ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 171 เดทส่วนตัวในคฤหาสน์หรู
บทที่ 171 เดทส่วนตัวในคฤหาสน์หรู
มู่น่อนน่อนตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย แต่ยังรู้สึกว่าการระวังพฤติกรรมตัวเองดูจะค่อนข้างปลอดภัยกว่า
เธอดึงประตูรถเปิดแล้วเข้าไปนั่งในรถก่อน
เพราะเป็นซือเฉิงหยู้ที่ขับ การนั่งด้านหลังจะรู้สึกว่าซือเฉิงหยู้เป็นคนขับรถ มันไม่สุภาพอย่างมาก มู่น่อนน่อนจึงเข้าไปนั่งที่ข้างคนขับ
รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างราบรื่น แล้วมู่น่อนน่อนก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเสิ่นเหลียง
แต่เมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อแล้วกลับไม่มีคนรับสายและตัดสายไปอัตโนมัติ
ในใจมู่น่อนน่อนคิดอย่างไม่ค่อยสบายใจ เสิ่นเหลียงคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม
กำลังคิดแบบนี้ เสิ่นเหลียงก็โทรเข้ามาหาเธอ
มู่น่อนน่อนรีบรับสายโทรศัพท์ “เสี่ยวเหลียง”
“น่อนน่อน เธออยู่ที่ไหน ก่อนหน้านี้ทำไมปิดมือถือ” ในน้ำเสียงของเสิ่นเหลียงค่อนข้างจริงจัง
หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว
ใจมู่น่อนน่อนค่อนข้างกังวล “ก่อนหน้านี้อยู่บนเครื่องบิน เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“เธอยังไม่เห็นข่าวเหรอ…” เสิ่นเหลียงพูดถึงตรงนี้จู่ๆ ก็หยุดกะทันหัน ดูเหมือนค่อนข้างไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร
“ข่าวอะไรเหรอ” ใจมู่น่อนน่อนเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
“คือว่าหลัวหยิง…” เสิ่นเหลียงไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากพูดเรื่องนี้อย่างไรดี ก่อนจะพูดออกมาอย่างค่อนข้างหงุดหงิดว่า “ฉันจะส่งรูปให้เธอ เธอไปดูเองเถอะ”
สายโทรศัพท์ถูกตัดไป ไม่นานมู่น่อนน่อนก็ได้รับการแจ้งเตือนข้อความวีแชท
คลิกเข้าไปในวีแชท พบว่าเสิ่นเหลียงส่งรูปมาให้เธอ ทั้งหมดเป็นภาพขนาดยาว สามารถมองออกได้เบลอๆ ว่ามันเป็นภาพแคปหน้าจอของพวกข่าวทางสื่อสิ่งพิมพ์และเว่ยป๋อ
หลังจากมู่น่อนน่อนขยายรูปภาพดูแล้ว ในที่สุดก็เห็นเนื้อหาบนนั้น
“ดาราสาวระดับสองกับคุณชายตระกูลใหญ่เดทส่วนตัวในคฤหาสน์หรู…”
ในเนื้อหาข่าวล้วนมีแต่การคาดเดาไร้แก่นสาร ในรูปด้านล่าง เป็นร่างหญิงสาวที่มีคฤหาสน์อยู่ข้างหลังเธอ มู่น่อนน่อนจำได้
เธอเคยเห็นหลัวหยิงหลายครั้ง และค่อนข้างจดจำหลัวหยิงได้แม่น เพียงแวบแรกก็จำได้ทันทีว่าผู้หญิงที่ใส่แว่นกันแดดคือหลัวหยิง
ส่วนคฤหาสน์ข้างหลังหลัวหยิง นั่นคือคฤหาสน์ของเฉินถิงเซียว!
ทันใดนั้นมู่น่อนน่อนก็นึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่หลัวหยิงไปหาเธอที่บริษัทมู่ซื่อ ไม่เพียงแต่ขอโทษเกินความจำเป็น แต่ยังซื้อของแบรนด์ดังมาขอโทษด้วย
ตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าหลัวหยิงมีจุดประสงค์อื่น แต่กลับไม่ได้คิดไปถึงตัวเฉินถิงเซียว เธอคิดว่าแค่ตัวเองปฏิเสธหลัวหยิงก็พอแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลัวหยิงจะไปหาเฉินถิงเซียวถึงคฤหาสน์
มันเหมือนกับสิ่งที่เธอคิดจริงๆ ต่อให้ในสายตาคนนอก เฉินถิงเซียวจะเป็นคนถ่อยที่“น่ารังเกียจและไร้มนุษยธรรม” เพียงแต่สถานะคุณชายตระกูลเฉินก็เพียงพอแล้วที่จะให้ผู้หญิงเริ่มเข้าหาถึงประตูบ้าน
มู่น่อนน่อนอารมณ์ค่อนข้างยุ่งเหยิงขึ้นมาฉับพลัน
ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวบอกไว้ก่อนแล้วว่าจะไม่มารับเธอ ที่บอกคือเรื่องนี้งั้นเหรอ
ด้านล่างพวกภาพเว่ยป๋อลงไปอีก ในเนื้อหาคือการวิเคราะห์สถานะของหลัวหยิงกับเจ้าของคฤหาสน์หลังนั้น
บทความยาวในเว่ยป๋อวิเคราะห์ทุกอย่างจริงจังอย่างมีเหตุมีผล ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้จักนิสัยหยิ่งผยองจองหองของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนเองก็ยังเชื่อในสิ่งที่เว่ยป๋อบอก “ถึงแม้จะไม่ดี แต่เซ็กซ์ประเคนถึงที่ใครจะปฏิเสธ”
ตอนที่เฉินถิงเซียวอยู่บนเตียงจะเหมือนหมาป่า
อ้อยเข้าปากช้าง
ผู้หญิงแบบใหนๆเฉินถิงเซียวก็มีอยู่แล้ว
มู่น่อนน่อนโต้แย้งคำพูดของเจ้าของโพสต์ไปที่ละขั้น เสิ่นเหลียงก็ไม่ได้อยู่เฉย ส่งข้อความหาเธอตลอด
“ก่อนหน้านี้ฉันก็รู้สึกได้ว่ามู่หวั่นชีกับหลัวหยิงคบกันไม่น่าจะเป็นเรื่องดี ผู้หญิงคนนั้นทะเยอทะยานเกินไปจริงๆ”
“ถ้ารู้แต่แรก ก่อนหน้านี้ฉันควรจะจัดการเธอให้ตายไปเลยแล้วให้เธอไสหัวออกไปจากวงการบันเทิง!”
“น่อนน่อน? เธอเห็นข้อความของฉันไหม ฉันคิดว่าต่อให้บอสใหญ่อยากจะทำเรื่องอย่างว่าจริงๆ ก็จะไม่มีทางหาผู้หญิงแบบหลัวหยิง อย่างน้อยก็ต้องหาสาวงามระดับชาติ สาวที่สวยและมีชื่อเสียง”
มู่น่อนน่อนเห็นแล้วหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก มีใครเขาปลอบแบบนี้บ้าง
อีกด้านหนึ่งซือเฉิงหยู้เห็นสีหน้าของมู่น่อนน่อนเปลี่ยนแปลงไม่หยุด จึงสอบถามอย่างใส่ใจว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรค่ะ” มู่น่อนน่อนเงยหน้าเหลือบตามองไปยังซือเฉิงหยู้ แต่มือก็ไม่ได้อยู่เฉย แก้ไขข้อความและส่งไปให้เสิ่นเหลียง
ข้อความที่เธอส่งออกไปคือ “พวกข่าวทางสื่อสิ่งพิมพ์และเว่ยป๋อถูกลบออกไปหมดแล้วใช่ไหม”
เสิ่นเหลียงตอบกลับทันที “ลบนานแล้ว”
งั้นก็ดี
“ฉันยังอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน รอฉันกลับไปถามเรื่องราวจากเฉินถิงเซียวก่อนค่อยว่ากัน” มู่น่อนน่อนส่งข้อความนี้ตอบกลับไปให้เสิ่นเหลียง แล้ววางโทรศัพท์มือถือลง
“เสี่ยวฉินเป็นยังไงบ้างคะ” หลายวันมานี้ไม่ได้เจอเฉินเจียฉิน จึงค่อนข้างคิดถึงเขามาก
“หาป้าคนหนึ่งมาช่วยทำอาหารให้เขาครับ อยู่บ้านทั้งวันไม่เล่นเกมก็ดูหนัง เมื่อสองสามวันก่อนยังบอกกับผมว่าอยากกลับไปอยู่กับเฉินถิงเซียว” เมื่อซือเฉิงหยู้พูดถึงตรงนี้ก็ยิ้มอย่างหมดหนทาง “ผมรู้สึกว่าตัวที่เป็นพี่ชายค่อนข้างไร้ความสามารถ”
ถึงเฉินเจียฉินจะฟ้องเขาตลอดว่าเฉินถิงเซียวทั้งโหดร้ายเย็นชาแถมยังไม่ให้ค่าขนมกับเขา แต่ไม่ได้ไปที่บ้านเขาหลายวัน ก็ร้องอยากกลับไปอยู่บ้านเฉินถิงเซียว
เดี๋ยวก็อยากทานอาหารที่มู่น่อนน่อนทำ เดี๋ยวก็บอกว่าตัวเองลืมเอาพวกหนังสือเรียนมา…
พูดไปพูดมา เฉินเจียฉินก็ยินดีจะอยู่กับเฉินถิงเซียวมากกว่าอยู่ดี
มู่น่อนน่อนไม่ได้ให้ซือเฉิงหยู้ส่งเธอกลับบ้าน เมื่ออยู่ใจกลางเมืองก็ลงจากรถ จากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับไปคฤหาสน์
“สวัสดีครับคุณหญิงน้อย!”
ทันทีที่เธอลงจากรถ บอดี้การ์ดที่คอยเฝ้าประตูก็ทักทายเธอทันที จากนั้นก็เข้ามาขนสมภาระให้เธอ
ในขณะที่มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปก็ส่งเสียงถามออกมาด้วยว่า “คุณชายของพวกคุณล่ะ”
บอดี้การ์ดบอกอย่างซื่อสัตย์ว่า “คุณชายออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วครับ”
เมื่อถึงประตูห้องโถงอาหูก็ออกมาต้อนรับ “ฉันอยู่ข้างในได้ยินพวกเขาเรียกคุณ กลับมาเที่ยวบินเช้าเหรอคะ มันเช้ามากคงยังไม่ได้ทานอะไร เมื่อเช้าทำโจ๊กให้คุณชายก็ไม่ได้ทานมากนัก ฉันจะอุ่นให้คุณชามหนึ่งนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ อาหู”
มู่น่อนน่อนเอ่ยขอบคุณ แล้วขึ้นข้างบนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทันทีที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเปิดประตู ก็ถูกรวบเข้าไปในอ้อมกอดอบอุ่นและอ่อนโยน
กลิ่นคุ้นเคยโชยเข้าจมูก มู่น่อนน่อนยื่นมือกอดกลับไป
เฉินถิงเซียวก้มจูบลงบนเส้นผมของเธอแผ่วเบา “กลับมายังไง สือเย่บอกว่าไม่ได้รับคุณที่สนามบิน”
ซึ่งมู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ปิดบัง “เจอพี่ใหญ่ที่สนามบิน เขาขับรถมาส่งฉัน พอถึงใจกลางเมืองแล้วฉันก็เรียกแท็กซี่กลับมา”
เธอรู้สึกได้ชัดมากว่าอารมณ์ของเฉินถิงเซียวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนจะค่อนข้างไม่พอใจ
“ครั้งก่อนที่งานเลี้ยงพี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจ นี่บังเอิญเจอที่สนามบิน เขาบอกว่าจะมาส่งฉัน ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้”
มู่น่อนน่อนอดทนอธิบายต่อเขา แต่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเวลานี้อารมณ์ค่อนข้างขุ่นมัวเล็กน้อย
ทั้งทั้งที่เฉินถิงเซียวบอกว่าจะไปรับเธอที่สนามบิน เธอยังคิดว่าลงจากเครื่องมาจะได้เห็นเฉินถิงเซียว ปรากฏว่าเขาบอกว่าจะไม่มารับ
“อืม” เฉินถิงเซียวส่งเสียงตอบด้วยอารมณ์คลุมเครือ แล้วก้มหน้าลงไปจะจูบมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนรีบผลักเขาออก “อาหูรอฉันลงไปทานอาหาร ฉันยังไม่ทันไปกินอาหารเช้า หิวมาก”
เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น ถึงแม้ยังค่อนข้างไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรอีก