ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี - ตอนที่41 หัวหน้าแผนกทำความสะอาด
ตอนที่41 หัวหน้าแผนกทำความสะอาด
NovelHall
ตอนที่41 หัวหน้าแผนกทำความสะอาด
ฉันไม่ได้เข้าไปดูไลฟ์สตีมของอู๋ซินมาสักระยะหนึ่งแล้ว พอกลับมาถึงบ้านในตอนกลางดึก จ้าวเฉียนก็อาบน้ำเตรียมเข้านอน ระหว่างนั้นก็เปิดมือถือขึ้นมาดูไลฟ์สตีมของเธอ อู๋ซินยังคงรอ ‘พี่เฉียน’ ที่ออฟไลน์ ไม่เข้ามาทักทายเป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนเต็มแล้ว และทันทีเห็นว่าสถานะแจ้งเตือนของ ‘พี่เฉียน’ ขึ้นออนไลน์อีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าเขากลับมาแล้ว อู๋ซินจึงรีบเอ่ยปากต้อนรับพร้อมรอยยิ้มว่า
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะพี่เฉียน ช่วงนี้ไม่แวะเวียนมาหากันเลย คงยุ่งมากเลยใช่ไหมค่ะ?”
เมื่อเหล่าผู้ชมไลฟ์สตีมได้ยินว่า ‘พี่เฉียน’ กลับมาแล้ว พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันอย่างมาก เพราะพวกเขากำลังเฝ้ารอเขาเข้ามาตอบคำถามว่า ‘พี่เฉียน’ ที่มอบกำลังใจกว่าหลายสิบล้านหยวนให้แก่นิยายเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》คือคนเดียวกันใช่ไหม?
เนื่องจากจ้าวเฉียนชื่นชอบนามแฝงนี้มาก ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเปิดโอกาสให้ใครไปแอบอ้างชื่อนี้ที่อื่นในอนาคต
“ใช่แล้ว ผมเอง”
“ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยดันนิยายน้ำดีอย่างเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》ให้ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ดังนั้นผมจึงไม่ว่างเข้ามาดูไลฟ์เลย”
ทันทีที่จ้าวเฉียนกดส่งสองข้อความดังกล่าวออกไป บนช่องแชทแทบระเบิดราวกับเขื่อนแตก
“พี่เฉียนของเรานี่สุดยอดจริงๆ แม้แต่สองมหาเทพแพลตตินั่มยังรับมือไม่ไหว”
“ใช่เลยๆ! ฉันได้ยินมาว่า คุณชายแห่งเฟยอวี่ก็สนับสนุนนิยายสองเรื่องนั้นอยู่ แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับพี่เฉียน!”
“555 สมแล้วที่เป็นพี่เฉียน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”
ไล่อ่านทุกข้อความที่ทะลักเข้ามาในช่องแชท ที่แห่กันสรรเสริญชื่นชม ‘พี่เฉียน’ อู๋ซินพลางรู้สึกสุขใจอย่างอธิบายไม่ถูก
แม้แต่ฉันเองก็ไม่สามารถบธิบายว่าทำไม แต่ภายในใจเธอเปี่ยมล้นไปด้วยความรักและขอบคุณที่มีต่อ ‘พี่เฉียน’ และปรารถนาที่จะพบเขาสักครั้ง
หลังจากไลฟ์สตีมจบลง อู๋ซินก็ได้ส่งข้อความส่วนตัวถึงพี่เฉียน โดยใช้บัญชีแพลตฟอร์มของเธอเอง
“ขอบคุณที่สนับสนุนดิฉันมาตลอดนะคะ พวกเราออกมาพบกันสักครั้งจะได้ไหมค่ะ? ดิฉันอยากเชิญคุณออกไปทานมื้อค่ำด้วยกัน?”
จ้าวเฉียนไม่อยากให้อู๋ซินมีข่าวในทางลบที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเธอในช่วงนี้ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธกลับไป
“ไม่ดีกว่าครับ เห็นคุณอยู่ดีกินดีแบบนี้ก็พอแล้ว หากคุณมีออกงานนอกสถานที่ เดี๋ยวผมจะตามไปให้กำลังใจครับ”
คล้อยหลังไม่นานนัก อู๋ซินก็ส่งข้อความตอบกลับมา
“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะตั้งใจไลฟ์สตีมต่อไป ขอเพียงคุณยังเฝ้าคอยติดตามดิฉันไม่หายไปไหน”
จ้าวเฉียนที่อ่านข้อความดังกล่าวก็รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงโทรหาหงซิ่วทันที
“ว่าไงค่ะประธานจ้าว โทรมาดึกขนาดนี้ คงมีเรื่องด่วนใช่ไหมค่ะ?”
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไรเร่งด่วนทั้งนั้นแหละ แค่ผมอยากจะให้คุณไปเตือนอู๋ซินหน่อย ผมอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อปั้นเธอขึ้นมา และไม่อนุญาตให้เธอมีข่าวเสียๆ หายๆ เด็ดขาด เมื่อตะกี้เธอเพิ่งส่งข้อความส่วนตัวมาหาผม และขอนัดเจอเป็นการส่วนตัว หากเรื่องนี้หลุดเป็นข่าวบนโลกอินเตอร์เน็ต คุณคิดว่าผลจะเป็นยังไง? อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเด็ดขาด เป้าหมายของผมคือการเดบิวต์ให้เธอเป็นเน็ตไอดอลระดับโลก ห้ามให้มีข่าวพวกนี้หลุดออกมาโดยเด็ดขาด”
“เข้าใจแล้วค่ะประธานจ้าว ฉันจะพยายามเอ่ยปากเตือนเธอให้ดีนับจากนี้ ไม่ว่าเธอจะทำหรือคิดอะไรอยู่ ฉันจะให้เธอระวังมากกว่านี้ค่ะ”
“อืม เข้าใจก็ดีแล้ว ถ้างั้นพักผ่อนต่อเถอะครับ ฝันดี”
“ฝันดีเช่นกันค่ะประธานจ้าว”
หลังจากที่จ้าวเฉียนวางสายไป เขาก็ไล่อ่านตอนล่าสุดที่ดองเอาไว้จำนวนหนึ่งของเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》พร้อมส่งกำลังใจให้เธอเป็นรางวัลจำนวน1ล้านตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหรูเมิ่ง ตราบเท่าที่เธออัปเดตนิยายอย่างต่อเนื่อง โดยที่คุณภาพไม่ตกและมีจำนวนคำอยู่ที่600,000คำภายในสิ้นเดือน เขาจะมอบ1ล้านเป็นรางวัล
หรูเมิ่งไม่เพียงแค่หมั่นอัปเดตนิยายอย่างขยันขันแข็งทุกวันเท่านั้น ทว่าแต่ละตอนยังมีจำนวนคำอยู่ที่10,000คำโดยเฉลี่ย ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน สำหรับนักเขียนนิยายนี่เป็นงานหนักไม่ใช่น้อย แต่เธอก็ทำได้ตามที่จ้าวเฉียนคาดหวัง
หรูเมิ่งเข้าบัญชีจัดการนักเขียน ป็อปอัพแจ้งข้อความเข้าก็พลันเด้งขึ้นมารัวๆ พี่เฉียนยังคงส่งกำลังใจให้เธออย่างต่อเนื่อง เธอรีบพิมพ์ข้อความส่วนตัวไปหาพี่เฉียนทันทีพร้อมสีหน้าเปี่ยมล้นความสุข
เรื่องเงินเป็นสิ่งที่เธอแทบจะไม่สนใจแล้วด้วยซ้ำในตอนนี้ เพราะเงินทั้งหมดที่ได้มาจากการเขียนนิยาย มันก็เกินพอแล้วที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ที่เธอยังพยายามเขียนนิยายตามเงื่อนไขที่อีกฝ่ายกำหนด เพียงเพราะ เธออยากหาโอกาสได้สานสัมพันธ์กับพี่เฉียนให้มากกว่านี้
จ้าวเฉียนเห็นข้อความส่วนตัวฉบับหนึ่งเด้งขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรและลบข้อความทั้งหมดที่ส่งเข้ามาทิ้งโดยตรง
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จในวันรุ่งขึ้น จ้าวเฉียนก็เดินทางมาที่บริษัทพร้อมสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เจวียงหยวนกับหวันซวงรู้สึกอึดอัดเหลือเกินเพียงแค่เห็นหน้าอีกฝ่าย สุดท้ายนี้พวกเขาก็ยังไม่ชินสักที ทั้งมาสายแถมยังออกก่อนเวลางาน แต่กลับไม่ถูกหัวหน้าตำหนิเลยแม้แต่นิดเดียว นี่มันเป็นเรื่องน่ารำคาญใจจริงๆ
เจวียงหยวนพูดขึ้นอย่างหัวเสียว่า
“จ้าวเฉียน ผู้จัดการหวังสั่งว่า ทันทีที่นายมาถึงให้ไปพบเขาโดยเร็ว”
จ้าวเฉียนพยักหน้าเก็บข้าวของลงบนโต๊ะทำงานของตน และตรงไปยังห้องทำงานของหวังเฉียง แค่เขาเคาะประตูห้องเบาๆ ปรากฏว่าประตูห้องไม่ได้ปิดสนิทจึงเปิดกว้างออกมาโดยตรง ขณะที่กำลังจะปริปากพูด ก็เหลือบไปเห็นภาพฉากที่หวังเฉียงกำลังกดร่างของเจียงเสี่ยวปิงแนบกับโต๊ะ กระดุมเสื้อถูกปลดจนเกือบเห็นหน้าอก ขณะที่หวังเฉียงทำท่าทำทางราวกับสัตว์ป่ากระหาย
แค่ดูก็รู้แล้วว่าเจียงเสี่ยวปิงไม่เต็มใจแม้แต่น้อย แต่จำต้องสมยอม เธอทราบดีว่าประตูห้องทำงานไม่ได้ล็อก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หวังเฉียงจงใจเรียกจ้าวเฉียนเข้ามา เพื่อให้เขามาเห็นภาพฉากบาดตาบาดใจแบบนี้ คงกระวนกระวายใจสินะ ที่เห็นคนรักกำลังตกอยู่ในมือของชายอื่น!
แช๊ะ!
แต่หวังเฉียงกลับต้องผิดหวังอย่างแรง ร่องรอยความเย้ยหยันปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของจ้าวเฉียน สิ่งแรกที่เขาทำคือหยิบมือถือออกมาและถ่ายรูปไปแช๊ะหนึ่ง ทันทีที่เจียงเสี่ยวปิงเห็นแบบนั้น เธอก็รู้สึกผวาหนักจนรีบผลักร่างของหวังเฉียนจนเซล้มไป พร้อมชี้หน้าด่าจ้าวเฉียนทันทีว่า
“ทำอะไรของนาย!? มากล้าถ่ายพวกฉันได้ไง?!”
จ้าวเฉียนเก็บมือถือลงกระเป๋าอย่างสบายอารมณ์ และตอบพร้อมสีหน้าแสนหยามเหยียดขึ้นว่า
“อ้าว? ก็ไม่ใช่ว่าพวกเธอสองคนตั้งใจจัดฉากขึ้นมา เพื่อให้ฉันบังเอิญมาเห็นหรอกเหรอ? เห็นพยายามกันขนาดนี้ เลยต้องถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย แต่เพิ่งได้รูปเดียวเองน่ะสิ เอาเร็ว เอาเร็วจัดท่าเปลี่ยนมุมหน่อย”
เจียงเสี่ยวปิงรู้สึกโมโหอย่างมาก แต่หวังเฉียงกลับไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เขาเชื่อว่า การที่จ้าวเฉียนพาเจียงเสี่ยวปิงไปเปิดห้องหลับนอนด้วยกัน และพอมาเห็นภาพฉากแบบนี้ต้องรู้สึกสะเทือนใจบ้างไม่มากก็น้อย แต่เพื่อปิดบังอารมณ์เหล่านี้ จ้าวเฉียนจึงแสร้งทำเป็นหยิบมือถือถ่ายรูป เสมือนกับว่าตนเองไม่ได้รู้สึกอะไร ใช่แล้ว! นี่ต้องเป็นแผนการทางจิตวิทยาแน่นอน!
เจียงเสี่ยวปิงในตอนนี้รู้สึกแย่เกินบรรยาย ภาพลักษณ์ของเธอ ณ ขณะนี้ก็ป่นปี้พออยู่แล้ว ถ้าภาพถ่ายนี้หลุดไปอีก เธอคงไม่มีหน้าทำงานต่อในบริษัทแห่งนี้แน่นอน พอคิดได้ดังนั้น เธอจึงรีบวิ่งไปฉกมือถือจากกระเป๋าเสื้อจ้าวเฉียนทันที
ปฏิกิริยาของจ้าวเฉียนเองก็เร็วมากเช่นกัน รีบยกสองมือขึ้นมาและผลักร่างของเธอกระเด็นออกไปทันทีอย่างขยะแขยง
“เอามือสกปรกของเธอออกไป น่าขยะแขยงจริงๆ กลิ่นเหม็นจากมือเธอติดเสื้อฉันบ้างรึเปล่าเนี่ย? หวังเฉียง เรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ?”
หวังเฉียงตอบเสียงแข็งว่า
“นี่นายกล้าเรียกชื่อฉันห้วนๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันเป็นถึงผู้จัดการนะเฮ้ย! มารยาทน่ะ…รู้จักไหม?”
“บ่นอะไรครับ? ผมก็สุภาพกับคุณตลอด แต่กลับเป็นคุณมากกว่าที่ไม่สุภาพ ทั้งยังไม่ให้เกียรติออฟฟิศแห่งนี้ มีอะไรกันที่ห้องทำงานกันแต่เช้า เชื่อไหมครับว่า ถ้าผมโทรหาประธานฟางแค่กริ๊งเดียว คุณเตรียมเก็บข้าวของออกไปได้เลย! อย่าทำตัวให้มีปัญหาจะดีกว่าครับ แล้วมีอะไรอีกไหม? ถ้าไม่ ผมขอตัวกลับไปทำงานก่อน”
หวังเฉียงโกรธจัดตบโต๊ะเสียงดังปัง ตะคอกสวนทันทีว่า
“จ้าวเฉียน! กูเป็นถึงผู้จัดการของบริษัทแห่งนี้ ส่วนมึงก็แค่ลูกจ้างธรรมดา มึงคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าพูดแบบนี้กับกู!?”
ตอนนี้จ้าวเฉียนเริ่มมีหงุดหงิดแล้วเช่นกัน เขาไม่สามารถทนต่อกิริยาหยาบทรามแบบนี้ของอีกฝ่ายได้ ไม่มีรีรอใดๆ เขาหยิบมือถือขึ้นมาและโทรหาฟางนี่โดยตรง
“ฮาโหล ประธานฟาง ไล่ให้ฟางนี่ไปเป็นหัวหน้าแผนกแม่บ้านเดี๋ยวนี้ซะ นี่เป็นคำสั่ง! ไม่อย่างนั้นโปรเจคทั้งหมดจะถูกยกเลิก!”
หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็กดวางสายทิ้งไปทันที
หวังเฉียงที่เห็นท่าทางแสนจองหองของจ้าวเฉียน ก็ระเบิดหัวเราะเยาะดังลั่น และกล่าวขึ้นว่า
“ฮ่าฮ่าๆๆ … นี่แกโคตรสำคัญตัวผิดเลยวะ! แค่ดิลกับไม่กี่บริษัทได้ก็คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียว? โอ้แย่แล้ว ประธานฟางต้องไล่ฉันออกแน่เลย ฮ่าฮ่าๆๆ …ไร้สาระ!! อย่างประธานฟางเหรอจะฟังแก? ถ้าเธอยอมฟังแกนะ ฉันจะกินขี้ต่อหน้าทุกคนในออฟฟิศเลย!”
ทันทีที่บรรดาเพื่อนร่วมงานได้ยินเสียงทะเลาะดังลั่นออกมาจากห้องผู้จัดการ พวกเขาก็แห่กันมุ่งดู เจียงเสี่ยวปิงถือโอกาสนี้ รีบเล่าให้ทุกคนฟังว่า จ้าวเฉียนมันเป็นไอ้โรคจิต แอบถ่ายภาพเธอกับหวังเฉียงให้ห้องทำงาน
ฟางนี่ที่เห็นว่า ตอนนี้จ้าวเฉียนกำลังเดือดจัด เธอก็ไม่กล้าละเลย รีบต่อสายตรงโทรหาหวังเฉียงทันที
“เริ่มการประชุมผ่านวิดีโอคอลได้เลย! ทุกคนในออฟฟิศ รวมไปถึงป้าแม่บ้านทุกคนก็ต้องเข้าร่วม!!”
ฟางนี่วางสายไปหลังจากสั่งการออกไปเสร็จสรรพ
หวังเฉียงมันมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่งว่า ตนจะไม่ถูกไล่ออกแน่นอน แม้ช่วงนี้จะไม่มีผลงานโดดเด่นอะไรเลย แต่งานในด้านอื่นๆ เขาก็บริหารจัดการได้ตามที่ประธานฟางคาดหวังเอาไว้ แน่นอน ทรัพยากรบุคคลระดับน้ำดีเช่นเขา ประธานฟางไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือไปแน่
สำหรับไอ้ห่วยอย่างจ้าวเฉียน ตลอดห้าปีที่ผ่านมาไม่เคยสร้างผลงานโดดเด่นเลยสักครั้ง แค่โชคดีดิลบริษัทใหญ่ได้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คุณฟางไม่ได้สนใจเขาอยู่แล้ว
หวังเฉียงรีบแจ้งให้ทุกคนในออฟฟิศรวมตัวในห้องประชุมใหญ่ โดยให้เหตุผลไปว่า ประธานฟางต้องการเรียกประชุมด่วนผ่านวีดีโอคอล
ไม่นานทุกคนต่างนั่งประจำที่ บริเวณหัวโต๊ะประชุมปรากฏเป็นจอขนาดใหญ่ซึ่งก็เป็นฟางนี่ที่วิดีโอคอลทางไกลเข้ามา
“ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ต้องรบกวนเวลางานแบบนี้ นี่เป็นการประชุมนี้เฉพาะกิจ ฉันมีเรื่องสำคัญมากมาแจ้งกับทุกคน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หวังเฉียงจะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการบริษัท และจะถูกย้ายไปเป็นหัวหน้าแผนกทำความสะอาด แม่บ้านจางฝากดูแลหัวหน้าคนใหม่ด้วยล่ะ ประสบการณ์ด้านงานทำความสะอาด หวังเฉียงคงยังไม่คล่องเท่าไหร่ ส่วนเรื่องผู้จัดการคนใหม่ หลังจากที่ฉันกลับไปจะพิจารณาอย่างรอบครอบอีกที ส่วนตอนนี้ฉันขอแต่งตั้งให้จ้าวเฉียนทำหน้าที่แทนไปก่อน เอาล่ะ คำสั่งนี้มีผลทันที จบการประชุม”
บรรยายกาศภายในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นมาทันใด
หวังเฉียงตกใจสุดขีด เขาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ประธานฟางถอดเขาออกจากตำแหน่งเพราะจ้าวเฉียนจริงๆ เหรอ?