ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่ 94 เปิดโปงความชั่วร้าย
ตอนที่ 94 เปิดโปงความชั่วร้าย
“ขอบคุณค่ะ”มู่น่อนน่อนยิ้มบางๆให้เซียวชู่เหอ
แม้ว่าปากมู่น่อนน่อนจะกล่าวขอบคุณ แต่เซียวชู่เหอยังคงรู้สึกว่าในรอยยิ้มนั้นมีความหมายลึกซึ้ง ดวงตาแมวคู่นั้นดูเหมือนมองทะลุทุกอย่าง
เซียวชู่เหอตัวสั่นเทาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ตะเกียบในมือถือไว้ไม่นิ่ง ตกลงบนพื้น
มู่น่อนน่อนค้อมตัวช่วยเธอเก็บตะเกียบขึ้นมา ปากบอกว่า“แม่คะ ตะเกียบต้องจับให้มั่น ถ้าคราวหน้าตกอีก หนูอาจจะไม่ได้ยืนเก็บอยู่ข้างๆแม่แล้วนะคะ”
น้ำเสียงของเธอเชื่องช้าเนิ่นนาน จังหวะการพูดอ่อนโยน แต่ว่าในหูของเซียวชู่เหอ มักจะรู้สึกว่ามีความหมายอะไรบางอย่างแฝงไว้อย่างลึกซึ้ง
เซียวชู่เหอมุ่นคิ้ว แล้วส่งยิ้มออกมา“แค่ไม่ทันระวังเท่านั้นน่ะจ๊ะ”
“เหรอคะ”มู่น่อนน่อนหัวเราะอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ ลุกขึ้นยืน“หนูอิ่มแล้วค่ะ ออกไปก่อนนะคะ”
ที่จริงเธอแทบจะไม่ได้แตะต้องตะเกียบเลย
มู่ลี่เหยียนมองดูมู่น่อนน่อนเดินจากไป เขาขมวดคิ้ว เขามักจะรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนผิดแปลกไปตรงไหน
……
พอมู่น่อนน่อนออกจากห้องทำงานของมู่ลี่เหยียน ความรู้สึกที่แสดงบนสีหน้านั้นอลหม่านนับไม่ถ้วน รู้สึกถึงแต่ความเจ็บปวดทิ่มแทงกระดูก
การเอาอกเอาใจของเซียวชู่เหอเมื่อครู่ เธอดูออก แต่เธอไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งอะไรด้วยเลยหลายปีมานี้ เธอมักจะโดนรังแกอยู่เสมอ
ถ้าเซียวชู่เหอยังพอรักเธออยู่บ้าง หลายปีมานี้ก็คงจะซื้อเสื้อผ้าให้เธอสักตัวอยู่หรอก
และคงไม่คุกเข่าขอร้องเธอแทนมู่หวั่นขีให้ไปแต่งงานกับคนไร้มนุษยธรรมอย่าง
เฉินถิงเซียว
เป็นเพราะเรื่องการลักพาตัวในคราวนี้ เซียวชู่เหอถึงได้รู้ถึงความสำคัญของเธอที่มีอยู่ในใจ พอลิ้มรสถึงความหวานชื่นได้บ้าง ก็เลยอยากจะเอาใจเธอมั้ง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงให้อภัยเซียวชู่เหอไปแล้ว
แต่ว่า พอจิตใจคนมันตายด้านไปแล้ว มันก็ตาสว่าง การเอาใจของเซียวชู่เหอ ก็หมด
ความหมายลงโดยปริยาย
ต่อไป เธอจะไม่สนใจเซียวชู่เหออีก
ไม่มีใครที่จะทนกับการถูกทำลายล้างครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วจะแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไร
เกิดขึ้นต่อไปได้
มู่น่อนน่อนเดินไปยังที่ๆไม่มีคน จึงส่งข้อความให้ปาปารัสซี่ที่เสิ่นเหลียงแนะนำให้เธอในตอนแรก“ผ้าขนหนูทำความสะอาดห้องครัวที่ตระกูลมู่คิดค้น วัตถุดิบแย่มาก มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย”
บริษัทมู่ซื่อผลิตของใช้ในบ้านเป็นสำคัญ เมื่อสองปีก่อนก็โดนโจมตีเรื่องที่ผลิตภัณฑ์ไม่ ได้มาตรฐาน ตรวจพบปัญหา แต่ต่อมาข่าวก็เงียบลงไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย พอเห็นข่าวนี้ ก็เลยแอบไปตรวจดูที่โรงงานบริษัทมู่ซื่อ ซึ่งก็มีปัญหาจริงๆ
ปาปารัสซี่ที่เสิ่นเหลียงแนะนำมาค่อนข้างเชื่อถือได้ ถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีคุณธรรมทีเดียว แม้ว่าปาปารัสซี่เป็นคนอารมณ์ดี แต่ถ้าเขาจะเอาข่าวนี้ไปขายให้นักข่าวก็ย่อมทำได้
ปาปารัสซี่รีบตอบเธอกลับมาทันที“คุณแน่ใจเหรอ”
“แน่ใจสิ แต่นายต้องไปถ่ายรูปที่โรงงานเองนะ ฉันเอาที่อยู่ให้”สิ่งที่ปาปารัสซี่ถนัดก็คือปลอมตัวแล้วแอบถ่าย เป็นงานถนัดของเขา
“ตกลง ได้!”
เป็นเพราะมีความสัมพันธ์กับบริษัทเฉินซื่อ ข่าวบริษัทมู่ซื่อจึงดูมีมูลค่ามาก ดังนั้นปาปารัสซี่จึงตกปากรับคำลงทันที
มู่น่อนน่อนเก็บมือถือเข้าอย่างดี แล้วเดินไปในช่องว่าง
ระหว่างทางเห็นมู่หวั่นขีที่เพิ่งกินข้าวเสร็จกลับมา
เซียวชู่เหอมักจะทำอาหารมาส่งที่บริษัท ซึ่งมู่หวั่นขีเป็นคนต้นคิด เธอกินอาหารฝีมือ เซียวชู่เหอจนเบื่อแล้ว ก็เลยอยากจะออกไปกินข้าวข้างนอกบ้าง
มู่หวั่นขีร้องเรียกเธอเสียงสูง“เธออยากเรียนรู้จากฉันไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวตอนฉันประชุม เธอก็มาฟังด้วยกันสิ”
ตอนนี้มู่หวั่นขีได้สติคืน เธอคิดว่าตัวเองรู้จักมู่น่อนน่อนดีนัก ถ้ามู่น่อนน่อนรู้ว่าตัวเองเป็นคนทำเรื่องนี้ ก็คงจะไม่สงบขนาดนี้หรอกน่า แต่เธอก็ยืนยันไม่ได้ทั้งหมด เธอก็เลยอยากจะดูมู่น่อนน่อนไปก่อน
มู่น่อนน่อนยิ้มตอบตกลง“ได้สิ”
……
ในห้องประชุม
มู่น่อนน่อนนั่งลงข้างมู่หวั่นขี ค่อยๆฟังเนื้อหาการประชุมอย่างตั้งใจ
แม้ว่าเธอจะฟังไม่ค่อยออก แต่ก็สัมผัสได้ว่ามู่หวั่นขีไม่ได้ต่างอะไรจากเธอคือ ทำอะไรไม่เป็นเลย
มู่หวั่นขีดูสีหน้าเหม่อลอยของมู่น่อนน่อน ในใจก็ยิ่งรู้สึกลำพอง
คนโง่ก็คือคนโง่!
มู่น่อนน่อนไม่ใส่ใจว่ามู่หวั่นขีจะลำพองใจได้สักแค่ไหน เพราะว่าไม่นาน กิจการหลาย
อย่างของบริษัทมู่ซื่อก็จะถูกหยุดลง
หลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้น มู่หวั่นขีจึงให้มู่น่อนน่อนอยู่ต่อ
“แค่เนื้อหาการประชุมง่ายๆยังฟังไม่เข้าใจเลย ฉันว่าเธอรีบกลับแผนกการตลาดของเธอไปเถอะนะ!”มู่หวั่นขีมองมู่น่อนน่อนอย่างดูแคลน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียด
หยาม
“อ๋อ ค่อยว่ากันแล้วกัน”มู่น่อนน่อนมองเธออย่างสบายอารมณ์ แล้วหมุนตัวจากไป
สิ่งที่มู่หวั่นขีรับไม่ได้คือ มู่น่อนน่อนไม่เห็นเธออยู่ในสายตา
เธอมองตามเงาหลังมู่น่อนน่อนอย่างเกลียดชัง เธอไม่เชื่อหรอกว่ามู่น่อนน่อนจะดวงดีไปตลอด ได้ มันต้องมีสักวัน ที่เธอจะเหยียบมู่น่อนน่อนให้จมดิน!
มู่น่อนน่อนกลับมาถึงห้องพัก เธอท่องอินเตอร์เน็ตดู แต่ก็ยังไม่เห็นข่าวของบริษัทมู่ซื่อ
เลยหรือว่าปาปารัสซี่ถ่ายรูปอะไรไม่ได้ หรือว่ายังไม่ได้ไปแอบลักข้อมูลที่โรงงานบริษัทมู่ซื่อ
แต่ไม่นานนัก มู่น่อนน่อนก็ได้รับผลลัพธ์ที่รอคอย
ในตอนที่ใกล้จะเลิกงาน จู่ๆบริษัทก็เรียกประชุมด่วน
บรรยากาศภายในตึงเครียดขึ้นมา มีแต่เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุด วุ่นวายกันไปทั่ว
มู่น่อนน่อนมาทำงานในแผนกได้ไม่นาน เธอก็ได้แต่ทำงานเบ็ดเตล็ดเท่านั้น แต่ด้วยปกติเธอเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงาน บวกกับสถานภาพของเธอ เพื่อนๆจึงไม่ค่อยกล้าใช้งาน
เธอ
ดังนั้น มู่น่อนน่อนจึงกลายเป็นคนที่ว่างที่สุด
เธอจึงค่อยๆเปิดอินเตอร์เน็ตท่องดู แล้วก็เห็นพาดหัวข่าวเปิดโปงธุรกิจตัวเบ้อเร่อ
【ข่าวร้อน:นักข่าวสืบสวนบริษัทของใช้ประจำวัน เปิดโปงความมืดดำของโรงงาน】
“เมื่อพูดถึงบริษัทของใช้เจ้าดังประจำเมืองหู้หยาง ทุกคนย่อมต้องคิดถึงบริษัทมู่ซื่อ วันนี้นักข่าวของเราได้เสี่ยงอันตราย เข้าไปภายใต้ธงของบริษัท เพื่อเปิดโปงความมืดบอดของโรงงานที่คนไม่รู้……วัตถุดิบส่วนมากเก็บมาจากถังขยะ……ซึ่งเป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกายผู้บริโภค……”
มู่น่อนน่อนอ่านสิบบรรทัดรวดจนมาถึงบทสรุป
“บริษัทข้าวของเครื่องใช้เจ้าดังกว่าสิบปี ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ผ้าขนหนูยันไม้ถูพื้น ต่างล้วนออกมาจากบริษัทนี้ทั้งนั้น แต่สองปีก่อนผู้คนก็เริ่มที่จะไม่ใช้ สำหรับสาเหตุ คนที่ใช้แล้วต่างรู้ดี……”
“เพิ่งซื้อสินค้าชุดใหม่มาจากบริษัท จะคืนได้ไหมเนี่ย”
“ทุกคนยังจำคลิปฉาวก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ รู้สึกว่าจะเป็นลูกสาวของตัวประธานเอง สอนลูกออกมาได้ไร้ยางอายแบบนี้ จะไปหวังให้ผลิตของใช้อะไรดีๆได้”
“+1 ฉันเห็นด้วยกับคอมเมนต์ด้านบน!”
“+2……”
“+เลขบัตรประชาชน รู้อยู่แล้วว่าสักวันต้องเป็นข่าว!”
“……”
คอมเมนต์ที่พูดถึงคลิปฉาวของมู่หวั่นขี มีคอมเมนต์ตามมาอีกนับหมื่น ระลอกคลื่นลูกนี้ ได้ผลดีจริงๆ พอเป็นข่าวก็เข้าถึงแก่นของบริษัทมู่ซื่อเลย