ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 154 อย่าวางสาย ปล่อยให้เธอพูดต่อไป
บทที่ 154 อย่าวางสาย ปล่อยให้เธอพูดต่อไป
มู่น่อนน่อนมองไปที่เสื้อแจ็คเก็ตผ้าฝ้ายสีเทาในมือคนขับ น้ำตาเอ่อล้นออกจากดวงตาฉับพลัน
เธอเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ถึงได้รู้สึกเศร้ามาก
คนขับรถเป็นลุงอายุมาก ทันทีที่เห็นมู่น่อนน่อนร้องไห้ เขาก็เกาศีรษะอย่างร้อนรน “คุณอย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าผมทำอะไรคุณ!”
มู่น่อนน่อนยิ้มทั้งน้ำตา “ขอบคุณค่ะ ฉันไม่กลัวหนาว คุณยังต้องขับรถถึงดึกไม่ใช่เหรอคะ ฉันสุขภาพดีแค่ครู่เดียวไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
ตอนนี้เธอไม่หนาวจริงๆ หัวใจของเธออบอุ่น
แต่ลุงคนขับกลับคิดว่ามู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเสื้อนอกของเขาดูไม่ดี จึงไม่ได้พูดอะไรอีก
มู่น่อนน่อนลงจากรถไป หลังจากมองดูแท็กซี่ไปไกลแล้ว จึงได้เอาโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเสิ่นเหลียง
โทรศัพท์โทรออก เธอได้ยินเสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ
หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของเสิ่นเหลียงดังขึ้นไม่ไกล “ฮัลโหล เธอถึงแล้วเหรอ”
มู่น่อนน่อนวางสายแล้วโบกมือให้เสิ่นเหลียง “ฉันอยู่นี่”
เสิ่นเหลียงวิ่งเข้ามา ห่อตัวเหมือนบ๊ะจ่าง ในมือยังหอบเสื้อโค้ตมาด้วย
“บ้าเอ๊ย คนสวยแช่แข็งเหรอ นี่แม่งติดลบเกือบสิบองศาเลยนะ เธอแต่งตัวออกมาจากงานเลี้ยงทั้งแบบนี้เลยเหรอ” ถึงแม้เสิ่นเหลียงจะพูดออกมาแบบนี้ แต่การเคลื่อนไหวที่มือไม่คลุมเครือสักนิด จัดแจงเอาเสื้อโค้ตในมือสวมให้มู่น่อนน่อนอย่างจริงจังไม่เบาแรง
มู่น่อนน่อนสูดจมูก “ใช่แล้ว ตลอดทางทุกคนมองฉันหมดเลย รู้สึกว่าตัวเองเก่งมากจริงๆ”
……
ทั้งสองกลับถึงบ้านของเสิ่นเหลียงด้วยกัน
เธอไม่ค่อยได้อยู่บ้านมากนัก ดังนั้นบ้านจึงค่อนข้างรก
ในห้องมีความอบอุ่นเพียงพอ ทันทีที่เข้าประตูมาเสิ่นเหลียงก็รินน้ำร้อนให้เธอแก้วหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ที่ทางเข้าหมู่บ้านเสิ่นเหลียงไม่ได้สังเกต ตอนนี้อยู่ในห้องที่มีแสงสว่าง เสิ่นเหลียงถึงได้พบว่ามู่น่อนน่อนตาแดง
เสิ่นเหลียงขมวดคิ้วนั่งลงข้างเธอ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอน่ะ”
“ฮะ? ไม่มีอะไรหรอก ก่อนหน้านี้ตอนที่ลงจากรถ ลุงคนขับรถเห็นฉันแต่งตัวแบบนี้ เลยจะเอาเสื้อนอกของเขาให้ฉัน ฉันจึงซาบซึ้งมากน่ะ”
เสิ่นเหลียงเห็นเธอไม่เหมือนการล้อเล่น จึงพยักหน้าให้ “บนโลกใบนี้แน่นอนว่ายังมีคนดีๆ อยู่มากมาย”
เมื่อพูดจบ เธอก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดตามความรู้สึกว่า “การกระทำเล็กๆ ของคนแปลกหน้าทำให้คนเราสัมผัสได้มากเป็นพิเศษ ส่วนคนรอบข้างทำผิดเพียงเล็กน้อย มันจะถูกแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าเขาจะเคยทำดีกับเธอมามากแค่ไหน มันล้วนไร้ประโยชน์”
มู่น่อนน่อนถามว่า “เธอกำลังพูดถึงกู้จือหยั่นเหรอ”
“ใครจะพูดถึงผู้ชายเฮงซวยคนนั้น” เสิ่นเหลียงหัวเราะเสียงเย็น “เหอะ ผู้ชาย!”
มู่น่อนน่อนเอนหลังพิงเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร
“ไม่มีความสุขก็ดื่มสักหน่อยสิ เราสองคนไม่ได้ดื่มด้วยกันนานแล้ว” เสิ่นเหลียงพูดอย่างนั้นแล้วก็เดินไปเอาไวน์มาเอง
มู่น่อนน่อน “……..”
ครั้งล่าสุดที่พวกเธอไปดื่มที่บาร์…
……
เสิ่นเหลียงรักการดื่ม แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นแอลกอฮอลิซึม
ตอนที่ควรดื่มก็ดื่ม ตอนที่ทำงานไม่เคยดื่ม ไม่ใช่คนใกล้ชิดก็ไม่ดื่ม
มู่น่อนน่อนก็ถูกเสิ่นเหลียงสอนให้ดื่ม
ทั้งสองดื่มไวน์แดงหมดไปครึ่งขวดก็เริ่มเมาแล้ว
พูดคุยขณะที่ศีรษะเอนพิงโซฟา
“ฉันรู้สึกว่ากู้จือหยั่นเป็นคนสารเลว!”
“อืม เฉินถิงเซียวก็เหมือนกัน”
“กู้จือหยั่นแม่งมีแต่เรื่องผู้หญิงขนาดนั้น ยังบอกว่าเขาบริสุทธิ์ ตอนนั้นกูโคตรตาบอด!”
“อืม เฉินถิงเซียว…เหมือนว่าจะไม่มี”
“กู้จือหยั่น…”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดคำพูดของเสิ่นเหลียง
เธอหรี่ตาเหล่มองข้อมูลสายเข้า มันเป็นแถวตัวเลขที่ไม่คุ้นตา
เสิ่นเหลียงรับสาย “อะไร ขายประกันเหรอ ฉันไม่ซื้อ!”
ที่ปลายสายเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย “ผมคือเฉินถิงเซียว”
เฉินถิงเซียวงั้นเหรอ
เสิ่นเหลียงพลันตื่นตัวไปทั่วร่าง ความเมาหายไปกว่าครึ่ง
เธอกำลังจะพูด เฉินถิงเซียวที่ปลายสายก็ส่งเสียงออกมาก่อนว่า “อย่าโวยวายครับ ผมถามคุณตอบ แค่บอกว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ก็พอ”
เสิ่นเหลียงส่งเสียงตอบโดยจิตใต้สำนึก “ค่ะ”
หลังจากนั้นก็มีอาการสับสนเล็กน้อย ทำไมเธอต้องฟังคำพูดของเฉินถิงเซียวด้วย
เฉินถิงเซียวเหมือนจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยออกมาน้ำเสียงบางเบา “กู้จือหยั่นอยากเป็นเอเจนต์ของคุณ”
เสิ่นเหลียงระเบิดทันที “ให้เขาฝันไปเถอะ!”
“อืม”
เสิ่นเหลียงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเฉินถิงเซียวเป็นเจ้านายของตัวเอง!
“มู่น่อนน่อนอยู่กับคุณใช่ไหม”
เสิ่นเหลียงเหลือบมองมู่น่อนน่อนที่กำลังดื่ม แล้วบอกว่า “ใช่ค่ะ”
“เธอขึ้นรถแท็กซี่ไปเองเหรอ”
“ไม่อย่างนั้นคุณจะมาส่งเธอหรือไง” พูดขึ้นมาแล้วเสิ่นเหลียงก็เริ่มโมโห
มู่น่อนน่อนบอกเรื่องในงานเลี้ยงแล้ว และบอกทุกการคาดเดาของเธอกับเสิ่นเหลียงแล้วด้วย เสิ่นเหลียงเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา ตอนนี้เมื่อมาได้ยินคำถามของเฉินถิงเซียว จึงอยากตอกกลับเขา
เฉินถิงเซียวทำเหมือนฟังน้ำเสียงการพูดที่ไม่ดีของเสิ่นเหลียงไม่ออก แค่พูดออกมาว่า “อย่าให้เธอดื่ม เข้านอนแต่หัวค่ำ”
“ฮ่าฮ่า ดื่มไปครึ่งขวดแล้ว และฉันยังมีตู้ไวน์ด้วย!”
มู่น่อนน่อนหรี่ตามองมา “เธอกำลังคุยสายกับใครน่ะ”
เป็นความรู้สึกที่เบาสบายมาก และนี่ก็ไม่มีคนนอก มู่น่อนน่อนจึงค่อนข้างทำตัวอิสระ
เธอเข้ามาเอนพิงตัวเสิ่นเหลียง และพูดว่า “ฉันนึกขึ้นได้แล้ว เฉินถิงเซียวถึงแม้จะไม่มีเรื่องผู้หญิง แต่ใจเขามีแสงจันทร์ขาว! เหอะ ผู้ชาย!”
ที่ปลายสายเงียบสนิท
เสิ่นเหลียงตัวสั่นสะท้าน รีบยื่นมือผลักมู่น่อนน่อนออกไปอีกฝั่ง “หยุดพูด”
มู่น่อนน่อนยังกระตือรือร้นพูดของเธอต่อไป “ฉันจะบอกเธอให้ ผู้ชายอย่างเฉินถิงเซียวน่ะ การเป็นภรรยาเขามันไม่ง่ายเลย อย่างกับระเบิดเวลา เทียบกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนแล้วยังแย่ยิ่งกว่า…”
ก้นบึ้งในหัวใจของเสิ่นเหลียงจุดขี้ผึ้งให้มู่น่อนน่อนเงียบๆ เพิ่งคิดว่าจะวางสาย ก็ได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำของเฉินถิงเซียวดังขึ้นนิ่งๆ “อย่าวางสาย ปล่อยให้เธอพูดต่อไป”
เสิ่นเหลียง “……..”
ด้านหนึ่งเป็นเจ้านายใหญ่ของเธอที่ชี้นิ้วให้ตายได้ อีกด้านเป็นเพื่อนรักที่ฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน เธอจะทำอย่างไรดี
สุดท้ายเสิ่นเหลียงยังคิดไม่ได้ว่าจะยืนฝั่งไหน แต่เฉินถิงเซียวก็มาถึงหน้าประตูแล้ว
เสิ่นเหลียงยืนหน้าประตู สีหน้าเหมือนเห็นผี “เจ้านายใหญ่ คุณ คุณมาตั้งแต่เมื่อไร”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดแล้ว และมองผ่านเธอเข้าไปด้านใน
เสิ่นเหลียงเปิดทางให้เล็กน้อย รูม่านตาของเฉินถิงเซียวกว้างขึ้น เห็นมู่น่อนน่อนนอนขดตัวอยู่บนโซฟาในชุดอยู่บ้านหลวมๆ และถือแก้วไวน์
สีหน้าของเขาจมหนัก
เสิ่นเหลียงกลืนน้ำลายลงคออย่างตึงเครียด ตั้งใจจะแก้ตัว
ปรากฏว่า เฉินถิงเซียวเหมือนจะลืมว่าก่อนหน้านี้บอกเรื่องที่อย่าให้มู่น่อนน่อนดื่ม เขาก้มหน้าลงถามเธอว่า “ต้องถอดรองเท้าไหม”
เสิ่นเหลียงพยักหน้าด้วยความประหลาดใจ “ต้องค่ะ…”
เมื่อเฉินถิงเซียวได้ยินจึงก้มลงถอดรองเท้า แล้วเดินเข้าประตูไปหามู่น่อนน่อน
เสิ่นเหลียงมองไปยังรองเท้าหนังสั่งตัดคุณภาพเยี่ยมหน้าประตู กะพริบตาปริบๆ หน้าตาเซ่อซ่า
เจ้านายใหญ่เข้ามาที่บ้านเธอยังถามว่าต้องถอดรองเท้าไหม!
ดูแบบนี้แล้ว เหมือนว่าจะไม่ได้น่ารังเกียจอะไรขนาดนั้น!
มีมารยาทมากและก็ไม่หยาบคายเลย! แล้วเสิ่นเหลียงก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีชมพู!