ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 66 ผมไม่ตีผู้หญิง คุณลงมือเองเถอะ
ตอนที่ 66 ผมไม่ตีผู้หญิง คุณลงมือเองเถอะ
อย่างไรก็ตาม “เฉินเจียฉิน” มีส่วนสูงถึง1.9เมตร มู่น่อนน่อนยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่สามารถบดบังใบหน้าของเขาได้
มู่หวั่นขีมองมู่น่อนน่อนด้วยสายตาดูถูก ก้าวไปข้างหน้า และมองตรงไปที่ “เฉินเจียฉิน” เท่านั้น “คุณเฉน พวกเราเจอกันอีกแล้วนะคะ”
เฉินถิงเซียวเหลือบมองมู่หวั่นขี และหันมามองมู่น่อนน่อนที่จู่ๆ ก็ออกมาบังหน้าเขา ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมมู่น่อนน่อนต้องออกมาบังข้างหน้าเขา
นึกถึงในอดีตที่เธอเคยตวาดใส่เขา เคยพูดว่า “สะใภ้ใหญ่ก็เหมือนแม่” อะไรทำนองนี้ เธอที่ทำท่าออกมาปกป้องลูกของตนเพราะจะให้เขาเป็นลูกชายจริงๆ อย่างนั้นหรือ
เมื่อเฉินถิงเซียวนึกถึงตรงนี้ ใบหน้าก็เย็นเยียบลง เขาไม่แม้แต่จะชายตาแลมู่หวั่นขี
มู่หวั่นขีเมื่อพบว่า “เฉินเจียฉิน” ไม่สนใจเธอ เลยอับอายเล็กน้อย
มู่ลี่เหยียนพูดขึ้นมาอย่างประจวบเหมาะ “มีเรื่องอะไรจะคุย พวกเรามาหาร้านอาหารและนั่งคุยกันช้าๆ ดีกว่า”
…..
กลุ่มคนหาร้านอาหารหนึ่งร้านสำหรับทานข้าว
ในตอนที่นั่งลง ทุกคนจงใจให้ “เฉินเจียฉิน” นั่งลงก่อน
แต่ “เฉินเจียฉิน” ไม่ได้นั่งลงก่อน กลับลากเก้าอี้ออก และพูดกับมู่น่อนน่อนว่า “นั่ง”
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไรกันแน่ แต่เธอก็รับรู้ได้จากสัญชาตญาณว่า “เฉินเจียฉิน” จะไม่ทำร้ายเธอ จึงนั่งลงแต่โดยดี
เธอนั่งลงแล้ว “เฉินเจียฉิน” ก็นั่งลงข้างๆ เธอ
มู่ลี่เหยียนส่งสายตาไปให้กับมู่หวั่นขี มู่หวั่นขีเข้าใจ ยิ้มหวานและนั่งลงด้านข้างอีกทางของ “เฉินเจียฉิน” ทันที
มู่น่อนน่อนคิดว่า “เฉินเจียฉิน” จะพูดอะไรสักหน่อย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร ราวกับไม่เห็นว่ามู่หวั่นขีนั่งลงที่ข้างๆ เขา
มู่น่อนน่อนนินทาอยู่ในใจ สงสัยว่าเธอนั้นคิดผิดไปหรือเปล่า ถึงแม้ “เฉินเจียฉิน” จะดูทำตัวห่างเหิน แต่ความจริงแล้วไม่จุกจิกกับเรื่องผู้หญิงหรือ
ในไม่ช้าอาหารก็ขึ้นมาครบ มู่ลี่เหยียนพูดเป็นครั้งคราวเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย และกลมกลืนไปด้วยกัน
มู่หวั่นขีคีบอาหารให้ “เฉินเจียฉิน” อยู่หลายครั้ง เขาไม่ปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ทาน
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าวันนี้ “เฉินเจียฉิน” แปลกมาก ตั้งแต่ที่เขานั่งลง เธอรู้สึกได้ถึงบรรยากาศกดดันที่เขาแผ่ออกมาก หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่มู่หวั่นขีคีบอาหารให้เขา เธอยังไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเตะตาต้องใจมู่หวั่นขี
ในใจของมู่หวั่นขีเป็นปลื้มอย่างมาก ใบหน้าประดับด้วยยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณเฉนทานเยอะๆ นะคะ อาหารของร้านนี้ไม่เลวเลย”
“อื้อ” “เฉินเจียฉิน” ตอบรับอย่างเฉยเมย แต่ก็ไม่ได้ขยับตะเกียบ
มู่หวั่นขีไม่ใส่ใจ และอาศัยจังหวะที่เหล็กกำลังร้อนเอ่ยถามเขา “คุณเฉนมีแฟนแล้วหรือยังคะ”
ประโยคนี้ถามออกไปได้อย่างเถรตรง ใบหน้าของ “เฉินเจียฉิน” นั้นไม่มีร่องรอยของความโกรธ แต่กลับหันหน้าไปมองเธอ “ไม่มี แล้วคุณมู่ล่ะครับ”
“ฉันยังไม่มีแฟนค่ะ พูดตามจริงแล้ว ความจริงฉัน…” มู่หวั่นขีแสดงท่าทีเขินอาย “ฉันรักคุณเฉนมากๆ เลยค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” เฉินถิงเซียวฉีกยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตา ระหว่างนั้นคิ้วก็ขมวด ทันใดนั้นเสียงทุ้มก็เปลี่ยนไปมืดครึ้มอย่างถึงที่สุด “แต่ผมชอบผู้หญิงหน้าใหญ่ คุณมู่ใบหน้าเล็กเกินไป”
มู่หวั่นขีเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ ดวงตาคู่นั้นที่เหมือนกับไข่มุกแทบจะร่วงออกมาอยู่รอมร่อ
มู่น่อนน่อนที่อยู่ข้างๆ และเพิ่งจะดื่มน้ำเข้าไป ก็แทบจะพ่นออกมาเช่นกัน
“เฉินเจียฉิน” คนนี้กำลังพูดไร้สาระอะไรกัน
เธอมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ มองเห็นแต่เพียงใบหน้าด้านข้างที่ดูดีของเขาที่พยักหน้าน้อยๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่นิดเดียว
“ฉันเพิ่มไขมันได้ค่ะ ใบหน้าจะต้องอ้วนขึ้นมาได้แน่นอน” มู่หวั่นขีตื่นเต้นจนน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย และไม่ลืมที่จะหันไปมองมู่น่อนน่อนด้วยสายตาลำพองใจ
เธอจะต้องได้รับความชอบจาก “เฉินเจียฉิน” อย่างแน่นอน
มู่น่อนน่อนหันหน้าหนี ขี้เกียจจะมองเธอ
“อย่างนั้นหรือ” เฉินถิงเซียวหลุบสายตาลง เมื่อบดบังสายตาที่เย็นชา และเอ่ยอย่างไม่แยแส “ยังมีหนทางที่เร็วอยู่อีกวิธีหนึ่ง คุณมู่จะลองดูก็ได้”
มู่หวั่นขีเชื่อว่าเป็นความจริง จึงรีบเอ่ยถาม “วิธีอะไรหรือคะ”
เฉินถิงเซียวหันไปมองมู่น่อนน่อน “เป็นแบบเธอ”
มู่หวั่นขีหันไปมองมู่น่อนน่อน ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับไปชั่วขณะ แต่มู่ลี่เหยียนกลับเข้าใจในทันที จึงเอ่ยกลบเกลื่อน “คุณเฉนล้อเล่นได้เก่งจริงๆ รีบทานอาหารเถอะครับ ไม่อย่างนั้นมันจะเย็นเอาได้”
เฉินถิงเซียวไม่ได้เห็นมู่ลี่เหยียนอยู่ในสายตา สีหน้าที่แสดงออกมาของเขานั้นเย็นชาอย่างถึงที่สุด
แต่เดิมเขานั้นหล่อ และมีบรรยากาศที่กดดันอยู่แล้ว ณ เวลานี้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา แต่ก็แผ่บรรยากาศคุกรุ่นออกมายิ่งกว่า
บรรยากาศที่เขาแผ่ออกมานั้นหนักอึ้งเกินไป ในเวลานั้นไม่มีใครกล้าพูดแม้แต่คนเดียว
เฉินถิงเซียวนั่งนิ่งไม่ไหวติง และจ้องมองมู่หวั่นขีด้วยสายตาเย็นชา ในน้ำเสียงนั้นยังฟังดูคงไม่แยแส “ผมไม่ตีผู้หญิง คุณลงมือเองเถอะ”
“คุณเฉน เรื่องล้อเล่นนี้ไม่ตลกเลย…”
“เรื่องล้อเล่นหรือ” เฉินถิงเซียวแสยะยิ้มที่มุมปาก แต่ใบหน้านั้นกลับไม่มีร่องรอยของรอยยิ้มแม้แต่นิด ในทางกลับกันกลับดูข่มขู่จนน่ากลัว “พวกคุณคิดว่า พวกคุณสามารถนำคุณหญิงที่ถูกแต่งเข้าตระกูลเฉินมาด้วยเงินสินสอดสามร้อยล้านมาล้อเล่นได้อย่างนั้นหรือ”
พวกเขาเข้าใจขึ้นมาในทันที ว่าจุดประสงค์ที่ “เฉินเจียฉิน” ต้องการมาทานข้าวกับพวกเขาในวันนี้คืออะไร
มู่น่อนน่อนมองเขาอย่างประหลาดใจ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า “เฉินเจียฉิน” จะออกหน้าแทนเธอ
เธอเองก็เพิ่งได้รู้ในวันนี้ ว่าตระกูลเฉินให้เงินสินสอดกับตระกูลมู่สามร้อยล้าน
ถึงแม้เงินสามร้อยล้านสำหรับตระกูลเฉินจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่สำหรับตระกูลมู่ นั่นคือเงินทุนจำนวนมาก
“เฉินเจียฉิน” พูดออกมาอย่างชัดเจน ในฐานะที่มู่ลี่เหยียนเป็นประมุขของครอบครัว ย่อมต้องลุกขึ้นยืนเป็นเรื่องธรรมดา เขาเอ่ยแก้ต่าง “ความจริงของเรื่องเป็นแบบนี้ น่อนน่อนและหวั่นขีทั้งสองเป็นพี่น้องกัน น่อนน่อนเธอทำผิดเล็กน้อย หวั่นขีจึงสั่งสอนเธอด้วยความรักที่มีต่อน้องสาว…”
“คุณมู่หูหนวกตาบอดแล้วหรือ ถึงฟังไม่รู้เรื่อง” เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาคมปลาบ
มู่ลี่เหยียนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี เขาไม่คิดว่า “เฉินเจียฉิน” จะอวดดีจนถึงขนาดไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้
สีหน้าของเขาย่ำแย่ และหันไปมองมู่น่อนน่อน “น่อนน่อน เรื่องนี้…”
มู่น่อนน่อนไม่สนใจเขา ยื่นมือไปหยิบพายฟักทองในจานมาหนึ่งชิ้น และทานตามใจตนเอง
ทุกคนจึงเข้าใจทันที เรื่องในวันนี้ ไม่สามารถผ่อนปรนได้อีกแล้ว
มู่ลี่เหยียนคิ้วขมวดและไม่พูดอะไร แต่เซียวชู่เหอกลับเอ่ยขึ้นมา “คุณเฉน คุณเห็นแก่ฉันที่เป็นแม่ของน่อนน่อน ปล่อยหวั่นขีไปสักครั้ง น่อนน่อน เธอดู…”
เฉินถิงเซียวกล่าวด้วยความอดกลั้นอย่างถึงที่สุด “การลงทุนครั้งล่าสุดของบริษัทมู่ซื่อล้มเหลว และต้องการเงินลงทุนก้อนใหม่อย่างเร่งด่วน หากเรื่องนี้ถูกประกาศออกไปให้เพื่อนร่วมทางธุรกิจรู้ พวกเขาจะทำอย่างไรกัน”
มู่ลี่เหยียนใบหน้าซีดเซียว นี่เป็นความลับภายใน “เฉินเจียฉิน” รู้ได้อย่างไรกัน
หากเพื่อนร่วมธุรกิจมารู้เข้า พวกเขาต้องฉวยโอกาสในตอนที่กำลังย่ำแย่ ทำให้สถานการณ์ของบริษัทมู่ซื่อเลวร้ายลง
มู่ลี่เหยียนขบฟันแน่น และเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม “หวั่นขี ตบตัวเองเดี๋ยวนี้”
มู่หวั่นขีไม่อยากจะเชื่อ “พ่อ”
มู่ลี่เหยียนที่เห็นเธอไม่ยอมลงมือ ก็ลุกขึ้นเดินไปหา และตบไปที่ใบหน้าของมู่หวั่นขี
เพี๊ยพ
เฉินถิงเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “ยังเหลืออีกข้าง”
มู่ลี่เหยียนตบไปอีกครั้ง เฉินถิงเซียวเหลือบสายตามอง และกล่าวว่า “หน้าไม่เท่ากันหรือ ขนาดมันไม่เท่า”
ดังนั้น มู่ลี่เหยียนจึงตบหน้ามู่หวั่นขีอีกหลายครั้ง