ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 205 ถูกคนอื่นปาไข่ใส่
ตอนที่ 205 ถูกคนอื่นปาไข่ใส่
มู่น่อนน่อนตกตะลึงอยู่ครู่ถึงได้สติกลับคืนมา ผู้คุ้มกันนั้นเข้ามาขวางทางนักข่าวเอาไว้ “พวกเราไม่สะดวกให้สัมภาษณ์”
สือเย่ลงมาจากรถ เดินมาคุ้มกันมู่น่อนน่อนให้เดินเข้าไปที่ประตูบ้านตระกูลมู่
เธออดไม่ได้ที่เหลือบหันไปมอง
นักข่าวกลุ่มนั้นโดนผู้คุ้มกันกั้นเอาไว้ แต่พวกเขาก็ยังพยายามจะฝ่าเข้ามา และเอากล้องนั้นวางไว้บนหัว บนไหล่ของตัวเอง
ถึงแม้จะอยู่ในระยะทางที่ห่างกัน แต่มู่น่อนน่อนก็ยังคงสัมผัสได้ว่ามีแสงแฟลชส่องเข้ามาตลอด
บนโลกใบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยขาดพวกที่เอิกเกริก พวกเขาไม่เคยสนใจว่าจริงๆแล้วความจริงนั้นเป็นอย่างไร พวกเขาสนใจแค่สิ่งที่พวกเขานั้นต้องการจะเห็น และพวกเขาก็ไม่เคยสนใจว่าเรื่องราวเหล่านี้จะส่งผลกระทบอะไรถึงคุณบ้าง
ที่ผ่านมาไม่เคยเข้าใจและเห็นใจคนที่เจอเรื่องเหล่านี้ จนถึงเวลาที่ต้องมาเจอด้วยตัวเอง
มู่น่อนน่อนคิดไปด้วย พลางเดินเข้าไปในห้องรับแขกของบ้าน
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คนในตระกูลมู่คงก็ไม่กล้าออกไปไหน นอกจากมู่ลี่เหยียนที่ต้องเดินทางไปทำงานที่บริษัท คนที่เหลือก็อยู่ที่บ้าน
เมื่อคนรับใช้มองเห็นมู่น่อนน่อนเดินเข้ามา ก็รีบวิ่งไปบอกคนอื่นๆในบ้าน
ตอนที่เธอเดินเข้าไป เซียวชู่เหอและมู่เจิ้งซิวกำลังลงมาข้างล่างพอดี
เมื่อเซียวชู่เหอมองเห็นมู่น่อนน่อนก็เอ่ยปากเรียก “น่อนน่อน”
“คุณแม่” มู่น่อนน่อนกวาดสายตามอง แต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดหลังจากที่เรียก จากนั้นเขาก็หันไปมองที่มู่เจิ้งซิว “คุณปู่”
เซียวชู่เหอเดินตามมาที่ด้านหลังของคุณปู่มู่ เมื่อเดินถึงห้องโถงก็พูดอย่างระมัดระวัง “นั่งลงก่อน ฉันจะรินน้ำชาให้”
แววตาที่ถากถางปรากฏขึ้นมาที่ดวงตาของมู่น่อนน่อน เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นกับเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าเซียวชู่เหอจะไม่เป็นห่วงเธอเลย รู้แต่แค่จะคอยเอาใจคุณปู่มู่เท่านั้น
ตลอดชีวิตของเซียวชู่เหอนั้นเธอใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่ว่าคอยเอาใจมู่ลี่เหยียน ก็คอยเอาใจมู่หวั่นขี ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะคอยเอาใจมู่เจิ้งซิว
เธอมัวแต่สาละวนอยู่กับการคอยเอาอกเอาใจคนในตระกูลมู่ ยกเว้นแต่เธอคนเดียวเท่านั้น ลูกสาวที่เธอคลอดออกมาด้วยตัวเอง
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่เธอกลับไม่ถามไถ่อะไรเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเธอเคยชินกับการเพิกเฉยมู่น่อนน่อนไปแล้ว
หลังจากที่เซียวชู่เหอเดินออกไป มู่เจิ้งซิวก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและค่อยพูดออกมา “เรื่องของเธอที่อินเตอร์เน็ตฉันรู้หมดแล้ว ฉันตักเตือนและห้ามปรามพี่สาวเธอไปแล้ว โตขนาดนี้ยังทำเรื่องโง่ๆอยู่ได้!”
มีความโกรธและดุดันปนอยู่ในน้ำเสียงนั้น แต่คงพูดแบบนี้ได้แค่ต่อหน้าเธอเท่านั้น
“ฉันอยากพบเธอ” เป้าหมายที่มู่น่อนน่อนกลับมาที่ตระกูลมู่ก็เพราะว่าต้องการพบกับมู่หวั่นขี
มู่เจิ้งซิวกลับไม่ปฏิเสธอะไร และให้คนใช้พาเธอขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปพบกับมู่หวั่นขีมา
เพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตูห้องของมู่หวั่นขีมา ก็ได้เสียงของมู่หวั่นขีมาตะโกนโวยวายออกมา
“ปล่อยฉันออกไป!”
“พวกแกมันสาระเลว คอยดูละกันนะว่าฉันจะเอาคืนพวกแกยังไง! ฉันจะเอาคืนพวกแกให้สาสมเลย!”
ด่าออกมาได้ไม่กี่ประโยค ก็ดูเหมือนว่าเธอจะด่าจนเหนื่อย จากนั้นเสียงก็เงียบลง
เมื่อคนใช้มองเห็นมู่น่อนน่อนเดินมา ก็ก้มหัวลงด้วยความเคารพ “คุณนายสาม”
มู่น่อนน่อนพยักหน้าตอบรับ “เปิดประตูเถอะ”
มู่เจิ้งซิวบอกว่าตักเตือน เธอก็ไม่ได้คิดว่าจะทำถึงขั้นนี้ ถึงขั้นที่ขังมู่หวั่นขีไว้ในห้อง และให้คนใช้คอยเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องตลอดเวลา
คนใช้เปิดประตูออก มู่น่อนน่อนก็เดินเข้าไป
มู่หวั่นขีนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่บนโซฟา ก็ไม่รู้ว่าดูอะไรอยู่ ถึงได้ยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่คนเดียว ถึงขั้นที่มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปใกล้เธอก็ไม่รู้ตัว
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลงอย่างเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ดูแล้วมันสุขใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
มู่หวั่นขีมัวแต่ดูอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อได้ยินเสียงของมู่น่อนน่อน เธอก็สั่นไปทั้งตัว จากนั้นก็มองไปที่มู่น่อนน่อนด้วยสายตาที่ดุร้าย “แกเป็นผีหรือไง? เดินเข้ามาก็ไม่ให้ซุ่มให้เสียง?”
มู่น่อนน่อนไม่พูดอะไร เธอเดินตรงไปที่ด้านหน้า
มู่หวั่นขีวางโทรศัพท์ลง ใบหน้าเต็มล้นไปด้วยความพึงพอใจ “อุ๊ย นี่โดนถล่มขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกล้าออกมาข้างนอก ไม่กลัวคนอื่นเค้าปาไข่ใส่เหรอไง?”
เมื่อมู่หวั่นขีพูดจบ เธอก็ยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ แต่สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นมืดมนเล็กน้อย
“ก็กลัวสิ เลยมาหาเธอ” มู่น่อนน่อนจิกยิ้มที่มุมปาก มองด้วยหางตาด้วยท่าทางเย็นชา ดูไม่มีความหวาดกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่มู่หวั่นขีเกลียดมากที่สุดก็คือท่าทีที่ไม่รู้สึกอะไรของมู่น่อนน่อน เพราะไม่ว่าจะเรื่องไหนๆก็ทำอะไรเธอไม่ได้
เธออยากเห็นมู่น่อนน่อนย่อยยับ และทรมานอย่างบ้าคลั่ง
“เธอนี่มันไร้ยางอายจริงๆ ถูกคนด่าว่าเป็นเมียน้อยยังทำท่าทีไม่เป็นไร และยังไม่มีความละลายใจอีก” มู่หวั่นขีกัดฟันพูดออกมา
มู่หวั่นขีนั่งลงบนโซฟา มู่น่อนน่อนยืนอยู่ที่ตรงหน้าของเธอ “พูดมาเถอะว่าเรื่องทะเบียนสมรสมันคืออะไร”
วันนี้มู่น่อนน่อนใส่เสื้อผ้าของเสิ่นเหลียง ชุดของเธอทั้งหมดเป็นของแบรนเนม ชุดที่เธอให้มู่น่อนน่อนนั้นด้านนั้นคือสวมด้วยเสื้อสเวตเตอร์ และสวมแจ็คเก็ตหนังที่ด้านนอก ทำให้เธอดูเย็นชามากกว่าเดิม
ตอนที่เธอจ้องมองไปที่มู่หวั่นขีนั้น ทั้งตัวของเธอนั้นก็สง่าและเฉิดฉาย
มู่หวั่นขีกำลังจะพูดความจริงออกมาโดยไม่รู้ตัว “คือซือ……”
เธอพูดออกมาแค่สองคำ จิตใต้สำนึกก็ดึงเธอกลับมา และเธอก็รู้ตัวว่ากำลังพูดอยู่กับมู่น่อนน่อน
แล้วทำไมเธอจะต้องพูดความจริงกับมู่น่อนน่อนด้วย เธอบ้าไปแล้วเหรอไง?
“เธอรู้แค่ว่าทะเบียนสมรสอันนั้นเป็นของจริงก็พอแล้ว และแก……มู่น่อนน่อน ก็เป็นได้แค่เมียน้อยเท่านั้นแหละ!” มู่หวั่นขีเน้นย้ำในประโยคสุดท้าย
สีหน้าของมู่น่อนน่อนไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มือของเธอนั้นกำหมัดไว้แน่น
“เธอไม่พูดฉันก็พอจะรู้” มู่น่อนน่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อทำให้ใจตัวเองสงบลง “ซือเฉิงหยู้ให้เธอเป็นคนทำสินะ”
มู่หวั่นขีรีบปัดหนีความจริง “ฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร ซือเฉิงหยู้เป็นแค่ตัวประกอบในวงการบันเทิง ทำไมเขาต้องทำรูปภาพนั้นขึ้นมาด้วย เธอคิดมากเกินไปแล้ว”
เวลาที่คนพูดโกหกนั้น จะไม่กล้าสบตาคนอื่น
มู่หวั่นขีก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
มู่น่อนน่อนคิดว่าเธอคงคิดผิดแล้วแหละ เพราะบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ตอนแรกเธอยอมรับว่าซือเฉิงหยู้เป็นคนแบบนั้น ไม่มีทางที่จะชอบในตัวของมู่หวั่นขีแน่นอน
แต่ในท้ายที่สุด ซือเฉิงหยู้และมู่หวั่นขีร่วมมือกันให้เธอและเฉินถิงเซียวมาอยู่ในเส้นทางเดียวกัน
มู่น่อนน่อนเก็บแววตาของเธอ และนั่งลง พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ดูจากท่าทางแล้วซือเฉิงหยู้ก็ไม่ค่อยอะไรกับเธอเท่าไหร่เลยนะ และเธอเอง แค่สถานะจริงๆของเขาก็ยังไม่รู้เลย”
เธอสังเกต เพียงแค่พูดถึงซือเฉิงหยู้ มู่หวั่นขีก็มีท่าทีที่ดูตรึงเครียด เพราะมู่หวั่นขีนั้นรักซือเฉิงหยู้จริงๆ
เสิ่นชูหานในเมื่อก่อน รวมถึงพวกผู้ชายที่วุ่นวาย ก็ไม่เคยเห็นมู่หวั่นขีดูตรึงเครียดเท่านี้มาก่อน
“นี่มันห้องของฉัน เธอออกไปเดี๋ยวนี้” มู่หวั่นขีตะโกนไล่มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา เธอลุกขึ้นและหันตัวกลับ “ถ้าอย่างนั้นฉันไปล่ะ”
ที่เธอมาในวันนี้ ก็แค่ต้องการความมั่นใจ ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่มู่หวั่นขีและซือเฉิงหยู้ร่วมมือกัน
คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะได้คำตอบที่แท้จริงเสียที ไม่มีคำว่าไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป
รูปภาพทะเบียนสมรสนั้นซือเฉิงหยู้ให้มู่หวั่นขีเป็นคนทำ มู่หวั่นขีกำลังโดนซือเฉิงหยู้หลอกใช้