ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - ตอนที่60 แก้แค้นเธอ
ตอนที่60 แก้แค้นเธอ
มู่น่อนน่อนกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องทำอาหารให้“เฉินเจียฉิน” ถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องที่เธอรับปากเขาไว้แล้ว
แต่ว่าหลังจากเข้ามาในห้าง มู่น่อนน่อนก็โดนพวกเธอลากไปลองนี่ลองนั่น
ท้องฟ้าข้างนอกก็เริ่มมืดลงแล้ว มู่น่อนน่อนหาข้ออ้างแล้วพูดว่า “เหนื่อยจัง ไปหาที่นั่งพักหน่อยเถอะ”
หลังจากนั้น พวกเธอก็ไปหาร้านน้ำดื่มนั่งกัน
มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ออกมา ก็เห็นรายชื่อของ“เฉินเจียฉิน”อยู่ในสายที่ไม่ได้รับ
เธอรู้สึกว่า“เฉินเจียฉิน” ปกติก็ไม่ค่อยจะมีความอดทนอะไรอยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะโทรหาเธอตั้งสองครั้ง เธอสามารถนึกภาพได้เลยว่าหน้าของเขาจะโกรธขนาดไหนหลังจากที่เธอไม่ได้รับสายที่สองของเขา
มู่น่อนน่อนรีบลุกขึ้น “ขอโทษด้วยนะ ฉันมีธุระนิดหน่อยต้องกลับก่อนแล้ว วันนี้ขอบคุณทุกคนมากนะ เดี๋ยววันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวทุกคนเอง”
หลังจากออกมาจากห้าง เธอก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์ พลางโทรหา“เฉินเจียฉิน”
เสียงรอสายยังไม่ทันดัง ก็มีคนรับสาย
“อยู่ไหน?”
น้ำเสียงของ “เฉินเจียฉิน”ทุ้มมาก แต่ว่ามันดูผิดปกติ เสียงของเขาทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกมืดมนตามไปด้วย
มู่น่อนน่อนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เธอยื่นมือออกไปลูบคอของตัวเองแล้วตอบว่า “ยังอยู่ข้างนอก เดี๋ยวฉันกำลังกลับแล้ว ถ้าเกิดว่านายหิวก็สั่งอะไรกินไปก่อน”
เขาย้ำกลับมาอีกครั้ง “ฉันถามว่าเธออยู่ไหน”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรำคาญและความโกรธ ไม่ได้ปกปิดมันอีกต่อไป
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองป้ายชื่อห้าง หลังจากนั้นก็ตอบ“เฉินเจียฉิน”ไป
ตั้งแต่ตอนที่เห็นท่าทีที่น่ากลัวของ“เฉินเจียฉิน”เรื่องการ์ดดำนั้น เธอก็ไม่กล้าไปยั่วยุคุณผู้ชายคนนี้อีกเลย
มู่น่อนน่อนก็หันกลับไป แล้วก็เดินกลับไปที่ประตูห้างอีกครั้ง เพื่อรอให้“เฉินเจียฉิน”มารับ
เธออยู่ตรงนั้นไม่นาน ก็เห็นรถของ“เฉินเจียฉิน”แล่นเข้ามา
เธอกำลังจะเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงเรียกเธอจากด้านหลัง “น่อนน่อน เธอยังไม่กลับอีกหรอ?”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปอย่างแข็งทื่อ คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอคือเพื่อนร่วมงานที่พาเธอมาเดินเล่นเมื่อกี้นี้
“ใช่ ฉันยัง…”
มู่น่อนน่อนพึ่งจะพูดออกมาได้แค่ครึ่งเดียว ก็โดน“เฉินเจียฉิน”ตัดบทสะก่อน
“มู่น่อนน่อน ขึ้นรถ” เฉินถิงเซียวขับรถมาจอดข้างๆเธอ แล้วก็เปิดหน้าต่างรถ พร้อมกับมองหน้าเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
พวกเพื่อนร่วมงานพวกนั้นก็พากันแสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด:(⊙o⊙)…
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่ามันจบแล้ว
มู่น่อนน่อนหันกลับไปมองหน้า“เฉินเจียฉิน” แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะอายุน้อยกว่านาย แต่ว่ายังไงฉันก็เป็นพี่สะใภ้นายนะ”
เฉินถิงเซียวค่อยๆหันหน้าไป ก็เห็นเพื่อนร่วมงานของมู่น่อนน่อนที่อยู่ข้างหลังเธอ เขาเลิกคิ้วนิดหน่อย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรำคาญ “ขึ้นรถ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเขาเริ่มหมดความอดทนแล้ว กลัวว่าเขาจะทำเรื่องอะไรขึ้นมาอีก เธอก็ได้แต่หันหน้าไปพูดกับคนด้านหลังว่า “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของสามีฉัน เขาผ่านมารับฉันพอดี ฉันไปก่อนนะ”
เธอไม่กล้าอยู่ที่นี่นานกว่านี้ ก็รีบเปิดประตูขึ้นรถไปทันที
เมื่อตอนที่“เฉินเจียฉิน”สตาร์ทรถนั้น มู่น่อนน่อนยังเห็นได้จากกระจกหลัง ว่าเธอล้อมวงคุยอะไรกันบางอย่าง…
มู่น่อนน่อนถอนหายใจ แล้วก็หันไปมองหน้า“เฉินเจียฉิน” “ทำไมนายมาเร็วขนาดนี้ มาทำธุระแถวนี้รึไง?”
“เฉินเจียฉิน”ไม่ได้สนใจเธอ
มู่น่อนน่อนหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง เธอไม่อยากจะคุยอะไรกับเขาแล้ว
……
หลังจากกลับมาถึงบ้าน มู่น่อนน่อนก็เข้าไปทำอาหารในห้องครัว
หลายวันมานี้ เธอเคยชินกับรสชาติที่“เฉินเจียฉิน”ชอบกินไปแล้ว เขาเป็นคนที่ชอบกินเผ็ดมาก
หลังจากทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ ก็แยกย้ายกันกลับห้อง
มู่น่อนน่อนอาบน้ำ แล้วก็นอนลงบนเตียง หลังจากนั้นก็วิดีโอคอลหาเสิ่นเหลียง
เสิ่นเหลียงแต่งกายชุดโบราณ ด้านหลังของเธอก็เป็นตึกสไตล์โบราณ
มู่น่อนน่อนถามเธอออกมา “นี่คือที่ถ่ายหนังหรอ?”
“ใช่ ถ่ายฉากกลางคืน” เสิ่นเหลียงวิ่งไปแอบอยู่ตรงมุม แล้วก็คุยกับเธอเสียงเบา “เธอรู้มั้ยว่าวันนี้ใครเล่นคู่กับฉัน?”
“ใครหรอ?” มู่น่อนน่อนเหมือนกับว่านึกอะไรออก แล้วพูดว่า “คงไม่ใช่ซือเฉิงหยู้หรอกนะ? เขาไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกหรอกหรอ?”
“เขานั่นแหละ!” น้ำเสียงของเสิ่นเหลียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ผู้กำกับเหมือนจะรู้จักกับภาพยนตร์จักรพรรดิซือ ก็เลยเชิญให้เขามาเป็นแขกรับเชิญ เมื่อกี้ฉันก็เล่นบทต่อสู้กับเขา ถ้าเกิดว่าฉันตัวสั่นเพราะความตื่นเต้นจะทำยังไงดีล่ะ?”
มู่น่อนน่อนเม้มปากแน่น แล้วพูดออกมาว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเองก็ตื่นเต้น”
ซือเฉิงหยู้เป็นหนึ่งในนักแสดงหนังกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ และอายุเขาก็น้อยที่สุด มู่น่อนน่อนชอบเขามาแปดปีแล้ว
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากปลายสาย “เสี่ยวเหลียง ได้เวลาเข้าฉากแล้ว!”
“จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” เสิ่นเหลียงตอบ แล้วก็พูดกับมู่น่อนน่อน “ฉันไปก่อนนะ ฉันจะขอลายเซ็นต์จากซือเฉิงหยู้มาให้เธอ แต่ว่าอาจจะไม่ได้ แต่ว่าฉันจะพยายามสุดชีวิต”
หลังจากพูดจบ เธอก็ตัดสายไป
มู่น่อนน่อน:“……”เธอไม่ได้หน้าตาอัปลักษณ์เหมือนยัยเสิ่นเหลียงนะ!
……
วันถัดมา
มู่น่อนน่อนมาถึงบริษัท รู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานของเธอเมื่อวานต่างพากันมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
เธอสามารถรับรู้ได้ แต่ว่าก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่
ซุนเจิ้งหวาเหมือนว่าจะกลัวบทเรียนที่ได้จากมู่น่อนน่อนไป หลังจากนั้นเขาก็เงียบสงบ และไม่ได้มาสร้างเรื่องกวนใจให้มู่น่อนน่อนอีกเลย
จนถึงวันศุกร์ เขาก็ให้คนมาเรียกมู่น่อนน่อน “วันนี้พวกเธอออกไปสำรวจตลาด วันนี้วันศุกร์แล้ว วันจันทร์ค่อยมารายงานฉัน”
เขาพาผู้ชายร่างสูงมาอีกคนหนึ่ง ดูท่าทีเหมือนเป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไร
มู่น่อนน่อนเหลือบมองผู้ชายคนนั้น ดูแปลกหูแปลกตามาก
คนในแผนกการตลาดเยอะมาก มู่น่อนน่อนที่พึ่งมาก็ไม่มีทางที่จะรู้จักทุกคน เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
หลังจากทั้งสองคนออกจากบริษัทมา ก็เรียกแท็กซี่
มู่น่อนน่อน “บริษัทจะคืนเงินให้มั้ย?”
“คืนให้” ผู้ชายคนนั้นมองหน้าเธอด้วยสายตาแปลกๆ
มู่น่อนน่อนรู้สึกตื่นตัว เธอหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง ก็เห็นว่ามันกำลังมุ่งหน้าไปชานเมือง
ก่อนที่จะออกมานั้น เธอก็อ่านเอกสารแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในครั้งนี้เป็นสิ่งจำเป็นประจำวันในครัวเรือน และสถานที่ที่พวกเขากำลังจะไปควรเป็นที่อยู่อาศัย
เมื่อกี้พึ่งผ่านร้านขายยา มู่น่อนน่อนหรี่ตา และเบะปากพร้อมขมวดคิ้วทำท่าทีเหมือนกำลังเจ็บปวด “จอดรถก่อนได้มั้ยคะ ฉันขอซื้ออะไรหน่อย”
ผู้ชายคนนั้นถามเธอ “เธอจะซื้ออะไร?”
“ยาแก้ปวด” มู่น่อนน่อนหันไปมองหน้าเขา “เป็นประจำเดือนหนะ ปวดท้องมากเลย”
ผู้ชายคนนี้คิดอยู่สักพักก็เข้าใจ แล้วก็ตอบว่า “เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”
“โอเค” มู่น่อนน่อนรู้ดีว่า ถ้าเกิดว่าเธอปฏิเสธเขา เขาก็จะหาทางไม่ให้เธอลงจากรถ
ตอนนี้เธอมั่นใจได้แล้วว่า ผู้ชายคนนี้คือคนที่ซุนเจิ้งหวาสั่งให้มาแก้แค้นเธอ
ทั้งสองคนลงจากรถแล้วตรงที่ร้านขายยา เขาเดินตามเธอมาติดๆ มู่น่อนน่อนซื้อยาแล้วก็เดินออกมาข้างนอกช้าๆ
ในตอนนี้เอง ก็มีผู้ชายที่สวมหน้ากากและแว่นกันแดดเดินเข้ามา เขามีอาการไอเล็กน้อย ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินผ่านเขานั้น อยู่ดีๆก็ยื่นมือไปจับแขนเขา สีหน้าแปลกใจ “พี่ชาย พี่มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันเนี่ย?”
ชายที่สวมหน้ากากอึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นเขาก็ถอดหมวกออก เผยให้เห็นดวงตาที่อบอุ่นที่เธอคุ้นเคย