ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 39 เรื่องที่ไม่เคยทำยอมไม่ได้จริงๆ
ตอนที่ 39 เรื่องที่ไม่เคยทำยอมไม่ได้จริงๆ
มู่น่อนน่อนโทรหาเสิ่นเหลียงทันที
“เธอไปจัดการเรื่องมู่หวั่นขีแล้วหรือ”
“เธอไม่ให้ฉันทำไม่ใช่หรือ หรือว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนความคิดแล้ว” เสิ่นเหลียงพูดอย่างดีใจ
มู่น่อนน่อนอธิบาย “ไม่ใช่ เราเห็นข่าวที่เกี่ยวกับมู่หวั่นขีนั้นกลายเป็นข่าวฮอตอันดับหนึ่งแล้วอีก”
“จริงหรือ” เสิ่นเหลียงเปิดคอมพิวเตอร์ไปดู
“จริงๆด้วย นี่เรียกว่า ‘ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว’ ”
มู่น่อนน่อนคิดว่าเรื่องนี่มันผิดปรกติเป็นอย่างมาก
เป็นฝีมือของใครกันแน่น หรือว่าเป็นคนอื่นที่รังเกียจมู่หวั่นขี
นี่ก็เป็นไปได้นะ มู่หวั่นขีเป็นคนที่นิสัยไม่ดีชอบดูถูกคนอื่น มีคนหลายคนที่ไม่ชอบเธอ
มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้คิดมากแล้ว
เธอยืนขึ้นไปหาเฉินถิงเซียวตอนนี้เขาคงกินข้าวเสร็จแล้ว
ไม่ว่ายังไง เธอก็อยากหาเฉินถิงเซียวคุยเรื่องนี้หน่อย
……
ประตูห้องหนังสือถูกปิดอยู่
มู่น่อนน่อนไปเคาะประตู
“เข้ามา”เสียงต่ำๆของผู้ชายจากข้างใน
มู่น่อนน่อนเข้าไปแล้วเห็นผู้ชายที่นั่งเก้าอี้โดยหลังกลับไป
มู่น่อนน่อนรู้สึกแปลกใจว่าอยากคุยกับเธอ แต่ทำไมไม่ให้เธอเห็นหน้า
ในความคิดของเธอเฉินถิงเซียวเป็นคนที่ปิดข้างตัวเองมาก ไม่ทำงาน ไม่ออกไปข้างนอก และไม่ชอบพูดคุยกับคน
เฉินถิงเซียวพูดก่อนว่า “มีเรื่องอะไรหรือ”
มู่น่อนน่อนเอียงหัวถามว่า “ข่าวใหญ่ในช่วงนี้คุณรู้ไหมคะ”
เฉินถิงเซียวเงียบไปสักพักแล้วพูดอย่างเข้มๆว่า “เรื่องที่ผ่านไปไม่ต้องพูดถึงอีก และในฐานะที่เป็นนางหญิงของตระกูลเฉิน เธอควรวางตัวให้ดี”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าคำพูดแบบนี้เหมือนกับ“เฉินเจียฉิน”เลย หรือเป็นเพราะว่าสองคนเป็นพี่น้องกัน
พอออกไปจากห้องมู่น่อนน่อนหายใจลึกๆเข้าไป
……
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่น่อนน่อนแต่งตัวเตรียมไปสัมภาษณ์
หลายวันมานี้เธอเสียเวลาในเรื่องของมู่หวั่นขีมาก
เธอจบอยู่ในมหาลัยดังและประวัติย่อของเธอก็ทำดี มีบริษัทสองแห่งก็ยอมรับเธอ
เธอรู้สึกดีใจมาก เมื่อก่อนเพราะเซียวชู่เหอเธอได้ทำงานที่ไม่สม แต่ตอนนี้เธอมีตัวเลือกแล้ว และเธอก็ต้องคิดดีๆว่าจะเลือกใคร
เธอไปกินข้าวที่โรงอาหารแห่งหนึ่งพร้อมดูข้อมูลของบริษัทที่เธอจะไปสัมภาษณ์ตอนไป
ยังไม่ได้นั่งลงกี่นาที ก็มีคนที่ใส่หมวกคนหนึ่งเดินไปถึงหน้าของเธอแล้วเอาน้ำเทเธอจากหัวเธอ
ต่อจากนั้นก็มีคนเรียกเธอด้วยน้ำเสียงแค้นๆ “มู่น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนเช็ดหน้าแล้วมองไปคนนั้น
ดูอย่างดีๆแล้วจึงดูออกว่าคนที่แต่งตัวแบบแปลกๆนั้นเป็นมู่หวั่นขี
มู่หวั่นขีไม่อยากให้คนอื่นเห็นเธอออกจึงแต่งตัวแบบนั้นออกมา
“มีอะไรก็พูดดีๆนะ พี่ทำอย่างนี้ทำไม” มู่น่อนน่อนเงยหน้ามองเธอและพูดอย่างชาๆ
สายตาของมู่หวั่นขีเต็มไปด้วยความโกรธ เธอพูดแบบเหลี่ยมๆว่า “มู่น่อนน่อนรูปถ่ายและวิดีโอที่เกี่ยวกับฉันเหล่านั้นเป็นฝีมือของแก ใช่ไหม ฉันจะแก้แค้นให้ได้แน่นอน”
มู่น่อนน่อนคิดไม่ถึงเลยว่ามู่หวั่นขีเดาถูกแล้ว
แต่เธอไม่มีวันที่จะยอม
มู่น่อนน่อนถามอย่างข้องใจว่า “วิดีโออะไร”
“หลายปีที่อยู่ในตระกูลมู่ แกแกล้งทำเป็นคนโง่ ที่จริงแล้วแกไม่ได้โง่” สายตาของมู่หวั่นขีดุร้ายขึ้น
มู่น่อนน่อนยิ้ม “พี่รู้หนูดีกว่าพ่อแม่ไปอีก”
ตอนนี้มู่ลี่เหยียนกับเซียวชู่เหอคงยังคิดว่าเธอเป็นคนโง่อยู่
ในตอนเด็กๆพวกเขาสองคนก็ไม่เคยรักและเอาใจใส่เธอ พวกเขายอมว่าลูกสาวคนเล็กเป็นคนโง่ตลอด พวกเขาไม่มีวันจะยอมว่าตนเองถูกลูกสาวเล่นมาตลอด
“หน้าด้าน” มู่หวั่นขีจะไปตบหน้ามู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนตั้งใจจะหลีก แต่สายตาของเธอมองเห็นมีคนคนหนึ่งที่รูปร่างคุ้นๆเดินเข้ามา
เธอจึงไม่ได้หลีก และฝ่ามือของมู่หวั่นขีจึงตบหน้ามู่น่อนน่อนอย่างแรง
เสิ่นชูหานเห็นมู่น่อนน่อนถูกคนตบหน้า จึงรีบเดินเข้าไปยึดมือของคนนั้น
พอเห็นได้ชัดว่าคนตบเป็นมู่หวั่นขีเขาจึงขมวดคิ้วขึ้น “หวั่นขี”
“ชูหาน” เสียงของมู่หวั่นขีอ่อนขึ้น “คุณยอมมาเจอฉันแล้ว พวกรูปภาพและวิดีโอเป็นฝีมือของคนหน้าด้านคนนี้ทั้งหมด เธอตั้งใจต่อต้านฉัน เธออิจฉาคุณอยู่กับฉันจึงตั้งใจทำร้ายฉัน”
มู่น่อนน่อนคิดว่าในสายตาของมู่หวั่นขีคงจะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อิจฉาเธอ
มู่น่อนน่อนทำหน้าเป็นน่าสงสาร “ฉันไม่ได้ทำ”
เธอไม่ได้อิจฉามู่หวั่นขีจริงๆ
มู่หวั่นขีตะโกน “โกหก”
เสิ่นชูหานพูดกับมู่หวั่นขีอย่างหุนหัน “พอเถอะ”
คนอื่นที่อยู่ในโรงอาหารต่างก็มองไปพวกเขา
เสิ่นชูหานเป็นคนเอาหน้า เขาพูดว่า “ไปคุยที่ห้อง”
พอจบ เขาก็มองมู่น่อนน่อน“เธอก็มาด้วย”
มู่น่อนน่อนอยากดูมู่หวั่นขีถูกจัดการ จึงไปด้วย
พอถึงห้องบอคซ มู่หวั่นขีก็พูดว่า “ชูหานคุณเชื่อฉัน เรื่องทั้งหมดก็เป็นกลอุบายของผู้หญิงคนนี้ เธอใส่ร้ายฉัน ฉันไม่มีความผิดจริงๆ”
ถึงตอนนี้แล้วมู่หวั่นขียังพูดคำโกหกอยู่
เสิ่นชูหานเหมือนได้รู้จักกับมู่หวั่นขีครั้งแรก เขามองดูมู่หวั่นขีทั้งหัวจนถึงเท้าแล้วพูดว่า “ถึงตอนนี้แล้วทำไมยังพูดคำโกหกอยู่”
ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไปมู่หวั่นขีไปจูงมือของมู่น่อนน่อนแล้วพูดว่า “เธอไปบอกชูหัน บอกว่านั่นเป็นอุบายของเธอ เธอตั้งใจใส่ร้ายฉัน ไปซิ”
มู่น่อนน่อนนั่งตรงๆมองไปเสิ่นชูหานแล้วเบี่ยงเบนสายตาไปรวดเร็วพูดอย่างเบาๆแต่แน่วแน่ว่า “เรื่องที่ไม่เคยทำ ฉันยอมไม่ได้”
ที่จริงแล้วความประทับใจที่เสิ่นชูหานต่อมู่น่อนน่อนดีมาตลอด พอเห็นมู่หวั่นขีบังคับเธออย่างนี้ เขาจึงพูดว่า “หวั่นขีเธอไปจัดการเรื่องตนก่อน ไม่ต้องมาติดตามผมอีก”
หลายวันมานี้มู่หวั่นขีติดต่อกับเขาตลอด เขาไม่อยากเจอ แต่ไม่เคยคิดเลยว่ามู่หวั่นขีหาคนมาติดตามเขา