงเมิ่ง พยักหน้าบ่งบอกถึงความเข้าใจในความหมายที่เอ่ยถึง เพราะเธอเองก็ไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ และถ้านั่งทำอยู่คนเดียว การดัดแปลงบทอาจไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่ควร
หวังฉีพูดขึ้นทันทีว่า
“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย ทางบริษัทเรามีมือเขียนบทระดับปรมาจารย์อยู่คนหนึ่ง ฉันจะให้เขามาช่วยคุณในการปรับเปลี่ยนบทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นดีแล้ว เราจะจัดการต่อเอง”
หวงหยิงเมิ่งพยักหน้าและตอบไปว่า ตัวเธอไม่มีปัญหาหรือข้อคัดค้านใด และสามารถเริ่มทำลงได้ทันที
หวังฉีพยักหน้าและแสร้งทำเป็นสั่งจ้าวเฉียนว่า
“เสี่ยวจ้าว ที่เหลือฝากนายจัดการต่อด้วย ฉันจะกลับไปที่หยานจิ้นแล้ว คุณหวงมีอะไรติดต่อหาผู้ช่วยผมได้เลยโดยตรง”
จ้าวเฉียนรีบตอบกลับด้วยความเคารพว่า
“เข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องห่วงเลย ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”
หวังฉีพยักหน้าตอบลอบเช็ดเหงื่อเย็นอย่างลับๆ เอ่ยปากสั่งการทายาทมหาเศรษฐ์แถวหน้าระดับประเทศ นี่รู้สึกกดดันจริงๆ! เรารีบตัดบทหันไปเรียกบริกรให้เสิร์ฟอาหารทันที
หลังจากรับประทานอาหารค่ำกันเสร็จ หวังฉีก็เดินทางจากไป จ้าวเฉียนพาหวงหยิงเมิ่งออกไปซื้อข้าวของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็พาไปยังบ้านพักที่เขาจัดเตรียมไว้ให้
“คุณหวง ที่นี่คือบ้านพักของคุณในอนาคต ทางบริษัทได้จัดเตรียมบ้านพักแห่งนี้เอาไว้ให้ หวังว่าจะไม่น่ารังเกียจเกินไป และผมให้สัญญาว่า จะเคารพสิทธิ์ส่วนบุคคลและไม่ล่วงละเมิดพื้นที่ในส่วนนี้”
หวงหยิงหมิงยิ้มตอบว่า
“อย่าพูดแบบนั้นเลย วันนี้ฉันรบกวนคุณมามากแล้ว ฉันต่างหากที่ต้องเกรงใจ”
“งั้นไปดูในส่วนห้องต่างๆ กันเลยไหมครับ? เดี๋ยวผมแนะนำให้ฟัง”
หวงหยิงเมิ่งพยักหน้าและเดินตามจ้าวเฉียนไป
หลังจากแนะนำห้องต่างๆ เสร็จสิ้น หวงหยางเมิ่งก็จัดแจงข้าวของเสื้อผ้าและเข้าห้องทำงานไปทันที เธอต้องอัปเดตนิยายอย่างสม่ำเสมอตามคำขอของนักอ่านที่ชื่อพี่เฉียน ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ได้รับเงินหนึ่งล้านเป็นรางวัล
สองวันต่อมา ก็มีมือเขียนบทที่หวังฉีส่งให้มาเดินทางถึงบ้านพักดังกล่าว เธอชื่อซูอิ๋ง ซึ่งเป็นมือเขียนบทภาพยนตร์ระดับปรมาจารย์ในวงการ และเธอยังฝากฝังผลงานมือเขียนบทละครและหนังเรทติ้งสูงอีกหลายเรื่อง
ซูอิ๋งเองก็อาศัยอยู่ในบ้านพักที่จ้าวเฉียนจัดเตรียมไว้ให้ ร่วมกับหวงหยิงเมิ่งและทั้งสองเริ่มปรับตัวเข้าหากัน
อีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของบริษัทเฉียนเก้อ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด และเอกสารอื่นๆ ก็ถูกรับรองโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เขาสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ซึ่งโครงการแรกของบริษัทคือ การ ‘ซื้อ’ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับนิยายเรื่อ ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์ และมอบอำนาจให้เขากลายเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อถึงวันจันทร์ จ้าวเฉียนเดินทางไปทำงานที่บริษัทเกมฟางนี่เป็นปกติ และทันทีที่มาถึงหวังเฉียงก็หาเรื่องเขาแต่เช้าเลย
“จ้าวเฉียน นี่นายไม่จริงจังกับงานตัวเองเลยรึไง? มาก็มาสาย กลับก็กลับก่อน นี่นายยังอยากทำงานที่นี่อยู่ไหม?”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบคลอเสียงหัวเราะว่า
“ฉันกำลังทำงานสำคัญที่ประธานฟางมอบหมายให้อยู่ จึงไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งนาย และฉันก็จะไม่ได้อยู่ในแผนกวางแผนอีกแล้วในอนาคต แต่มีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะคำสั่งซื้อจากบริษัทนอกเท่านั้น”
เมื่อหวังเฉียงได้ยินแบบนั้นก็ระเบิดหัวเราะเยาะลั่น และเอ่ยถามว่า
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? แค่ทำให้บริษัทซิงหยวนกลับมาร่วมมือได้ก็ลำพองใจแล้วเหรอ? ตั้งตนอยู่เหนือคนอื่นขึ้นมาเชียว? ขนาดหวันซวนที่ไปดิลกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเฟยอวี่ได้ เขาก็ยังวางตัวในที่ทำงานเหมือนเดิมปกติ ไม่ได้อวดดีเหมือนแก นี่ไม่ละอายใจบ้างรึไง?”
เจวียงหยวนไม่ได้หาเรื่องจ้าวเฉียนมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาเองก็ไม่มีความสุขเหมือนกันที่ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ทันทีที่เห็นว่าหวังเฉียงกำลังต่อว่าจ้าวเฉียนอยู่ เขาก็รีบเข้ามากระทืบซ้ำทันทีว่า
“คุณชายจ้าว ตั้งแต่ทำให้บริษัทซินหยวนกลับมาให้ความร่วมมือได้ ก็ขี้เกียจทำงานขึ้นมาทันทีเลยเหรอ? ที่ช่วงนี้อ้างว่าออกไปทำงานนอกบริษัท ไม่ใช่ว่ามัวแต่เที่ยวเล่นผลาญเงินหรอกนะ? พวกเราแต่ละคนทำงานจนหลังขดหลังแข็งในทุกๆ วัน แล้วว่าไงล่ะ ได้อะไรกลับมาสร้างผลงานให้บริษัทบ้าง?”
คนอื่นๆ ที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย บอกไปว่า ครั้งนี้เจวียงหยวนพูดถูก จ้าวเฉียนที่ชอบหนีออกจากบริษัทก่อนเวลา มีผลงานอะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง?
ในเวลานี้เอง ฟางนี่ก็เดินออกมาจากห้องทำงานของเธอ
“มีอะไร ทำไมเสียงดังกันจัง?”
หวังเฉียงที่เห็นประธานฟางออกมาก็รับฟ้องทันที
“ประธานฟาง ช่วงหลังมานี้ จ้าวเฉียนทั้งมาสายทั้งออกก่อนเวลา ผมกังวลว่าพฤติกรรมแย่ๆ ของเขาจะส่งผลกระทบถึงภาพรวมของบริษัท ดังนั้นผมจึงเข้าตักเตือนเขาสักหน่อยให้มีความรับผิดชอบมากกว่านี้ แต่ดูสิ่งที่เขาพูดกลับมาสิครับ ไม่ใช่แค่ไม่สำนึก แต่ยังบอกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องฟังเขา และยังบอกอีกว่าเขาไม่ต้องทำงานในแผนกวางแผนอีกต่อไปแล้ว นี่ถือเป็นการแอบอ้างประธานฟางรึเปล่าครับ?”
ฟางนี่ไม่เคยได้ยินเช่นกันว่าจ้าวเฉียนจะไม่ทำแผนกวางแผนแล้ว แต่ในเมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ เธอเองก็ต้องตามน้ำเช่นกัน
“ก็ไม่หนิ ฉันบอกให้เขาไม่ต้องทำงานที่แผนกวางแผนเอง และให้รับผิดชอบเรื่องคำสั่งซื้อกับดิลลูกค้าอย่างเดียว เนื่องจากฉันเล็งเห็นถึงความสามารถในการเจรจาด้านธุรกิจของเขา ฉันจึงต้องใช้จุดแข็งนี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด”
หวังเฉียงถึงกับพูดไม่ออก จึงหันไปถามจ้าวเฉียนแทนว่า
“แล้วเป็นไงบ้างล่ะ? หลายวันที่โดดงาน…อ่อไม่สิ…ออกไปดิลลูกค้า มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม?”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องความคืบหน้าเลย ฉันกำลังดิลโครงการต่อไปอยู่ ครั้งนี้เป็นโปรเจคใหญ่เลยล่ะ”
แต่ทันใดนั้นเองเจวียงหยวนก็กล่าวขัดจังหวะขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขาคิดหาวิธีเอาคืนจ้าวเฉียนได้แล้ว
“โปรเจคใหญ่? ถ้างั้นนายรู้จักนิยายเรื่อง ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์ไหมล่ะ? นิยายเรื่องนี้กำลังโด่งดังอย่างมากในโลกอินเตอร์เน็ต แถมยังมีบริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่เข้ามาซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้วด้วย ถ้านายมีความสามารถจริงๆ งั้นลองไปดิลกับทางบริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่นั้นให้ดูหน่อยเป็นไง? ถ้าได้ลิขสิทธิ์เรื่องนี้มา แล้วนำมาพัฒนาเป็นเกม คงสร้างรายได้ถล่มทลายแน่นอน! จริงไหม? นายมีปัญญาไปเอาลิขสิทธิ์มาได้ไหมล่ะ?”
หลังจากพูดจบเจวียงหยวนก็เหลือบมองไปที่จ้าวเฉียนด้วยหางตา พลางแสยะยิ้มเยาะเย้ยหวังทำให้จ้าวเฉียนดูเป็นไอ้โง่งั่งต่อหน้าทุกคน
[1] ขนาดขอบเขตของหนัง