ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่326 ถ้ามันจะฆ่าฉัน ฉันต้องฆ่ามันก่อน
ตอนที่326 ถ้ามันจะฆ่าฉัน ฉันต้องฆ่ามันก่อน
จ้าวเฉียนเริ่มรุกคืบ หลิวเสี่ยวเฟยปล่อยตัวไปตามอามรณ์หาได้ขัดขืนใดๆ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอเต็มใจปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาเร้าโรม
“คุณหลิวลิปติกคุณสวยมาก ดูท่าจะอร่อยไม่น้อย”
“ต้องลองถึงจะรู้นะคะ ไปที่ห้องแต่งตัวกันเถอะ…”
“จะไปทาเพิ่มเหรอครับ? ไม่…ไม่ต้องหรอก….”
เสี้ยววินาทีต่อมา จ้าวเฉียนประกบจูบกับหลิวเสี่ยวเฟยอย่างดูดดื่ม ผละศีรษะออกมายิ้มกล่าวขึ้นว่า
“รสชาติดีจริงๆ”
หลิวเสี่ยวเฟยแสร้งปั้นหน้าโมโหใส่และกล่าวว่า
“นี่คุณ…ทำไมใจร้อนแบบนี้ ลิปติกฉันอยู่ในห้องแต่งตัวนะ ถ้าอยากลองเดี๋ยวไปเอามาให้ ไม่ใช่มาขอยืมจากปากฉัน”
“ตรงริมฝีปากของคุณก็มีมากพอแล้ว ควรแบ่งให้ผมได้พอดี อืมมม…ผมอยากฟิตกล้ามจริงๆนะ ช่วยสอน…ท่ายากให้หน่อยสิครับโค้ช…”
หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็เริ่มซอกไซร้ต้นคอระหงส์สีขาวนวลของหลิวเสี่ยวเฟยอย่างดิบกระหาย และทั้งสองก็เริ่มเผด็จศึกกันอย่างไม่มีใครยอมใคร…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองแยกผละออกจากกันและนอนแผ่ราบกับพื้นด้วยความเหน็ดเหนื่อย
หลิวเสี่ยวเฟยคลี่ยิ้มบางประดับใบหน้าสวย ด้วนสีหน้าอ่อนระทวย เรือนร่างทรงเสน่ห์เปียกชโลมเม็ดเหงื่อทั่ว นี่ยิ่งเร้าอารมณ์ดูดีเข้าไปใหญ่ เธอกล่าวติดตลกขึ้นว่า
“แล้วตอนนี้รู้รึยังว่า ลิปติกของฉันอร่อยแค่ไหน? รู้ไหมว่ากลิ่นอะไร?”
จ้าวเฉียนหลับตายิ้มตอบไปว่า
“ผมสนใจแต่เรื่องรถกับธุรกิจ ไม่รู้เรื่องลิปติกพวกนี้หรอก”
หลิวเสี่ยวเฟยที่ได้ยินแบบนั้นก็จับจ้าวเฉียนขึ้นคล่อมทันที ค่อยๆยื่นมือไปบีบคางของเขาเบาๆและกล่าวว่า
“คุณนี่มันร้ายจริงๆนะ ที่ยอมทำทุกอย่างหลอกให้ฉันมาเทรนส่วนตัว ที่แท้เพราะต้องการร่างกายของฉัน?”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มอ่อน เลื่อยมือขึ้นไปสัมผัสส่วนเว้าโค้งอันแสนโดดเด่นบนร่างกายของเธอและตอบไปว่า
“นี่อยู่นอกแผนของผม อันที่จริงผมไม่ได้หวังเรื่องแบบนี้กับคุณเลย แต่ทำไงได้? ก็คุณเล่นแต่งตัวยั่วผมขนาดนี้ ใครจะไปอดใจไหว?”
หลิวเสี่ยวเฟยตีมืออันแสนซุกซนของจ้าวเฉียนไปทีหนึ่งและเอ่ยถามขึ้นว่า
“แล้วแผนของคุณคือ?”
“ฉันอยากจะปั้นเธอให้เป็นเน็ตไอดอล แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณจะสนใจไหม?”
“ห่ะ? แค่นั้นเอง!?”
หลิวเสี่ยวเฟยสบถขึ้นคำโต รีบยกมือปิดป้องบริเสณหน้าอกตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง
เมื่อได้ยินว่าจ้าวเฉียนต้องการปั้นให้เธอกลายมาเป็นเน็ตไอดอล เธอก็ถึงกับถอนหายใจ เรื่องแบบนี้ตัวหลิวเสี่ยวเฟยไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก ดังนั้นเธอจึงเอ่ยถามต่อทันทีว่า
“เอาจริงเหรอ? แค่อยากปั้นฉันเป็นเน็ตไอดอล?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวตอบไปว่า
“จริงครับ ผมสามารถปั้นให้คุณกลายเป็นเน็ตไอดอลได้ คุณมีประสบการณ์เป็นเทรนเนอร์มาก่อน แถมรูปร่างก็ดี เน็ตไอดอลสายรักสุภาพยังมีอยู่น้อยมาก ถ้าเราจับตลาดตรงนี้ได้ก่อนคุณจะดังเป็นพลุแตกแน่นอน แต่ก็มีข้อแม้ พอคุณเริ่มมีชื่อเสียงแล้ว ห้ามมีข่าวฉาวเด็ดขาด อย่างการมานอนกับคนอื่นแบบนี้ก็ห้ามเช่นกัน”
หลิวเสี่ยวเฟยหน้าแดงก่ำขึ้นทันใด รีบยกมือทุบตีหน้าอกจ้าวเฉียนไปหลายทีและกล่าวว่า
“คุณมันไอ้หลอกลวง! ที่ฉันเต็มใจมาที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากเป็นเน็ตไอดอลอะไรสักหน่อย! แต่เอาเถอะ! ในเมื่อเรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว ก็คงต้องลุยต่อจริงไหม?”
การสนทนากับคนฉลาดย่อมเป็นเรื่องง่ายกว่าเสมอ และเธอสามารถปรับตับและทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
แต่ถึงแบบนั้นหลิวเสี่ยวเฟยก็ให้เงื่อนไขอีกว่า จ้าวเฉียนจะต้องดูแลและผลักดันเธอเป็นพิเศษ
จ้าวเฉียนยิ้มและช้อนร่างของเธอขึ้นอุ้มในอ้อมอก กล่าวว่า
“ฉันมีทีมงานมืออาชีพคอยช่วยเหลืออยู่ ฉันไม่จำเป็นต้องมาลงมือเองหรอก ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ ฉันแค่อยากมีอะไรคอยรับประกันว่าตัวฉันจะโด่งดังขึ้นจริงๆในอนาคต การที่ไม่เข้ามาดูแลฉันเป็นการส่วนตัว นั่นเท่ากับคุณไม่เห็นค่าฉัน นี่คงน่าผิดหวังไม่น้อยเลยจริงไหม?”
ดูเหมือนว่าช่วงนี้เองจ้าวเฉียนก็ไม่ได้มีธุระอะไรเร่งด่วน เขาจึงตอบตกลงไป แต่ถึงแบบนั้นตัวจ้าวเฉียนเองก็ไม่ใช้พวกมืออาชีพมากประสบการณ์ในวงการ และไม่แน่ใจเช่นกันว่าจะช่วยทำให้หลิวเสี่ยวเฟยมีชื่อเสียงได้มากแค่ไหน เขาแค่สัญญาไปว่าจะลองดู
หลิวเสี่ยวเฟยยิ้มตอบกลับไปว่า
“ไม่เป็นไร ขอแค่คุณมาดูแลฉันเป็นการส่วนตัวก็พอ ฉันไม่ได้ต้องการโด่งดังภายในค่ำคืนอยู่แล้ว ค่อยๆลองผิดลองถูกกันไปก่อน”
พูดกันตามตรงก็คือ ตอนนี้หลิวเสี่ยวเฟยแค่อยากอยู่กับจ้าวเฉียนเท่านั้น เรื่องการปั้นให้เธอกลายเป็นเน็ตไอดอลอะไรนั่นก็แค่เรื่องรอง การได้ใช้ชีวิตร่วมกับจ้าวเฉียนต่างหากเป็นประเด็นหลัก แค่นี้เธอก็สุขสบายกว่าผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ในประเทศไม่รู้กี่เท่าแล้ว
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กังวลเลยว่า ตัวเธอจะโดงดังหรือไม่ในอนาคต ตราบใดที่เธอสามารถรักษาหรือพัฒนาความสัมพันธ์กับจ้าวเฉียนไปอีกขั้นได้ มันก็เพียงพอแล้ว
แต่ตัวจ้าวเฉียนไม่ได้คิดแลลนั้น เขาต้องการปั้นหลิวเสี่ยวเฟยจริงๆเพื่อให้เธอเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่สร้างกำไรให้แก่บริษัท ไม่ใช่จะเอาเธอมาเป็นคนรักหรือภรรยา
ทั้งสองตกลงกันครึ่งทาง ไม่มีใครเสียเปรียบและได้เปรียบจนเกินไป
ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องเทรนหุ่นออกกำลังกายอะไรไร้สาระทั้งสิ้น ถึงเวลาที่ผู้ใหญ่เขาควรทำกันแล้ว
ทั้งสองยังคงร่วมบรรเลงเพลงรักสุดเร้าร้อนตลอดทั้งคืน พวกเขานอนสลบไม่ได้สติด้วยความเหน็ดเหนื่อยตลอดจนสิบโมงเช้าของวันรุ่นขึ้น จนท้ายที่สุดเสียงโทรศัพท์ของจ้าวเฉียนก็ดังลั่น ปลุกให้พวกเขาตื่นขึ้นในที่สุด
จ้าวเฉียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นหลินเซียะจากสำนักงานเขต เห็นดังนั้นเขาจึงรีบรับสายทันทีโดยไว
“ผู้ว่าหลิน มีอะไรเหรอครับ?”
หลินเซียะรีบกล่าวทันที
“น้องจ้าว! รู้ไหมว่าคนที่มีเรื่องด้วยกับน้องจ้าวเมื่อคืนคือใคร!”
“ไม่รู้เลยครับ”
“เขาเป็นลูกชายของจางหมิง เทศมนตรีเขตซุยอวี่! เขาชื่อจางเห่อ แถมแม่ของเขายังเป็นประธานบริษัทยาชื่อดัง ทั้งจางหมิงกับเฮอหมินต่างโทรมาหาฉัน บอกให้น้องจ้าวต้องไปรับผิดชอบกับสิ่งที่ลูกของพวกเขาโดน!”
“หุหุ…นั้นก็ลูกชายของพวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่เหรอครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม อีกอย่างคนที่ลงมือเป็นฆาตกรที่หลบหนีไปเมื่อคืน พวกนั้นยังมีหน้าบอกให้ผมรับผิดชอบ? ผมคิดว่าผู้ว่าควรเอาตัวจางเห่อไปสอบสวนมากกว่านะ ตามเนื้อผ้าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยด้วยซ้ำ”
“ฉันเข้าใจนะ ตอนนี้จางเห่อนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันส่งคนไปคอยเฝ้ายามตลอด24ชม. ทันทีที่อาการของเขาดีขึ้น ฉันจะรีบสอบสวนอีกฝ่ายทันที ที่โทรมาตอนนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอก แค่อยากจะเตือนไว้ว่า จางหมิงกับเฮอหมินอาจจะกำลังวางแผนแก้แค้นน้องจ้าวอยู่ก็ได้”
“ขอบคุณมากครับ ผมจะระวังตัวให้มาก แค่นนี้ก่อนนะครับ”
จ้าวเฉียนดวางสายไปทันที
หลินเสี่ยวเฟยที่กำลังนอนซบอกของเขาอยู่ก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้น? จางเห่อจะมาแก้แค้นคุณเหรอ?”
“ใช่ พ่อมันเป็นเทศมนตรีเขตซุยอวี่ แม่มันเป็นประธานบริษัทยาเป่ยหัว เขาคงจะอาศัยอำนาจอิทธิพลของที่บ้านเล่นงานผม”
จ้าวเฉียนกล่าวอธิบายให้ฟังด้วยความใจเย็น
หลิวเสี่ยวเฟยรีบลุกขึ้นนั่งทันทีและถามว่า
“แล้วฉันควรทำยังไงดี? ตอนนี้คุณกำลังตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม? แม้คุณจะมีเงิน แต่เงินก็ไม่สามารถสู้กับอำนาจขอิทธิพลได้เลย ฉันยังสนุกกับร่างกายคุณไม่พอเลยนะ อย่าให้ต้องถูกฆ่าโดยคนแบบมันนะ!”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวะลั่น พลางคิดไปว่า ธาตุแท้ของหลิวเสี่ยวเฟยเปรียบได้กับราชินีน้ำแข็งแสนเย็นชา แต่ที่ไหนได้กลับเป็นคนตลกกว่าที่คิด
จ้าวเฉียนค่อยๆเชยคางของหลิวเสี่ยวเฟยขึ้นมาและยิ้มตอบไปว่า
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมเองก็ยังสนุกกับร่างกายคุณไม่พอ ไม่ยอมตายง่ายๆแบบนี้อยู่แล้ว เอาล่ะ ฉันต้องขอตัวออกไปทพธุระก่อนนะ ถ้าจะนอนต่อก็ตามสบายเลย มีอะไรเรียกหาแม่บ้านประจำที่นี่ได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจ”
แต่หลิวเสี่ยวเฟยยังคงยืนยันว่าจะตามไปด้วย เธอรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็รีบขึ้นรถไปกับจ้าวเฉียนทันที
ทั้งสองเพื่งขึ้นรถได้ไม่นาน ทันใดนั้นจางเห่อก็โทรสายมาหาหลิวเสี่ยวเฟย
หลิวเสี่ยวเฟยรีบส่งมือถือไปให้จ้าวเฉียนและกล่าวว่า
“จางเห่อมันโทรมา คุณช่วยรับแทนที”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและรับสายโดยตรง เอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณจาง เย็บแผลแล้วเหรอครับ?”
“มึงเองเหรอ! กูกำลังหาตัวมึงพอดี! มึงรู้ไหมว่า กูโดนแทงสองแผลเกือบเอาชีวิตไม่รอด! มึงมาหากูเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นกูจะจ้างมือสังหารมาเก็บมึง!”
จางเห่อตวาดเสียงดังลั่นด้วยความหยาบคาย
“นี่คุณกำลังขู่ผมอยู่นะครับ ฮ่าฮ่า…ถ้าตอนนั้นผมไม่ช่วยหยุดไว้ ปานนี้ตัวคุณคงไปเกิดใหม่นานแล้ว ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณกันเลยเหรอครับ? หน้าไม่อายจริงๆ”
“แล้วถ้ามึงไม่พูดแบบนั้นกับพวกมัน พวกมันจะแทงกูไหมล่ะ!! ไอ้เวร! มองยังไงมึงนั้นแหละต้นเหตุ! เลิกเอากันแล้วมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นมึงไม่รอดแน่นอน!”
“กลัวจังเลยครับ น้ำหน้าอย่างคุณมีปัญญาทำอะไรผมได้บ้าง?”
“เดี๋ยวมึงก็รู้!”
ทันทีที่จางเห่อพูดจบเขาก็ตัดสายทิ้งไปทันที จ้าวเฉียนยื่นมือถือคืนให้หลิวเสี่ยวเฟย
หลิวเสี่ยวเฟยรีบเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า
“แล้วตอนนี้คุณจะทำยังไง?”
“ถ้ามันจะฆ่าผม ผมก็แค่ฆ่ามันก่อน”
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มแสนชั่วร้ายขึ้นบนมุมปากเล็กน้อย
หลิวเสี่ยวเฟยตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอรีบคว้าแขนของจ้าวเฉียนทันที
“จะฆ่าเขาจริงๆเหรอ?”
จ้าวเฉียนหัวเราะเสียงเย็นตอบไปว่า
“ก็มันบอกว่าจะฆ่าผม แล้วผมควรปล่อยมันไว้เหรอ?”
หลิวเสี่ยวเฟยนั่งอึ้งไปชั่วขณะ พูดไม่ออกตอบไม่ถูกอยู่พักใหญ่
。