ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 86 เขาก็แค่เป็นผู้เสียหายคนนึง น่าสงสารกว่าใครๆ
- Home
- ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
- ตอนที่ 86 เขาก็แค่เป็นผู้เสียหายคนนึง น่าสงสารกว่าใครๆ
ตอนที่ 86 เขาก็แค่เป็นผู้เสียหายคนนึง น่าสงสารกว่าใครๆ
มู่น่อนน่อนก็ไม่รู้ว่าคำพูดของตัวเองน่าขำตรงไหน ถึงทำให้ซือเฉิงหยู้จู่ๆหัวเราะออกมาได้
คนอย่างซือเฉิงหยู้ที่เป็นดาราดังมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ไม่ว่าไปถึงไหนก็มีปาปารัสซี่คอยแอบถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา อันที่จริงมู่น่อนน่อนไม่ค่อยอยากจะพบเขาโดยบังเอิญสักเท่าไหร่ กลัวจะถูกถ่ายภาพทั้งสองคน
ตรงกันข้าม ซือเฉิงหยู้กลับความจำดีซะจริง สองครั้งหลังที่ผ่านมานี้ ยังเป็นคนริเริ่มเข้ามาทักทายเธอก่อน
ถ้าขืนถูกปาปารัสซี่ถ่ายภาพได้ เธอต้องขึ้นหน้าหนึ่งอีกแน่
แม้กระทั่งชื่อพาดหัวข่าวเธอยังคิดเรียบร้อยแล้วเลย
ยกตัวอย่างเช่น【คุณหญิงน้อยตระกูลเฉินแอบคบหากับคนดังในวงการบันเทิงบางคน】อะไรประมาณนั้น
แค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว
เพราะฉะนั้น มู่น่อนน่อนไม่คุยอะไรกับซือเฉิงหยู้มาก แค่ยิ้มทักทายอย่างมีมารยาท:“ฉันยังมีธุระต่อ ขอตัวก่อนนะคะ”
“ไว้เจอกันใหม่นะคะ”แววตาของซือเฉิงหยู้ดูจะเข้าใจความหมายของเธอ และท่าทีของเขาก็ยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม
แต่นี่กลับทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกอึดอัดแล้วเร่งรีบจากไป
ซือเฉิงหยู้หันกลับมาดูเงาของมู่น่อนน่อนที่ค่อยๆจางหายไป ฉะนั้นถึงยอมเดินต่อ
ผู้ช่วยที่เดินตามอยู่ข้างหลังจู่ๆถามขึ้นมา:“พี่หยู้ครับ ผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณชายเฉินหรอครับ?ผมดูเหมือนจะเห็นเธออยู่กับคุณชายเฉินที่โรงแรมจีนติ่งในวันนั้น”
“งั้นหรอ?ไม่รู้สิ”ซือเฉิงหยู้ก้มหน้าเดินอยู่ข้างหน้า รอยยิ้มบนหน้าได้จางหายไป เก็บซ่อนอารมณ์ได้ลึกมาก
ที่ซือเฉิงหยู้มาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมาเตรียมความพร้อมกับหนังที่จะถ่ายในเรื่องต่อไป
หนังเรื่องใหม่ที่เขาจะถ่ายเป็นหนังแนวลึกลับ ในเรื่องเขารับบทเป็นจิตแพทย์ เพราะฉะนั้น วันนี้ถึงได้มาที่คลินิกจิตเวช เพื่อมาซึมซาบและทำความเข้าใจกับบทบาทที่จะแสดง
ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินเข้าไป หลังจากนั้น เฉินถิงเซียวกับสือเย่ก็ได้ปรากฏตัวที่ระเบียนทางเดิน
เฉินถิงเซียวหันไปมองทางที่ซือเฉิงหยู้คุยกับมู่น่อนน่อน
สือเย่มองเฉินถิงเซียวทีนึง เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ได้หยุดลง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
เวลาของซือเฉิงหยู้เร่งรีบมาก เพราะฉะนั้นเลยไม่ได้อยู่พูดคุยกับจิตแพทย์นานเท่าไหร่ก็ออกมาแล้ว
พอเขาออกมา ก็เห็นเฉินถิงเซียวยืนอยู่ที่ระเบียนทางเดิน
สีหน้าของเขาดูแปลกใจมาก:“ถิงเซียว?นายมาอยู่นี่ได้ยังไง?”
พอพูดจบ แววตาของเขาจู่ๆก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ :“นายกับมู่น่อนน่อนมาด้วยกัน”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร ยกมือสั่งให้สือเย่ถอยไป
ระหว่างที่สือเย่เดินจากไป ผู้ช่วยของซือเฉิงหยู้ก็รู้ตัวแล้วเดินจากไปด้วย
ระเบียนทางเดินที่ว่างเปล่าเหลือเพียงพวกเขาสองคน
สีหน้าของเฉินถิงเซียวดูจะเย็นชา แต่ความเย็นชานั้นต่างกับที่มีให้กับคนแปลกหน้าทั่วไป
เขาจ้องมองที่ซือเฉิงหยู้:“พี่ใหญ่ ก่อนหน้านี้ ผมก็เคยบอกพี่แล้วว่าเธอคือมู่น่อนน่อน”
“ฉันรู้ว่าเธอคือมู่น่อนน่อน ชื่อเพราะดีนะ”รอยยิ้มของซือเฉิงหยู้ไม่ต่างอะไรจากปกติ ดูอ่อนโยนมาก
เฉินถิงเซียวเงียบไปครู่นึง ราวกับตัดสินใจได้อะไรบางอย่าง น้ำเสียงที่เรียบเฉยฟังแล้วกลับมีความโหดร้ายเสี้ยวนึง:“มู่น่อนน่อนหน้าตาคล้ายชิงหนิงมากก็จริง แต่เธอก็ไม่ใช่ชิงหนิง”
แววตาที่อ่อนโยนบนใบหน้าของซือเฉิงหยู้ได้พังทลายในที่สุด ลืมตาโตแล้วตะคอกออกมา:“นายหุบปากเลยนะ!”
เฉินถิงเซียวเงียบในทันที แล้วไม่พูดอะไรต่ออีกเลย
สักพัก ซือเฉิงหยู้สงบสติอารมณ์ได้ สีหน้าได้กลับมาอ่อนโยนเหมือนปกติเช่นเคย
“ถิงเซียว ฉันก็แค่พบเจอกับมู่น่อนน่อนโดยบังเอิญจริงๆ ”เขาพูดจบ แล้วมองดูเฉินถิงเซียวอย่างพินิจ:“ดูนายจะห่วงเธอมากเลยนะ ”
เฉินถิงเซียวหรี่ตา น้ำเสียงดูเรียบเฉยมาก:“เธอเป็นเมียของผมแล้วนะ”
“ทำไมต้องใช้ชื่อน้องชายของฉันเพื่อหลอกมู่น่อนน่อนด้วย?”น้ำเสียงของซือเฉิงหยู้เหมือนถามอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่นาน เขาก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง:“ถ้าหากเสี่ยวฉินรู้แล้วล่ะก็ เขาต้องมาขอค่ายืมชื่อเขามาใช้กับนายแน่ ?”
เฉินถิงเซียวมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้งทีนึง น้ำเสียงเบาลงพูดขึ้นมา:“พี่ใหญ่ ชิงหนิงเธอจากไปนานแล้วนะครับ พี่ก็ควรเดินออกมาได้สักที”
พูดจบ เขาไม่ได้หันไปมองสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของซือเฉิงหยู้เลย แล้วก้าวเดินจากไปอย่างเร็ว
……
มู่น่อนน่อนเดินออกมาจากห้องจิตบำบัด ในใจคิดเรื่องของเฉินถิงเซียวอยู่ เลยทำให้เธอเดินช้ามาก
ปี๊น——
เสียงแตรรถดังขึ้นจากข้างหลัง
คนสมัยนี้ ทำไมถึงได้เอาแต่ใจขนาดนี้ ทั้งๆที่เธอก็เดินริมถนนสุดแล้ว ยังจะกดแตรไล่ให้เธอหลีกทางให้อีก
เธอหันไปมองด้วยสีหน้าร้ายๆ รถสีดำจอดลงที่หลังของเธอพอดี กระจกรถที่เปิดลงมาครึ่งนึง คนข้างในคือ“เฉินเจียฉิน”ใบหน้านั้นช่างหล่อกระชากใจ
“เฉินเจียฉิน”เอียงหัวมองเธอ ด้วยสีหน้าเกียจคร้าน:“ขึ้นรถ”
เขามาอยู่นี่ได้ยังไง?
ถึงจะสงสัยในใจ แต่ท่าทีของเธอก็ชัดเจนมาก เปิดประตูแล้วขึ้นรถไปเลย
เธอยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เฉินถิงเซียวก็ได้พูดออกมาก่อนคำนึงแล้ว:“อย่าถามผมว่า‘มาอยู่นี่ได้ยังไง’คำถามที่ไร้สาระแบบนี้”
คำพูดที่มู่น่อนน่อนยังไม่ทันได้พูดออกมาก็ถูกคำพูดของเขาอุดเอาไว้ซะแล้ว
นั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรซะเลยแล้วกัน
เฉินถิงเซียวหันไปมองเธอทีนึง เห็นเธอครุ่นคิดอยู่แล้วแอบยิ้มจางๆโดยสังเกตจากสีหน้าของเขาไม่ออก น้ำเสียงกลับไม่ขำเลยสักนิด:“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
มู่น่อนน่อนหันมา ยิ้มอย่างจริงจัง:“ไม่อยากตอบคำถามไร้สาระแบบนี้”
สือเย่ที่ขับรถอยู่ข้างหน้า ฟังคำสนทนาของทั้งสองคนแล้วอดไม่ไหวหัวเราะออกมาทีนึง
แต่ไม่นาน หลังจากที่เขาเห็นเฉินถิงเซียวที่อยู่ในกระจกมองหลัง สายตากวาดมาที่เขาทีนึง ก็รีบหุบปากเงียบไป
มู่น่อนน่อนที่เพิ่งขึ้นรถไม่ทันสังเกตเห็นว่าคนที่ขับรถคือสือเย่ :“สือเย่ วันนี้คุณผู้ชายของนายไม่ได้ออกไปไหนเลยหรอ?”
สือเย่หันไปมองเฉินถิงเซียวที่นั่งอยู่เบาะหลังอย่างดิบดี แล้วใส่หัว:“ไม่ครับ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้าแล้วคิดอยู่ในใจ เที่ยงนี้กลับไปจะทำอะไรให้เฉินถิงเซียวทานดี
คิดๆแล้ว เธอก็เอื้อมมือไปแหย่“เฉินเจียฉิน”ทีนึง
“ทำอะไร?”เฉินถิงเซียวหันมามองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ถูก“เฉินเจียฉิน”จ้องด้วยสายตาเย็นชาแบบนี้ มันก็น่ากลัวอยู่นะ
มู่น่อนน่อนถอยไปข้างหลัง :“คุณบอกฉันมาดีๆ พี่ชายของคุณชอบทานอะไรกันแน่?”
วันนี้ มู่น่อนน่อนใส่เสื้อขนเป็ดสีขาว และมัดผมหางม้า ใบหน้าที่ไม่ได้แต่งเขียนอะไร แต่ผิวก็ยังดูขาวเนียนเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ดูเรียบๆใสๆ เหมือนสาวน้อยที่ไร้เดียงสาไม่ทันต่อโลกภายนอก
เธอลืมตาสวยใสวิ๊งจ้องมองเขา และรอคอยคำตอบจากเขา
เฉินถิงเซียวเอื้อมมือไปดึงเนคไทออก น้ำเสียงฟังดูแหบๆเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว :“ทำไมคุณถึงเป็นห่วงเขาขนาดนั้น?”
“ฉันเป็นเมียของเขานะ ฉันไม่เป็นห่วงเขาแล้วจะให้เป็นห่วงคุณรึไง?”แค่นึกถึงเรื่องที่“เฉินเจียฉิน”เคยทำกับเธอในอดีต มู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้จ้องเขาด้วยสายตาดุร้ายทีนึง
“เฉินเจียฉิน”กลับหน้าตาปกติไม่แคร์อะไรเลย แล้วพูดต่อ:“ตามสภาพร่างกายของพี่ผมแล้ว พวกคุณไม่อาจใช้ชีวิตเหมือนสามีภรรยาปกติทั่วไปได้นะ และเขาก็อาจจะสืบทอดบริษัทเฉินซื่อไม่ได้ด้วย?ขนาดหน้าของเขาคุณยังไม่เคยเห็นมาก่อน คุณจงรักภักดีอยู่กับเขาแบบนี้ เพื่ออะไรกัน?”
ฟังจากคำพูดของ“เฉินเจียฉิน”แล้ว มู่น่อนน่อนไม่รู้สึกว่าเขาจะพูดประชด น้ำเสียงของเขาดูจะแปลกใจอยากรู้มากกว่า
มู่น่อนน่อนเม้มปาก ยอมอธิบายให้เขาฟังอย่างใจเย็น
“เพื่ออะไรงั้นหรอ?”มู่น่อนน่อนคิดๆแล้ว พูดอย่างจริงจัง:“คงเพราะหน้าที่ละมั้ง ถึงฉันจะถูกแม่บังคับให้แต่งงานกับพี่ชายของคุณ แต่ถ้าวันนั้น ฉันขู่จะฆ่าตัวตาย แน่นอนว่าเธอก็จะทำอะไรกับฉันไม่ได้ ในเมื่อฉันแต่งงานกับพี่ชายของคุณแล้ว ก็ควรทำหน้าที่ภรรยาถึงจะถูก อีกอย่าง……”
มู่น่อนน่อนนิ่งไปครู่นึง ถอนหายใจพูด:“หลายปีมานี้ คนในเมืองหู้หยาง เอาเรื่องของเฉินถิงเซียวมาเม้าท์มอยเป็นขี้ปากกันไม่น้อยเลยนะ แต่จะว่าไปแล้ว เขาเองก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้น เขาก็แค่ผู้เสียหายคนนึง น่าสงสารกว่าใครๆสักอีก