ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 155 ไม่ใช่แฟน เป็นภรรยา
บทที่ 155 ไม่ใช่แฟน เป็นภรรยา
ตอนนี้ใครยังจะชอบบอสประเภทที่เจ้ากี้เจ้าการและไร้เหตุผลอีก ชอบแบบที่สงบเยือกเย็นและควบคุมอารมณ์ได้ดีต่างหาก!
เสิ่นเหลียงเดินเป็นแมวไปยังมุมห้องมองเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อน
ผ่านไปไม่กี่วินาที เธอถึงเพิ่งได้สติกลับมาว่านี่คือบ้านของเธอ!
นี่คือบ้านของเธอ ทำไมเธอต้องมาทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนโจร!
คิดแบบนี้แล้วเธอจึงกระแอมไอแล้วเดินเข้าไป
เฉินถิงเซียวยืนตรงหน้ามู่น่อนน่อนแล้วเรียกชื่อเธอ
“มู่น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนเมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจึงตื่นตัวฉับพลัน สมองตื่นมากกว่าครึ่ง
เฉินถิงเซียวยืนสูงตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอ ยามต้องแสงไฟ ใบหน้าหล่อดูค่อนข้างอึมครึม
มู่น่อนน่อนคว้าหมอนมากอดไว้ในอ้อมแขน จึงได้เพิ่งรู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณมาทำไม” มู่น่อนน่อนเอียงศีรษะ ถามเขาด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“พาคุณไปหาหมอ”
เฉินถิงเซียวพูดอย่างนั้นแล้วสายตาก็ลดต่ำตกลงไปยังข้อเท้าที่บวมเหมือนหมั่นโถวก้อนใหญ่ไปแล้ว
มู่น่อนน่อนมองตามสายตาของเขา เมื่อครู่ที่คุยดื่มกับเสิ่นเหลียงยังไม่ได้สังเกต เมื่อมาดูตอนนี้แล้วมันบวมจนน่ากลัวนิดหน่อยจริงๆ
“ฉันมีมือมีเท้าของตัวเอง ฉันจะไปเอง” มู่น่อนน่อนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณเป็นผู้ชายตัวใหญ่ การวิ่งมาบ้านของผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานกลางดึกคืออะไร นอกจากนี้เสี่ยวเหลียงก็ยังเป็นดาราด้วย!”
เฉินถิงเซียวตอบด้วยเสียงบางเบา “อืม”
ปฏิกิริยาที่อ่อนโยนมากของเขา ทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกแปลกๆ
นาทีต่อมา ทันใดนั้นเฉินถิงเซียวก็โน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้น
“คุณพูดถูก พวกเราควรไปเดี๋ยวนี้” เฉินถิงเซียวพูดไปพลางอุ้มเธอเดินไปที่ประตู
ตอนที่ผ่านเสิ่นเหลียง เฉินถิงเซียวพูดประโยคหนึ่งด้วยความสุภาพ “รบกวนแล้ว”
เสิ่นเหลียงพยักหน้าอย่างตะลึงงัน “ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ…”
“ฉันไม่กลับ! ฉันจะไปหาหมอเอง คุณวางฉันลงนะ!”
มู่น่อนน่อนไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วตามเฉินถิงเซียวกลับไปแบบนี้ได้
เฉินถิงเซียวไม่สนใจคำพูดของเธอ ไม่มีแผนจะวางเธอลงแต่แรก
เสิ่นเหลียงเดินไปที่กรอบประตู มองดูมู่น่อนน่อนทั้งดิ้นทั้งด่าเฉินถิงเซียว ส่วนเฉินถิงเซียวกลับอุ้มเธอเข้าลิฟต์ไปนิ่งๆ มั่นคงดั่งหินผา
เสิ่นเหลียงจับกรอบประตูพลางพึมพำ “บอสจอมเผด็จการทรงพลังแข็งแกร่งมากๆ!”
……
ในรถ
เฉินถิงเซียวางมู่น่อนน่อนลงตรงที่นั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยให้ ก่อนจะวนไปเปิดประตูรถอีกฝั่ง
มู่น่อนน่อนได้ยินเสียง “คลิก” ล็อกความปลอดภัย
เธอเหลือบมองเฉินถิงเซียว “ล็อกประตูทำไม คุณคิดว่าฉันจะกระโดดลงจากรถเพื่อทะเลาะกับคุณหรือไง”
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น” เฉินถิงเซียวมองไปข้างนอกอย่างไร้อารมณ์
มู่น่อนน่อนส่งเสียงเยาะเบาๆ จากนั้นก็ได้ยินเฉินถิงเซียวพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาบางเบา “แต่ถ้าในกรณีที่สมองคุณบวมน้ำแล้วคิดอยากกระโดดลงไปก็อีกเรื่อง”
มู่น่อนน่อน “………”
เธอรู้สึกว่าคนอย่างเฉินถิงเซียว ยังสามารถมีเพื่อนได้ก็ปาฏิหาริย์แล้ว
……
ถึงโรงพยาบาล เฉินถิงเซียวหยิบเสื้อคลุมด้านหลังมาห่อตัวให้มู่น่อนน่อน แล้วอุ้มเธอเข้าไปหาหมอ
มู่น่อนน่อนสังเกตเห็นเสื้อที่เฉินถิงเซียวห่อบนตัวเธอ มันเป็นเสื้อคลุมของเธอเอง
ตอนที่เธอไปงานเลี้ยง แค่เอาผ้าคลุมไหล่ไปผืนเดียว
ถ้าอย่างนั้น แสดงว่าก่อนหน้านี้ที่เฉินถิงเซียวไปเข้าร่วมงานเลี้ยง เป็นการเอาเสื้อมาให้เธองั้นเหรอ
เวลานี้ดึกแล้ว คนในโรงพยาบาลจึงมีไม่เยอะ
แต่เมื่อเฉินถิงเซียวอุ้มมู่น่อนน่อนเข้ามา ยังคงได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย
มู่น่อนน่อนหน้าบาง กระซิบกับเฉินถิงเซียวว่า “คุณวางฉันลง ฉันเดินเองได้”
“ได้”
เฉินถิงเซียวตอบรับง่ายๆ จนใจมู่น่อนน่อนค่อนข้างมีข้อข้องใจ
เฉินถิงเซียววางลงพื้น ปล่อยมือแล้วกอดอกมองเธอ “ไปสิ”
เท้าของมู่น่อนน่อนในตอนนี้เจ็บมากเมื่อขยับ เวลานี้ไม่สามารถลงพื้นได้เลย
คิดว่าเธอเป็นแบบนี้แล้วจะไม่มีทางเดินไปได้งั้นเหรอ
มู่น่อนน่อนเขย่งขา เกาะผนังพยุงช่วยกระโดดไปที่ห้องตรวจรักษา
เวลานี้เธอค่อนข้างดีใจที่ตัวเองมีรูปร่างดี
สีหน้าของเฉินถิงเซียวคล้ำลงฉับพลัน แถวนั้นมีหญิงชราเดินผ่านมา
หญิงชรามองไปทางเฉินถิงเซียว แล้วพูดกับคนข้างๆ ว่า “ผู้ชายสมัยนี้ไม่มีน้ำใจกับแฟนเลย สาวน้อยคนนั้นเท้าบวมมาก ดูแล้วน่าจะเจ็บ…”
เฉินถิงเซียวยิ่งหน้าคล้ำ แต่กลับส่งเสียงออกมาแก้ต่างว่า “ไม่ใช่แฟนครับ เป็นภรรยา”
“แบบนี้ก็ยิ่งน่าผิดหวังสิ ผู้ชายแบบนี้ หย่าไปเถอะ”
หญิงชราใส่อารมณ์มาก เสียงก็ดังลั่น แม้แต่มู่น่อนน่อนที่กระโดดไปข้างหน้าแล้วก็ยังได้ยิน
เธอส่งเสียงหัวเราะ “พรืด” ออกมา
หญิงชรายิ้มให้มู่น่อนน่อนแล้วพูดว่า “แม่สาวน้อย ฉันมีหลานชายเป็นผู้บริการบริษัทเสิ้งติ่ง หน้าที่การงานดี หน้าตาก็ดี คุณหย่ากับสามีคุณเลย แล้วมาพิจารณาหลานของฉัน!”
“………” มู่น่อนน่อนยิ้มไม่ออก
เฉินถิงเซียวหน้าบึ้งเดินหน้าไป “พวกเราจะไม่มีทางหย่ากัน!”
สีหน้าของเขาอึมครึมหนัก จนหญิงชราเหมือนจะหวาดกลัว และไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่มองมู่น่อนน่อนด้วยสายตาเป็นห่วงก่อนจะหันตัวเดินไป
มู่น่อนน่อนยิ้มขอโทษหญิงชรา
ความคิดของหญิงชราคนนี้แปลกและไม่หัวโบราณเลย คนชราทั่วไปล้วนไม่แนะนำให้แยกทางกัน
“มองอะไรนักหนา! เดินไปสิ!” เฉินถิงเซียวบอกอย่างหงุดหงิด
……
มู่น่อนน่อนมองเท้าแล้วออกมา มันเป็นเวลาตีสองแล้ว
ฤดูหนาวในเมืองหู้หยางนั้นหนาวมาก อุณหภูมิลบสิบองศาในตอนกลางคืนเป็นเรื่องปกติ
ครั้งนี้เฉินถิงเซียวอุ้มเธอออกไป เธอก็ไม่ได้ขัดขืนอีก
ทั้งสองตรงกลับบ้าน
ตอนที่เฉินถิงเซียวอุ้มมู่น่อนน่อนขึ้นไปชั้นบน เฉินเจียฉินโผล่ออกมาตรงปากบันไดหรี่ตามองพร้อมกับปอยผมลอนหัวยุ่งเหยิง
ตอนที่เห็นว่าคนที่เฉินถิงเซียวอุ้มอยู่คือมู่น่อนน่อน เขาก็เบิกตากว้างทันที “พี่น่อนน่อน คุณกลับมาแล้ว”
“ทำไมคุณยังไม่นอน”
เฉินเจียฉินเกาหัวตัวเองและพูดว่า “ผมลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำครับ…”
ดวงตายิบหยีเห็นได้ชัดว่าง่วงนอน หน้าตาท่าทางบ่งบอกชัดว่าไม่ได้ตื่นขึ้นมากลางดึก แต่ชัดเจนว่ายังไม่ได้นอน
สองคนกลับไปที่ห้อง เฉินถิงเซียวเข้าไปเปิดน้ำในห้องน้ำ
มู่น่อนน่อนนอนบนเตียง มีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย
การไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ ปรากฏว่ามีเรื่องราวรอบตัวเกิดขึ้นมากมาย
ผ่านไปไม่นาน เฉินถิงเซียวก็ออกมา “น้ำกำลังดีแล้ว ไปอาบน้ำ”
มู่น่อนน่อนกระโดดเข้าห้องน้ำ แต่เฉินถิงเซียวไม่ได้ออกไป
เธอหันหน้าไปพูดอย่างหงุดหงิด “คุณยังยืนอยู่ที่นี่ทำไม…” ทำอะไร!
สามคำสุดท้าย ถูกขัดจังหวะด้วยจูบที่ไม่คาดคิดของเฉินถิงเซียว
มือของเฉินถิงเซียวกระชับกอดรอบเอวเธอแน่นด้วยความแรง และจูบหนักหน่วงมาก
การถอดรองเท้าส้นสูงออก ทำให้ไม่มีข้อดีในส่วนสูง มู่น่อนน่อนถูกบังคับจนจำต้องเงยหน้ารับจูบของเขา
มู่น่อนน่อนถูกเขาผลักจนติดผนัง ด้านหนึ่งเป็นผนังเย็นเฉียบ ด้านหนึ่งเป็นหน้าอกร้อนรุ่ม ความรู้สึกแบบนี้ไม่ดีเลย
แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่ให้โอกาสเธอได้ต่อต้าน ตรงเข้าลูบคลำแล้วกระชากเสื้อผ้าของเธอออก