ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 71 ใครจะเล่นเอาใครตายก่อน
ตอนที่ 71 ใครจะเล่นเอาใครตายก่อน
เฉินถิงเซียวค่อยๆ ลุกขึ้นมา สายตาจ้องเฉินชิงเฟิงไว้เย็นเรียบ “คุณอายุมากเเล้ว ต่อไปอย่าเข้ามายุ่งเรื่องเล็กๆ ที่หลักๆ เเบบนี้อีก”
ความหมายที่แท้คือ เรื่องของเขาไม่ต้องให้เฉินชิงเฟิงมายุ่ง
เฉินชิงเฟิงเป็นคนขั้นฉลาดแค่ไหนหล่ะ แป๊บเดียวก็รู้ความหมายคำพูดเขาแล้ว
เขาโกรธจนอยากทิ้งของอีกแล้ว แต่ก็อดทนไว้อย่างหนักๆ
เลิ่งซู่เดินเข้าไปเติมน้ำให้เขา “คุณผู้ชายครับ ดื่มน้ำให้ใจเย็นหน่อยครับ ตอนนี้คุณชายอายุยังน้อย ต่อไปก็จะเข้าใจความทุ่มเทใจของคุณเอง”
เฉินชิงเฟิงถอนหายใจทีหนึ่ง “หวังว่าจะเป็นแบบนั้นเถอะ”
ออกมาจากร้านชาแล้ว เฉินชิงเฟิงเอามือถือออกมาเตรียมโทรไปหามู่น่อนน่อน
มือถือเอาออกมาแล้ว พลางถูกเขาเก็บเข้าไปอีก
เขาช่างมีความอยากรู้ว่ามู่น่อนน่อนจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง
……
มู่น่อนน่อนเกือบสายไปแค่อีกนิดเดียวแล้ว
เธอนั่งลงในช่องทำงานตัวเอง มีเซนล์แบบว่าทุกคนกำลังจ้องเธออยู่ และสายตาที่มองเธอนั้นพลางแปลกๆ
มู่น่อนน่อนเอามือถือออกมา ดูหน้าตัวเองทีหนึ่ง ใบหน้าไม่มีสิ่งสกปรกใดๆ แลดูแล้วปกติดี!
หญิงร่วมงานที่นั่งตรงข้างเธอ เห็นเธอที่เหมือนไม่รู้เรื่องนั้น เลยชี้ไปที่มือถือให้เธออย่างใจดี
มู่น่อนน่อนถึงเข้าใจขึ้นมาได้ ยิ้มให้เธอ แล้วเปิดโซเชียลในโทรศัพท์ขึ้นมา
ปกติแล้วเธอมักเคยชินกับตื่นมาตอนเช้า แล้วเลื่อนดูข่าวบันเทิงเลย วันนี้นอนตื่นสาย เลยไม่ได้เปิดมาดูเลย
หัวข่าวบันเทิงนั้นกลับเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ
เธอกดเข้าไปดู เห็นข้างในนั้นคือรูปเธอกับ “เฉินเจียฉิน” ที่อยู่นอกร้านภัตตาคารในเมื่อวาน
มู่น่อนน่อนริเริ่มก็ตกใจ หลังจากนั้นกลับสงบลงได้
“เฉินเจียฉิน” ซาตานและทำอะไรไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถูกคนอื่นจับถ่ายได้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
เธอคือตัวบริสุทธิ์ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าคนตระกูลเฉินเห็นข่าวนี้แล้วจะเป็นยังไง?
แล้วถ้าเกิดเฉินถิงเซียวก็เห็นแล้วด้วยหล่ะ?
และทีนี้เอง มู่ลี่เหยียนพลางโทรเข้ามา “มาห้องทำฉันที”
……
ตอนมู่น่อนน่อนไป ในห้องทำงานมู่ลี่เหยียนมีแต่เขาคนเดียว มู่หวั่นขีที่เมื่อวานถูกตีจนหน้าบวมอย่างกับหมู ตอนนี้ก็ไม่สามารถมาทำงานได้อย่างปกติ
มู่ลี่เหยียนเห็นเธอแล้ว ก็ไม่มีสีหน้าที่ดีให้ “เรื่องเธอเฉินเจียฉินเป็นยังไงกัน? ”
มู่น่อนน่อนเม้มปากยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงอย่างไงก็ได้ “ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไร เเล้วนี่คืออะไร? ” มู่ลี่เหยียนวางมือถือไปตรงหน้าเธออย่างแรง “ปั๊ง” ทีหนึ่ง ในนั้นเป็นรูปของเธอกับ “เฉินเจียฉิน” อีกแล้ว
มู่น่อนน่อนก้มตัว เอามือวางบนโต๊ะทั้งสองข้าง เม้มปากแดงๆ ทีหนึ่ง ใบหน้าอันสง่างามนั้นมีความอายที่ไม่ธรรมชาติซ้อนอยู่เล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงล่าช้า “คำถามนี้คุณควรไปถามมู่หวั่นขี เขาเป็นคนถ่ายรูป เขาน่าจะรู้ดีที่สุด”
ก่อนที่จะมาห้องทำงานมู่ลี่เหยียนนั้น เธอได้คิดดีดีแล้ว นอกจากมู่หวั่นขีที่กล้าถ่ายรูปแล้วส่งให้นักข่าว คนอื่นไม่มีใครกล้าเดือดร้อนตระกูลเฉินหรอก
และยิ่งกระทั่ง คนที่รู้จักเธอและ “เฉินเจียฉิน” ก็น้อยมากด้วย
“น่อนน่อน เธอเปลี่ยนเป็นคนไม่เชื่อฟังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อวานเพื่อเธอเขาต้องเจ็บปวดขนาดนั้น ตอนนี้เธอยังอยากใส่ร้ายเขาอีก? ” มู่ลี่เหยียนโกรธจนลุกขึ้นทันที
มู่น่อนน่อนถอยออกมา ดวงตามีความเย็นเรียบแวบผ่าน ยิ้มแจ่มใสมากขึ้น “เรื่องที่คุณพูดเมื่อวาน ฉันไม่ช่วยคุณหรอก จะคอยดูว่าพวกคุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
มู่ลี่เหยียนได้บอกเมื่อวานไปแล้ว ให้เธอลองพูดชนะให้เฉินถิงเซียวลงทุนบริษัทมู่ซื่อ เดินทีเธอยังลังเลจะลองไปหาเฉินถิงเซียวดูไหม แต่ว่า คำพูดของมู่ลี่เหยียนได้ทำให้เธอตัดสินใจแน่วแน่ได้แล้ว
มู่หวั่นขีในเมื่อวานที่เวรกรรมที่สมควรได้รับอย่างชัดเจนเลย แต่อยู่ในปากมู่ลี่เหยียนแล้ว กลับพูดเป็นว่าเธอเจ็บปวดเพราะสาเหตุมาจากมู่น่อนน่อนสักงั้น
ทั้งที่รู้ว่าเรื่องโดดงานเป็นการเข้าใจผิด หลังจากนั้นมู่ลี่เหยียนก็เพียงแค่นิ่งๆ ให้เรื่องนี้หายไปเลย ไม่แม้แต่มีความจะขอโทษ!
มู่น่อนน่อนต้องไม่ช่วยมู่ลี่เหยียนอยู่แล้วแน่นอน
แต่ว่า แผนการร้ายๆ ใครก็มีทั้งนั้น ดูว่าใครจะเล่นใครให้ตายก่อน!
ถึงแม้ในร่างกายพวกเขาจะมีเลือดไหลเวียนที่เหมือนกัน แต่พอระหว่างกันไม่มีเยื่อใยอะไรต่อกันแล้ว ก็ต่างไม่คิดถึงกันแล้ว
……
ทั้งวัน มู่น่อนน่อนไปถึงไหนก็ได้ยินคนลือถึงเรื่องนี้
แต่เธอทำไม่สนใจอยู่แล้ว คนพวกนั้นอยากถามก็ไม่กล้ามาถามเธอ
ถึงเวลาเลิกงาน ความร้อนของข่าวในเว็บเธอกับ “เฉินเจียฉิน” ได้หายไปแล้ว แต่อยู่เพจใหญ่และโพสต์ต่างๆ ยังมีคนพูดถึงมากเหมือนกัน
เสิ่นเหลียงก็ได้โทรมาหาเธอด้วย
“ครั้งหน้าถ้าเธอขึ้นกระแสดังๆอีก ดึงฉันไปด้วยได้ไหม ฉันว่าใบหน้าเธอและชื่อเสียงเธอ แค่ขึ้นกระแสดังอีกไม่กี่รับ ก็เริ่มออกงานได้เลย”
มู่น่อนน่อนอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา “เธอคิดว่าฉันอยากขึ้นกระแสดังขึ้นเหรอ? ”
เสิ่นเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงจริงๆ อย่างกะทันหัน “พูดความจริงนะ รูปนั้นฉันเห็นแล้ว ถึงแม้มีพวกคนสร้างกระแสพูดว่าถ่ายรูปแบบใช้มุมกล้องช่วย แต่ฉันถ่ายละครมาเยอะขนาดนี้ แค่ดูก็รู้ว่ารูปนั้นไม่ได้ใช้มุมกล้องช่วย!ฉันรู้สึกมานานแล้วคนนั้นที่ชื่อ “เฉินเจียฉิน” อะไรนั่นได้มองเธอแบบคิดอะไรกับเธอแน่นอน พวกเธออันนั้นจริง…”
“เปล่า…ไม่มีอะไรเลย!” มู่น่อนน่อนรีบต่อต้านอย่างเร็ว “เธอรีบถ่ายละครเสร็จแล้วกลับมาเถอะ ฉันจะเลิกงานแล้ว เจอกัน”
วางสายไปแล้ว มู่น่อนน่อนถึงถอนหายใจได้ทีหนึ่ง เก็บของแล้วเลิกงาน
แค่ออกจากประตูบริษัทมู่ซื่อ ระหว่างเธอยังไม่ทันตั้งตัว ก็ไม่รู้มีนักข่าวโผล่ออกมาจากไหนเป็นกลุ่ม
“อยากทราบว่าคุณมู่ เรื่องที่พูดลือกันว่าคุณกับน้องชายมีอะไรกันในโซเชียลเป็นจริงไหมคะ? ”
“นอกจากคุณจะเกาะแกะน้องชายแล้ว ยังมีผู้ชายข้างนอกอีกหรือเปล่า? ”
“…” มีแม่..เธอสิ!
โชคดีที่มู่น่อนน่อนไหวพริบเร็วบางหน้าตัวเองไว้ทันที
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถูกนักข่าวมาเกะแน่นแบบนี้
ระหว่างที่มู่น่อนน่อนหาหน้ากากออกมาใส่อย่างรีบร้อนแล้ว พลางเงยหน้า แล้วพูดเสียเย็นชา “เรื่องปั้นน้ำเป็นตัว ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ฉันยังไม่ใช่คนในวงการ ฉันไม่มีบทบาทที่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณ”
มีนักข่าวที่ช่างตั้งใจฟังนัก กลับจับคำเน้นของเธอไว้ได้
“คุณมู่คะ เมื่อกี๊คุณบอกว่า “ตอนนี้ยังไม่ใช่คนในวางการ” หมายความว่ายังไงคะ ต่อไปคุณจะเข้าวงการแล้วเริ่มทำงานเป็นดาราใช่ไหมคะ? ”
จากนั้น พลางมีนักข่าวสองสามคนเริ่มอนุมานไปถึงเรื่องอื่นได้ “ได้ยินว่าสามีคุณเพราะเหตุผลส่วนตัวเลยไม่สามารถสืบถอดบริษัทตระกูลเฉินได้ ฉะนั้นแล้วคุณเลยอยากใช้เส้นทางเข้าวงการเป็นแผนหลังของคุณใช่ไหมครับ? ”
“ก่อนหน้านี้คุณมีกระแสดังไปหงายครั้ง จริงๆ เพราะมีความจงใจสร้างกระแสใช่ไหมคะ? ”
“…”
มู่น่อนน่อนถูกนักข่าวรอบไว้ตรงกลาง ไม่สามารถออกไปได้เลย
จุจุ พลางมีเสียงฝีเท้ากลุ่มคนดังขึ้น ผู้รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งไล่นักข่าวพวกนั้นไปหมดเลย
มู่น่อนน่อนยังไม่ทันตั้งตัวกลับมาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสิ่นชูหานก็โผล่ออกมาแบบกะทันหัน ดึงมือเธอแล้วเดินก้าวใหญ่ไปที่ทางจอดรถ
มู่น่อนน่อนพอนึกขึ้นได้มือของเขาที่เคยลูบในร่างกายตัวเอง ในใจก็ขยะแขยงขึ้นที ใช้แรงสะบัดมือเขาออกไป
เสิ่นชูหานอึ้งไปทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยความอดทนกับเธอไว้ “น่อนน่อน เดี๋ยวนักข่าวพวกนั้นก็ตามมาแล้ว รีบขึ้นรถเถอะ ผมส่งคุณกลับไปก่อน”
มู่น่อนน่อนลังเลไปครู่ แล้วขึ้นรถตามเขา