ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 163 นักแสดงนำหญิง ก็คือเธอเหรอ?
บทที่ 163 นักแสดงนำหญิง ก็คือเธอเหรอ?
ครั้งก่อนเรื่องที่มีคนแอบถ่ายเสิ่นเหลียง เพราะสุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก
และยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือเพราะว่า เรื่องแบบนี้ในวงการบันเทิงมีมากมายนับไม่ถ้วน แน่นอนว่าไม่สามารถที่จะเหน็ดเหนื่อยไปตรวจสอบได้ทุกเรื่อง
บริษัทเดิมก่อนหน้านี้ที่เสิ่นเหลียงเคยอยู่ บริษัทเสิ่งติ่งในตอนนี้ มีคนมากมายที่มีความสัมพันธ์ในการแย่งชิงแข่งขันและผลประโยชน์ทับซ้อนกับเสิ่นเหลียง ดังนั้นหลายคนจึงต้องการจัดการกับเสิ่นเหลียง
และผู้กำกับที่เสินเหลียงกำลังหาอยู่ เป็นชู้รักของหลัวหยิงพอดี นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน หลัวหยิงต้องรู้แต่แรกแล้วว่าช่วงนี้เสินเหลียงกำลังช่วยฉินอันดูบทละครอยู่ ดังนั้นจึงคิดจะปล่อยให้เสิ่นเหลียงรอเก้อ อยากให้เสิ่นเหลียงตกที่นั่งลำบาก
นี่ต้องเป็นแผนที่ถูกวางเอาไว้แล้วแน่นอน
เรื่องที่ไนต์คลับครั้งก่อนผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว หลัวหยิงก็ยังสามารถหาโอกาสมาเล่นงานเสิ่นเหลียงได้อีก คงจะแค้นฝังใจแล้ว
“ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเหลวไหลอะไร!” หลัวหยิงถลึงตามองมู่น่อนน่อน พูดด้วยเสียงสูงว่า “ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไร เสิ่นเหลียงเองอาจจะไปผิดใจกับใครถูกคนแอบบถ่าย เกี่ยวอะไรกับฉัน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้หล่อนก็ยังอยู่ตรงนี้ดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอ เธอเสียสติหรือเปล่า!”
“อย่าเอาเรื่องที่ผู้กำกับฉินไม่อยากพบพวกเธอ มาหาเรื่องใส่ร้ายป้ายสีฉันสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้!ฉันไม่มีเวลาจะมาล้อเล่นกับพวกเธอ ฉันจะเข้าไปก่อนแล้ว”
หลัวหยิงพูดจบ ก็หมุนตัวเดินเข้าไป สายตาเธอมองไปยังแผ่นหลังที่อยู่ไม่ไกลนัก ขมวดคิ้วพูดว่า “นั่นใครนะ คุณรีบหน่อยได้มั้ย ไปห้องน้ำนานขนาดนี้ อย่าปล่อยให้ประธานชิวที่อยู่ข้างในรอนาน”
มู่น่อนน่อนมองไปตามสายตาของหลัวหยิง ตอนที่เธอมองเห็นคนคนนั้นอย่างชัดเจน ก็ตกตะลึง
มู่หวั่นขีทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เธอกับหลัวหยิงร่วมมือกันจะทำอะไร
สีหน้ามู่หวั่นขีไม่ได้แปลกใจ เมื่อครู่เธอเองก็มองเห็นมู่น่อนน่อนแล้ว เตรียมจะเดินอ้อมกลับมา คิดไม่ถึงว่าจะถูกหลัวหยิงเห็นเข้า
ในก้นบึ้งหัวใจของมู่หวั่นขีแม้จะเต็มไปด้วยความไม่พอใจหลัวหยิง แต่สีหน้ากลับยังมีรอยยิ้มอยู่ “นี่ฉันก็มาแล้วไม่ใช่หรือไง!”
“รีบเข้าไปเถอะ กว่าฉันจะฉวยโอกาสมาให้เธอได้ไม่ใช่ง่ายนะ เธอต้องคว้าเอาไว้ให้แน่น” หลัวหยิงขยิบตาให้มู่หวั่นขี ส่งเสียงฮึ่มในลำคอ แล้วก็ยกขาก้าวไปข้างใน
มู่หวั่นขีรู้สึกได้ว่ามู่น่อนน่อนยังมองเธออยู่ หันไปถลึงตาใส่ “มองอะไรอยู่ได้”
“ไม่มีอะไร ก็แค่แปลกใจถ้าคุณปู่รู้ว่าเธอมาอยู่กับคนพวกนี้ เขาจะคิดยังไงก็เท่านั้น” มู่น่อนน่อนกอดอก มองมู่หวั่นขีอย่างพินิจพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า
วันนี้มู่หวั่นขีมีการเตรียมตัวมาพร้อมอย่างเห็นได้ชัด แต่งหน้าสวยงาม บนร่างสวมใส่ชุดเดรสแหวกอกลึกแนบเนื้อ ในคอเสื้อนั้นสามารถมองเห็นร่องอกได้อย่างชัดเจน……
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบ้าบอไร้สาระเมื่อก่อนของมู่หวั่นขี ความจริงนั้นเธอสวยมาก
“ถ้าเธอกล้าเอาเรื่องของฉันไปบอกคุณปู่ ฉันจะไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่!” มู่หวั่นขีข่มขู่เธอ
มู่น่อนน่อนไม่สนใจ ดึงเสิ่นเหลียงเตรียมจะไป
คิดไม่ถึงว่ามู่หวั่นขีจะเอ่ยปากพูดว่า “ทางที่ดีเธอสงบเสงี่ยมเจียมตัวไว้หน่อย รอให้ฉันได้เป็นนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมก่อน แต่งงานกับซือเฉิงหยู้ เป็นคนตระกูลมู่ เธอก็จะพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย”
มู่น่อนน่อนยังไม่ได้ยิ้ม กลายเป็นเสิ่นเหลียงที่หัวเราะเยาะออกมาก่อน
“ฮ่าๆๆ…… ” เสิ่นเหลียงจนตัวงอ “นักแสดงนำหญิง คือเธอเหรอ”
มู่น่อนน่อนเองก็อยากจะหัวเราะ
ที่เธออยากหัวเราะไม่ใช่เพราะมู่หวั่นขีจะกลายเป็นนักแสดงนำหญิงเรื่องนี้ และก็ไม่ใช่เพราะจะแต่งงานกับซือเฉิงหยู้ แต่หัวเราะประโยคสุดท้ายนั้น
——เป็นคนตระกูลมู่ เธอก็จะพลอยได้หน้าไปด้วย
คนตระกูลมู่เหรอ
เธอได้รับการยอมรับจากคนตระกูลมู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ไม่เคย ไม่เคยมาก่อนเลย
มองเห็นหน้ามู่หวั่นขีก็แทบจะระเบิดอารมณ์โกรธ มู่น่อนน่อนดึงเสิ่นเหลียงพลางพูดว่า“ไปเถอะ”
เมื่อครู่ตอนที่มู่น่อนน่อนและมู่หวั่นขีพูดคุยกัน หลัวหยิงก็ไม่ได้เข้าไป เธอเห็นมู่หวั่นขีรู้จักมู่น่อนน่อน ในใจรู้สึกเคลือบแคลงสงสัย “ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับเธอ”
มู่หวั่นขีกำลังโกรธเลือดขึ้นหน้า น้ำเสียงไม่ดีอย่างมาก“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
หลัวหยิงไม่ใช่คนที่จะหลอกง่ายๆ เธอรู้จักสังเกตสีหน้าท่าทาง เมื่อครู่คำพูดที่พวกเธอพูดคุยกัน เธอได้ยินอย่างชัดเจน ถามซักไซ้ “ปู่ของหล่อนก็คือปู่ของเธอเหรอ ดังนั้นหล่อนเป็นน้องของเธอ”
“ลูกของแม่เลี้ยง พ่อกับปู่ของฉันก็ไม่ได้ชอบหล่อน” ความรำคาญของมู่หวั่นขีแสดงออกมาให้เห็นบนใบหน้า
แต่หลัวหยิงกลับผิดปกติอย่างมากไม่สนใจท่าทีของมู่หวั่นขีเลยสักนิดเดียว ได้แต่ถามเรื่องของมู่น่อนน่อน
เธอพูดว่า“หล่อนก็คือน้องสาวที่แต่งเข้าตระกูลเฉินคนนั้นเหรอ”
“คุณคิดจะทำอะไร” มู่หวั่นขีจะซื่อบื้ออีกแค่ไหน ก้สัมผัสได้ว่าหลัวหยิงมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
หลัวหยิงมุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้ม นัยน์ตาฉายความโลภ “น้องเขยของเธอคือทายาทของตระกูลเฉิน เงินก้มี อำนาจบารมีก็มี ถ้าเธออยากจะเข้าวงการบันเทิง ไปหาเขาให้ช่วยไม่ใช่ว่าได้แล้วเหรอ”
“ไปหาเศษสวะอย่างนั้นมีประโยชน์อะไร” มู่หวั่นขีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ไม่ได้เอาคำพูดของหลัวหยิงมาใส่ใจเลย
หลัวหยิงกระตุกริมฝีปาก รู้สึกว่ามู่หวั่นขีผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่โง่จริงๆ
ตระกูลเฉินเป็นตระกูลมหาเศรษฐีชั้นนำของเมืองหู้ไห่ ต่อให้เฉินถิงเซียวจะทั้งอัปลักษณ์ทั้งไร้ประโยชน์อย่างไร แต่ก็มีทั้งเงินและอำนาจก็พอแล้วไม่ใช่หรือ
ถ้าเธอได้พบกับเฉินถิงเซียว ได้รับความชื่นชอบจากเขา อย่างนั้นต่อไปเธอก็ไม่ต้องผ่านมือระหว่างบรรดาผู้ชายไม่ซ้ำหน้ากันแล้ว……
……
มู่น่อนน่อนและเสิ่นเหลียงทั้งสองคนเดินเข้าห้องรับรองไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง
เสิ่นเหลียงถามเธอ “มู่หวั่นขีต้องสมองส่วนไหนผิดปกติ อยากจะเข้าวงการบันเทิงเหรอ คุณปู่แกจะยอมให้หล่อนเข้าวงการเหรอ”
“คุณปู่น่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้” หลังจากมู่เจิ้งซิวกลับมา มู่หวั่นขีก็สงบเรียบร้อยขึ้นไม่น้อย ในเมื่อมู่เจิ้งซิวมีความพลังที่จะกำราบอยู่มากกว่ามู่ลี่เหยียน
แต่เธอคิดไม่ถึงว่า มู่หวั่นขีดูเหมือนว่าจะจริงจังกับซือเฉิงหยู้ ถึงกับจะแต่งงานกับซือเฉิงหลังจากที่เข้าวงการบันเทิงเพราะอยากเป็นนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
“ไม่รู้จริงๆว่าในสมองหล่อนคิดอะไรอยู่……”
เสิ่นเหลียงยังพูดไม่ทันจบ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา
เธอรับสายแล้ว ก็หันไปพูดกับมู่น่อนน่อนว่า “ที่บ้านโทรมา มีเรื่องนิดหน่อยฉันต้องกลับไปที่บ้านก่อน”
“แกมีธุระก็ไปจัดการก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวฉันกลับเอง”
หลังจากเสิ่นเหลียงไปแล้ว มู่น่อนน่อนกลับมาที่ห้องรับรอง ไม่มีอารมณ์จะดื่มชา หยิบกระเป๋าออกไปขึ้นลิฟต์
มาถึงชั้นหนึ่ง พอประตูลิฟต์เปิด ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มสามคน ก็ปรากฏตรงหน้าประตูลิฟต์อย่างชัดเจน
“น่อนน่อน”
คนที่พูดขึ้นมาก่อนคือกู้จือหยั่น
ผู้ชายสามคนก็คือเฉินถิงเซียว กู้จือหยั่นและฟู้ถิงซี
ฟู้ถิงซีเห็นผู้ชายสองคนนี้ทำงานล่วงเวลาในบริษัทกันเหมือนคนบ้า จึงลากพวกเขาออกมาดื่มเหล้า คิดไม่ถึงว่าพอมาก็เจอกับมู่น่อนน่อน
เฉินถิงเซียวเดินอยู่หน้าสุด สายตาของมู่น่อนน่อนมองผ่านจากใบหน้าของเขาเลยไป มองไปยังกู้จือหยั่น “พวกคุณมาทานข้าวกันเหรอ”
“ใช่สิ คุณ……คนเดียวเหรอ” กู้จือหยั่นมีหน้าท่าทางอยากจะพูดแต่ก็ลังเลอีก มู่น่อนน่อนก็รู้ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพุดเขาคืออะไร
“อืม ตอนแรกมาพร้อมกับเสิ่นเหลียง แต่เธอมีธุระเลยกลับไปก่อน” มู่น่อนน่อนดึงสายสะพายกระเป๋าบนบ่าพูดว่า “พวกคุณไปทานข้าวกันเถอะ ฉันกลับก่อนนะ