ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 167 มีคนกำลังสะกดรอยตามพวกเรา
บทที่ 167 มีคนกำลังสะกดรอยตามพวกเรา
“ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันก็แค่เตือนเธอด้วยความหวังดีเท่านั้น” มู่หวั่นขีสีหน้าท่าทางหยิ่งยโส หางใกล้จะลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้ว
มู่น่อนน่อนยื่นมือไปคลำเอวที่ยังปวดเมื่อยอยู่นิดหน่อยของตนเองอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นก็ขยิบให้มู่หวั่นขี “เธอทำตัวเองให้ดีก่อนดีกว่าเถอะนะ!”
หลัวหยิงเป็นผู้หญิงที่อาศัยเนื้อหนังมังสาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แม้จะมีมลทินติดตัวมากมาย แต่ก็ยังโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปได้ นี่ก็แสดงว่าหลัวหยิงไม่ได้โง่เขลา เป็นคนมีสมองรู้จักคิดวางแผน
มู่หวั่นขีอยู่กับหลัวหยิง เป็นไปได้มากว่าจะถูกหลัวหยิงขายแน่ ถึงเวลาจะตายอย่างไรก็ยังไม่รู้
“ขอแค่เธอไม่เอาเรื่องของฉันไปบอกคุณปู่ ฉันยังไงก็ได้หมด”
มู่น่อนน่อนไม่ได้พูดอะไรกับหล่อนอีก เดินเข้าไปข้างในทันที
……
ตอนบ่าย มู่น่อนน่อนรับโทรศัพท์ บอกว่ามีคนจะมาหาเธอ ยังบอกว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
มู่น่อนน่อนสงสัยเล็กน้อย คิดไม่ออกว่าใครจะมาหาเธอ
ตอนที่เธอลงไป ก็เห็นผู้หญิงกำลังนั่งหันหลังให้เธออยู่ สวมชุดเซ็กซี่คล้ายกับมู่หวั่นขี ด้านหลังก็คุ้นตา……
หญิงสาวหันหน้ามา “คุณมู่”
มู่น่อนน่อนหยีตา หลัวหยิงมาหาเธอทำไม
มู่น่อนน่อนมองเธอด้วยสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเรียบเฉย “คุณมาหาผิดคนแล้วละ”
“วันนี้ฉันมาหาคุณ ฉันไม่ได้มาหามู่หวั่นขี แต่ฉันมาหามู่น่อนน่อน” หลัวหยิงเป็นผู้หญิงผ่านประสบการณ์บนเตียงกับผู้ชายมาอย่างโชกโชน ทุกท่วงท่ารอยยิ้มล้วนเต็มไปด้วยจริตจะก้าน
“มีเรื่องอะไร”
มู่น่อนน่อนไม่ได้รู้สึกเป็นมิตรกับหลัวหยิงเลยสักนิดเดียว แน่นอนว่าไม่คิดว่าที่หลัวหยิงมาหาตนเองจะมีเรื่องดีอะไร
ต่อให้มีเรื่องดี นั่นก็เป็น“เรื่องดี” ที่ละโมบโลภมาก
“เรื่องราวเหล่านั้นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นความผิดของฉันเอง วันนี้ฉันตั้งใจมาขอโทษเธอ” หลัวหยิงเอาผมที่หลุดออกมาทัดไว้ที่ใบหู ยกริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม แฝงด้วยความเย้ายวน
เธอพูดจบ ก็หยิบถุงกระดาษที่ปั๊มLOGOของแบรนด์เนมแบรนด์หนึ่ง ลุกขึ้นยืนส่งให้มู่น่อนน่อน “ถ้าคุณมู่ไม่ถือสา ก็ขอให้รับของขวัญแทนคำขอโทษของฉันไว้ด้วย”
หลัวหยิงคิดว่าตนเองได้แสดงความจริงใจมากพอแล้ว และก็นอบน้อมมากพอแล้ว
เธอเองก็ไปสืบมาแล้ว มู่น่อนน่อนก็แค่สาวน้อยที่เพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ เมื่อก่อนอยู่ที่บ้านตระกูลมู่ด้วยความยากลำบาก มีเพื่อนไม่เยอะ แต่งเข้าบ้านตระกูลเฉิน ใช้ชีวิตอยู่กับ“สวะ” ต้องลำบากมากแน่นอน
ผู้หญิงประเภทนี้ ใจอ่อนง่ายที่สุด และง่ายที่จะประจบเอาใจที่สุดด้วย
มู่น่อนน่อนเหล่มองถุงกระดาษในมือของหลัวหยิง “เธอควรจะไปขอโทษเสิ่นเหลียง สำหรับฉัน หากเธอบอกว่าครั้งนั้นที่ผับ ฉันไม่ได้เสียเปรียบอะไร ตอนหลังเรื่องที่เธอหาคนแอบเสิ่นเหลียง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน เธอต้องไปขอโทษกับเจ้าตัวเอง”
เห็นมู่น่อนน่อนกัดเรื่องแอบถ่ายไม่ปล่อย สีหน้าของหลัวหยิงก็ไม่ดีอย่างมาก
สตูดิโอที่เธอถ่ายทำในวันนั้นอยู่ไม่ไกลจากเสิ่นเหลียง พอเธอได้ยินว่าเสิ่นเหลียงอยู่ที่นั่น เธอก็ไม่สามารถยับยั้งความแค้นและความหึงหวงในใจได้ จึงคิดหาวิธีให้คนเอาเสื้อผ้าของเสิ่นเหลียงไป หาคนไปแอบถ่ายรูป
หากไม่กลัวว่าจะมีคนระแวงสงสัย เธอก็จะไปแอบถ่ายด้วยตัวเองแล้ว คงไม่ปล่อยให้ไอ้โง่สองคนนั้นทำแผนแตก
“ฉันไม่ได้ให้คนไปแอบถ่ายเสิ่นเหลียงจริงๆ คุณมู่คุณต้องเชื่อฉันนะคะ……” หลัวหยิงกัดริมฝีปาก เผยให้เห็นสีหน้าท่าทางเสียใจอย่างไร้เดียงสา
มู่น่อนน่อนขนลุกขนพองไปทั้งตัว หลัวหยิงใช้วิธีนี้กับผู้ชายได้ผล แต่ไม่ได้ผลกับเธอ
“ฉันยังมีงานต้องขึ้นไปก่อนแล้ว คุณหลัวตามสบายนะคะ” แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ
แม้ว่าที่เธอกลับไปตระกูลมู่ในตอนแรก เพราะเธอมีความคิดที่จะแก้แค้น แต่ด้วยนิสัยของเธอเป็นคนมีหลักการมีความรับผิดชอบ
รับเงินเดือน ก็ต้องทำงาน
หลัวหยิงมองแผ่นหลังมู่น่อนน่อน สองมือกำหมัดแน่น
มองสาวน้อยที่ไม่มีประโยชน์อะไร คิดไม่ถึงว่าจะชอบไม้แข็งไม่ชอบไม้อ่อน!
ตอนแรกเธอคิดจะเอาใจมู่น่อนน่อนสักหน่อย หลังจากได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากมู่น่อนน่อนแล้ว ก็จะได้โอกาสใกล้ชิดกับเฉินถิงเซียว ถึงเวลาขอแค่เธอลงมือจัดการกับเฉินถิงเซียว ต่อให้เฉินถิงเซียวจะเป็นผู้ชายไร้น้ำยา แต่ก็ต้องหลงใหลในตัวเธอ……
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นเธอก็ได้แต่ใช้อีกวิธีหนึ่งแล้ว
……
หลังจากที่มู่เจิ้งซิวกลับมาที่บริษัทมู่ซื่อ นำแผนงานออกมาใช้ พยายามกู้สถานการณ์ ทำให้บริษัทมู่ซื่อค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นมา
จุดนี้ มู่น่อนน่อนนับถือเขา
คนอายุเจ็ดสิบกว่า ยังต้องมาทำงานล่วงเวลาที่บริษัททุกวันกลางคืนยังต้องออกไปงานเลี้ยงสังสรรค์
สำหรับบริษัทมู่ซื่อ มู่เจิ้งซิวทุ่มเทเลือดเนื้อให้เต็มที่จริงๆ
ตอนใกล้เวลาเลิกงาน มู่น่อนน่อนเก็บของเตรียมจะกลับ จู่โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา
คือมู่เจิ้งซิวโทรมา
“เตรียมตัวเอาไว้ด้วย พรุ่งนี้ไปทำงานนอกสถานที่ที่เมืองCเป็นเพื่อนปู่”
“ทำงานนอกสถานที่เหรอ” ทำไมมู่เจิ้งซิวถึงอยากให้เธอไปทำงานนอกสถานที่เป็นเพื่อน
ก็ต่อให้มู่เจิ้งซิวต้องการจะหาคนไปทำงานเป็นเพื่อน ก็น่าจะหามู่หวั่นขีถึงจะถูก
“คืนวันนี้เตรียมตัวด้วย พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเจอกันที่สนามบิน” น้ำเสียงของมู่เจิ้งซิวไม่เปิดโอกาสให้ตั้งข้อสงสัย วางสายไปทันที
หากเป็นมู่ลี่เหยียน มู่น่อนน่อนยังพอจะไปสืบข่าวคราว แอบฟังได้ว่าทำไมเขาถึงให้เธอไปทำงานข้างนอก
แต่ว่า คนที่โทรหาเธอคือมู่เจิ้งซิว。
มู่เจิ้งซิวฉลาดหลักแหลมกว่ามู่ลี่เหยียนเล็กน้อย แต่ก็ยังตรงไปตรงมามากกว่ามู่ลี่เหยียน
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตอนนี้เธอก็เป็นคุณหญิงน้อยตระกูลเฉิน มู่เจิ้งซิวก็คงไม่เขาเธอไปขายหรอก
……
วันนี้คนที่มารับมู่น่อนน่อนตอนเลิกงาน คือคนขับรถคนอื่นในบ้าน สือเย่มักจะถูกเฉินถิงเซียวใช้ให้ไปทำธุระให้ ไม่ค่อยมีเวลามารับเธอ
ขึ้นรถมาไม่นาน มู่น่อนน่อนก็สังเกตว่าคนขับรถมองที่กระจกมองหลังตลอด
มู่น่อนน่อนก็มองไปทางด้านหลัง พบว่าไม่มีอะไรน่าสงสัย จึงถามว่า “มีอะไรเหรอ”
“มีคนกำลังสะกดรอยตามพวกเราครับ” คนขับรถพูดด้วยสีหน้าดุดัน “คุณหญิงน้อย คุณนั่งให้ดีๆนะครับ”
มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ได้แต่พูดว่า “ได้”
แม่ทัพที่แข็งแกร่งย่อมมีทหารที่เก่งกล้า ลูกน้องของเฉินถิงเซียว แม้แต่คนขับรถก็มีบทบาทไม่ธรรมดา
เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินเฉินเจียฉินพูดว่า คนขับรถในบ้านเป็นนักแข่งรถที่เกษียณตัวเองแล้ว ……
ต่อมา คนขับรถก็ขับรถเหมือนกับแข่งรถ บ้าอำนาจอยู่บนท้องถนน
รอจนรถค่อยชะลอตัวลง มู่น่อนน่อนก็เวียนหัวตาลาย
เธอหันไปพูดกับคนขับรถว่า “หยุดรถ!”
พอรถหยุดนิ่ง มู่น่อนน่อนก็รีบเปิดประตูรถกระโดดออกไป กอดถังขยะข้างทางอาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุง
คนขับรถรับหยิบกระดาษทิชชู่ลงมา “คุณหญิงน้อย ทำให้คุณต้องไม่สบายตัวเลยนะครับ”
“……ฉันไม่เป็นไร” หลังจากมู่น่อนน่อนเดินมา ก็ตีที่หัวไหล่คนขับรถเบาๆ “เก่งมาก!”
มู่น่อนน่อนและคนขับรถกลับไปในรถ
ตอนนี้รถมาถึงตีนเขาแล้ว อีกสิบกว่านาทีขับขึ้นเขาไปก็คือคฤหาสน์ของเฉินถิงเซียว
รถที่มู่น่อนน่อนนั่งมาขับไปไม่นาน ก็มีรถยนต์คันหนึ่งปรากฏที่ตีนเขา
หลัวหยิงลงจากรถด้วยสีหน้าขาวซีด เงยหน้ามองคฤหาสน์หลังนั้นที่อยู่บนเขาครึ่งหนึ่ง