ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 92 ตามใจเธอ
ตอนที่ 92 ตามใจเธอ
“เฉินเจียฉิน”ได้ฟังคำของมู่น่อนน่อน แววตาแฉลบประกายด้วยความตกตะลึง เขามองดูเธออย่างครุ่นคิด แต่ก็พูดเสียงเรียบออกมาเพียงคำเดียว“ไปเถอะ”
มู่น่อนน่อนเดินตามหลังเขา เธอรู้สึกสับสนพอตัว
ทุกคนมักถูกสับหลอกด้วยเรื่องของความรักความรู้สึกกันทั้งนั้น ตอนนี้เวลาเธอเห็น“เฉินเจียฉิน”เธอก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไรแล้ว กลับรู้สึกขอบคุณและศรัทธาด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่ใช่น้องชายของเฉินถิงเซียว และถ้าหากว่าเธอไม่ได้แต่งงานกับเฉินถิงเซียว……
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ปัญหาก็มักจะวกกลับไปที่จุดเริ่มต้น
ถ้าเธอไม่ได้แต่งให้กับเฉินถิงเซียว สำหรับสถานภาพในตัวเธอแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีวันได้คบหากับ“เฉินเจียฉิน”เป็นแน่
มันเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก โชคชะตาก็มักจะน่าขันและก็น่าเพลียใจแบบนี้แหละ
ทั้งคู่ขึ้นรถไป จู่ๆ “เฉินเจียฉิน”ก็เอ่ยปากขึ้นถามเธอ“คุณจะเอาการ์ดดำนั่นกลับมายังไง
เหรอ”
มู่น่อนน่อนยิ้ม“ต้องมีวิธีอยู่แล้วล่ะ”
“คุณไม่กลัวว่าพี่ชายจะเอาเรื่องเหรอ”“เฉินเจียฉิน”ลองถามหยั่งเชิง
“ถ้าเขาคิดจะเอาเรื่องล่ะก็ เมื่อคืนคงเรียกฉันไปสอบปากคำแล้วล่ะ”รอยยิ้มบนใบหน้า
ของมู่น่อนน่อนค่อยจางลง“เขาใจกว้างขนาดนี้ ฉันก็ต้องหาทางเอาบัตรใบนั้นมาคืนเขาอยู่แล้วล่ะ”
เดิมทีคิดว่า เฉินถิงเซียวจะให้เธอเก็บบัตรนั้นไว้ เป็นการยอมรับในตัวตนของเธออีกรูปแบบหนึ่ง
มาดูตอนนี้ คิดว่าน่าจะเพราะเขาไม่ไยดีบัตรดำใบนั้นแล้วมากกว่า
เฉินถิงเซียวจับประเด็นสำคัญคำว่า:คืนให้เขา
ตอนที่เขาเอามือถือให้กับเธอนั้น บอกไปว่า“เฉินถิงเซียว”เป็นคนซื้อ เธอถึงได้รับไว้อย่างดีอกดีใจ
ในตอนที่เขาให้บัตรดำกับเธอนั้น เธอไม่เพียงแต่จะไม่รับ ยังเอาไปให้“เฉินถิงเซียว” อีกต่างหาก “เฉินถิงเซียว”ให้เธอรับบัตรดำไว้ เธอยังเอาไปรูดอีกที
ก่อนหน้านี้ เฉินถิงเซียวให้ของกับเธอ เธอก็รับไว้อย่างยินดีปรีดา
แต่ว่าตอนนี้ เธอกลับเอาบัตรดำนี้คืนให้กับเฉินถิงเซียว
ในที่สุดเธอก็หมดความอดทนกับ“พื้นหน้าบางด้านของเฉินถิงเซียว” แล้วตัดสินใจกลับไปอยู่ข้าง“เฉินเจียฉิน”อย่างนั้นเหรอ
การรับรู้ในครั้งนี้ เฉินถิงเซียวดีใจไม่ออก แต่สีหน้ากลับแย่ลงไปอีก
……
เสิ่นเหลียงถ่ายละครหาเงินได้ไม่น้อย แต่ก็ใช้เงินมาก
ทุกครั้งที่ออกไปเที่ยว ก็ใช้ไปเป็นแสน บางทีถ้าอารมณ์ดีก็ใช้ไปเป็นล้าน
แม้ว่าลักษณะการใช้เงินของมู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงจะไม่ค่อยเหมือนกัน แต่เธอคิดว่าผู้หญิงที่หาเงินใช้เอง จะใช้ยังไงก็ได้
ทั้งคู่ดูเหมือนจะเดินเที่ยวกันอยู่วันหนึ่ง ในตอนพลบค่ำ มู่น่อนน่อนรีบดึงเสิ่นเหลียงให้ไปกินข้าวเย็นแล้วค่อยแยกกัน
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ มู่น่อนน่อนเปิดประตูเข้ามาก็เห็น“เฉินเจียฉิน”
“คุณกินข้าวแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่กินฉันไปทำให้”ในใจคอยพะวงว่าจะทำอาหารให้“เฉินเจียฉิน” เธอจึงรีบบึ่งกลับมา
ตอนนี้เพิ่งเป็นเวลาหกโมงเย็น
“เฉินเจียฉิน”เงยหน้าขึ้น สีหน้าแววตาแสดงความรู้สึกที่ว่า“สะดุ้งที่ได้รับการเอาใจ”ประมาณนี้
เขากระแอมไอออกมา จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างจริงจังว่า“ยังไม่ได้กิน”
เส้นเลือดบนใบหน้าของบอดี้การ์ดกระตุกขึ้นทีหนึ่ง เขาจะไม่ยอมบอกคุณนายน้อยแน่ๆ ว่าคุณชายเพิ่งกินข้าวกลับมา
พอมู่น่อนน่อนทำอาหารเสร็จ เอาออกมาวางไว้ในถาด แล้วให้บอดี้การ์ดยกไปให้เฉินถิงเซียว
“เฉินเจียฉิน”ยังไม่ได้กินข้าวเลย เฉินถิงเซียวก็คงจะยังไม่ได้กินเหมือนกัน
จากนั้นเธอจึงกลับไปที่ห้องของตนเอง
เฉินถิงเซียวนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะกินข้าว มองดูอาหารที่พร้อมทั้งรูปรสกลิ่นเสียง จึงออกปากถามบอดี้การ์ดที่รินน้ำให้“นายคิดว่าคุณนายน้อยไม่เหมือนเดิมตรงไหน”
บอดี้การ์ดตั้งใจคิดอย่างจริงจัง พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาว่า“เมื่อก่อนเวลาคุณนายน้อยกลับมาก็มักจะถามก่อนเลยว่าคุณชายอยู่บ้านหรือเปล่า แต่วันนี้ไม่ได้ถามครับ”
คำว่า“คุณชาย”ที่บอดี้การ์ดหมายถึงคือ“เฉินถิงเซียวผู้ไม่เคยปรากฏหน้าค่าตา”
พอบอดี้การ์ดพูดจบ ตัวเองก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยชัดเจนนัก จึงพูดอธิบายว่า“คุณชายที่ผมหมายถึงไม่ใช่คุณนะครับ แต่เป็น’คุณชายคนนั้น’ คุณนายน้อย……”
พูดอยู่เป็นนานสองนาน บอดี้การ์ดรู้สึกว่าชักจะซับซ้อนขึ้นทุกที
“รู้แล้วล่ะ ออกไปเถอะ”เฉินถิงเซียวตัวบทพูด ชี้นิ้วให้เขาออกไป
……
วันถัดไปเป็นวันจันทร์
มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ เธอบรรจงแต่งหน้าอย่างประณีต
ในตอนที่ลงมาชั้นล่าง สือเย่ได้มารอเธอแล้ว
มู่น่อนน่อนมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็น“เฉินเจียฉิน” เธอเดินไปตรงหน้าสือเย่“ช่วงนี้คงต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ ฉันนั่งรถไปทำงานเองดีกว่านะ”
พอเธอพูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป
สือเย่“……”
ไม่ได้ลำบากอะไรเลย เขารู้สึกว่างานที่สบายที่สุดก็คือการไปรับส่งคุณนายน้อยนี่แหละ
หลังจากที่มู่น่อนน่อนไป เฉินถิงเซียวที่มองทุกอย่างมาจากชั้นสอง จึงค่อยๆก้าวเท้าเข้า
“คุณชาย”สือเย่ค้อมหัวให้อย่างนอบน้อม เขารู้ว่าเฉินถิงเซียวได้ยินเรื่องราวเมื่อกี้แล้วทั้งหมด เขาจึงไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรมาก
เฉินถิงเซียวมองออกไปทางประตู แสดงสีหน้าที่ดูเหมือนจะยิ้ม“ตามใจเธอ”
เดิมทีเขาคิดว่ามู่น่อนน่อนคงจะรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเขา คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้เธอเริ่มที่
จะรักษาระยะห่างกับเฉินถิงเซียวเข้าแล้ว
มู่น่อนน่อนนั่งรถมาที่บริษัทมู่ซื่อ
เธอลงจากรถ ยืนอยู่หน้าประตูบริษัทมู่ซื่อ ดวงหน้าสวยสดงดงามเต็มไปด้วยร่องรอย แห่งความเย็นชา ภายใต้แววตานั้นมีแต่ความมั่นใจอันแข็งกร้าว
เธอมู่น่อนน่อนดวงแข็ง และกลับมาอีกแล้ว
มู่น่อนน่อนก้าวเท้าเตรียมจะเข้าไป พนักงานที่เดินผ่านต่างก็อดส่งสายตามองเธอไม่ได้
พวกเขารู้สึกว่า วันนี้มู่น่อนน่อนดูเปลี่ยนไป แม้ว่าจะยังคงเป็นดวงหน้าดวงนั้น และยังคงสวยสดงดงาม แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนมีอะไรที่เปลี่ยนไป
ก่อนหน้าเพื่อนร่วมงานแผนกการตลาดเดินผ่านมู่น่อนน่อน และเรียกทักเธอขึ้นมาทีหนึ่ง“น่อนน่อน อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ”มู่น่อนน่อนหันหน้าหา พลางพูดแล้วส่งยิ้มให้
ดวงตาแมวคู่สวยหรี่ยิ้มจนกลายเป็นจันทร์เสี้ยว ริมฝีปากแดงเรื่อ ผิวขาวสดใส รูปหน้า โหงวเฮ้งได้ที่
คนข้างๆดูจนใจหวิว ผ่านไปหลายวินาทีถึงได้ยิ้มตอบอย่างรู้สึกตัว
คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในลิฟต์ มู่น่อนน่อนคุยเล่นกับพวกเขา “วันหยุดสุดสัปดาห์ทำอะไรกันมาบ้าง ออกไปทำกิจกรรมอะไรกันเหรอ”
“พาลูกไปสวนสนุกจ๊ะ……”
“ออกไปเดทกับแฟนจ๊ะ”
“มิน่าล่ะมีรอยแดงบนคอด้วย คิดว่ายุงกัดเสียอีกแหน่ะ!”
“พูดอะไรของเธอน่ะ!”
คนกลุ่มใหญ่หัวเราะร่า มู่น่อนน่อนก็ไม่พูดอะไรอีก ได้แต่อมยิ้มแล้วกดลิฟต์
เพียงแต่ ประตูลิฟต์ปิดลง แล้วเปิดขึ้นอีก
คนที่เข้ามาคือ มู่หวั่นขี
พอเธอเข้ามา เสียงหัวเราะจากด้านในจึงหยุดลงทันที ในลิฟต์จึงเงียบสงบ
มู่น่อนน่อนเข้าไปในลิฟต์เป็นอันดับแรก เธอยืนหลบมุมอยู่หลังผู้คน มู่หวั่นขีเชิดคางขึ้น กวาดตามองไปอย่างหยาบคาย แต่กลับไม่ได้เห็นมู่น่อนน่อนในทันที
มู่น่อนน่อนมองดูมู่หวั่นขี เห็นว่ามู่หวั่นขีสวมเสื้อโค้ทอยู่ เป็นเสื้อโค้ทรุ่นใหม่ที่มู่น่อนน่อนเห็นในห้างสรรพสินค้าเมื่อวาน ราคาเกือบล้าน
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก ค่อยเผยรอยยิ้มออกมา“พี่คะ สวัสดีค่ะ”
ตอนนี้ลิฟต์ค่อยๆเลื่อนขึ้น ข้างในเงียบมาก เสียงมู่น่อนน่อนไม่ได้ดังสักเท่าไหร่ แต่เสียงกลับกระจายไปทั่วลิฟต์ ให้ความรู้สึกแปลกๆขึ้น
มู่หวั่นขีหันหน้าไปหาอย่างเหลือเชื่อ พอเห็นว่าเป็นมู่น่อนน่อนอย่างชัดเจน สีหน้าก็ เปลี่ยนไปทันที
เธอทำเหมือนอย่างกับเห็นสัตว์ประหลาด เธอสะดุดหกล้ม เธอจับราวจับมือ เบิ่งตาโพลงโตจ้องมองมู่น่อนน่อน“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ เธอ……”
พอรู้ตัวว่าตอนนี้อยู่ในลิฟต์ เธอจึงรีบสงบสติอารมณ์ แกล้งทำเป็นนิ่ง“น่อนน่อนเองเหรอวันนี้มาเช้าจัง”
ในตอนที่มู่น่อนน่อนเปิดปากพูด คนที่อยู่ข้างเธอก็เริ่มหลีกทางให้
มู่น่อนน่อนมองมู่หวั่นขีด้วยสายตาสงบนิ่ง พูดออกมาอย่างสบายอารมณ์“มาเช้ากว่าพี่
นิดเดียวเองค่ะ”