ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 210 น่อนน่อน เธอต้องการที่จะอยู่กับฉันไหม?
ตอนที่ 210 น่อนน่อน เธอต้องการที่จะอยู่กับฉันไหม?
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น พูดด้วยแววตาหนักแน่น “ไม่ไป”
เฉินถิงเซียวสั่นเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนยื่นมืออกไป แล้วเอามือของเขานั้นออกจากคางของเธอ “ไม่ต้องมาจับคางของฉัน มันเจ็บ!”
มู่น่อนน่อนทำท่าทางปฏิเสธอย่างชัดเจน เฉินถิงเซียวถามด้วยความสงสัย “มู่น่อนน่อน เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”
“ฉันอยากเขียนบทละคร พอดีว่ากำลังมีอารมณ์เขียน” มู่น่อนน่อนผลักเขาและลุกขึ้น จากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นบน
สื่อเผยภาพถ่ายของเธอ เธอไม่ได้ออกจากบ้านหลายวัน
และก็ยังไม่สามารถไปทำงานที่บริษัทเสิ้งติ่งได้
นอกจากตั้งใจเขียนบทละคร เธอก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทำอะไรได้อีก
เฉินถิงเซียวจ้องมองมู่น่อนน่อนที่กำลังเดินขึ้นชั้นบนไป และกำหมัดของตัวเองไว้แน่น
……
ด้วยการจัดการของเฉินถิงเซียว ไม่นานนักข่าวของมู่น่อนน่อนก็ค่อยๆหายไป
แน่นอนว่าวงการบันเทิงคงไม่ขาดหายจากข่าวแบบนี้ แต่เมื่อมีข่าวใหม่ประเด็นร้อนเข้ามาก็หายไป
ก็เพราะเหตุผลนี้จึงมีการพาดหัวข่าวประเด็นร้อนมากมาย
แต่สิ่งที่มู่น่อนน่อนคิดไม่ถึงก็คือ ซือเฉิงหยู้โพสต์อธิบายในWeiboถึงเรื่องที่ไปกินข้าวกับเธอ
สร้างเหตุผลมากมายเพื่อให้สถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
แต่ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะสบายใจแล้ว แต่ชีวิตของมู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
หลังจากที่เรื่องผ่านไปหลายสัปดาห์ เสิ่นเหลียงก็นัดมู่น่อนน่อนออกไปข้างนอก
ครั้งที่แล้วเพราะเรื่องงานแต่งงาน จึงทำให้สงครามเย็นเกิดขึ้น
เฉินถิงเซียวนั้นกำลังยุ่งตลอดทั้งวัน มู่น่อนน่อนก็ยุ่งอยู่กับการเขียนบทละคร
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะมากินข้าวด้วยกัน จะนอนเตียงเดียวกัน แต่ก็ไม่มีการสื่อสารใดๆ
แต่เมื่อรู้ว่ามู่น่อนน่อนจะออกไปข้างนอก เฉินถิงเซียวก็รีบจัดเตรียมบอดีการ์ดเพื่อไปส่งเธอ
มู่น่อนน่อนยังไม่ทันจะได้คิดก็ปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ฉันแค่จะไปเดินเล่นที่ห้างกับเสิ่นเหลียงแค่นั้นเอง”
หลังจากที่พูดแบบนั้นออกมา เธอก็รู้สึกเย็นวูบไปทั้งหลัง
มู่น่อนน่อนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็ก้าวเดินต่อไปตามปกติ
แค่รู้สึกสงสารบอดีการ์ด ทุกคนทำได้แค่ยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆออกมา
เฉินถิงเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆ “เมื่อกี้ฉันพูดว่าอะไร?”
เขากัดฟันอย่างแรงในการที่จะพูดคำแต่ละคำนั้นออกมา บอดีการ์ดกลุ่มนั้นก็ยินตัวสั่น และตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ครับ”
จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปราวกับว่าได้เห็นผี
มู่น่อนน่อนเดินไปถึงแค่ด้านนอกของบ้าน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนวิ่งตามมา
เธอยังไม่ทันจะกลับมา บอดีการ์ดเหล่านั้นก็เดินมาถึงที่ด้านหน้าของเธอ
รถคันหนึ่งมาจอดที่ตรงหน้าเธอ บอดีการ์ดคนหนึ่งก็เปิดประตู “คุณผู้หญิงครับ เชิญขึ้นรถ”
นอกจากบอดีการ์ดคนี้จะเปิดประตูรถแล้ว คนอื่นๆก็ยืนล้อมตัวเธอเอาไว้ราวกับว่ากลัวเธอจะหนีไป
มู่น่อนน่อนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับเรื่องนี้
เจ้านายเป็นอย่างไร ลูกน้องเป็นอย่างนั้นแหละ
ไม่มีเหตุผลเหมือนกันเลย
“พอแล้วๆ แยกย้ายกันไปเถอะ แค่ฉันขึ้นรถก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?” มู่น่อนน่อนพูดจบก็ก้มตัวขึ้นรถไป
บอดีการ์ดทั้งหมด “……” สัมผัสได้ว่าคุณผู้หญิงของพวกเขานั้นจะได้เหตุการณ์นี้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
……
เดิมทีมู่น่อนน่อนคิดว่าจะเดินเล่นชิลๆกับเสิ่นเหลียงแบบสบายใจ ผลปรากฏว่าเฉินถิงเซียวนั้นส่งคณะบอดีการ์ดมาเดินตามเธอ
ไม่ว่าตัวของเธอจะเดินไปที่ไหน คนกลุ่มนั้นก็จะตามเธอไปด้วย เมื่อเธอหยุดเดินพวกเขาก็หยุด
เมื่อเสิ่นเหลียงเห็นคนกลุ่มนั้นเดินตามเธอมา ก็เบิกตากว้างโต “นี่เธอออกมาจากพระราชวังหรือไง? ถึงได้มีขบวนติดตามเธอเยอะขนาดนี้?”
มู่น่อนน่อนหันไปมองบอดีการ์ด
เมื่อบอดีการ์ดเห็นว่ามู่น่อนน่อนมอง พวกเขาก็ค่อยๆมองถาม
มู่น่อนน่อนถอยหายใจออกมา “พระราชวังอะไรกันละ นี่มันเห็นได้อย่างชัดเลยจะว่า เฉินถิงเซียวบ้าไปแล้ว”
เมื่อไม่มีทางเลือก ก็ทำได้เพียงเดินเล่นไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ต้องรีบหาร้านอาหารนั่งทานข้าว
เพราะว่าบอดีการ์ดเยอะเกินไป จึงทำได้เพียงหาร้านอาหาร
จากนั้นเธอก็ได้สั่งอาหารให้กับบอดีการ์ดที่ด้านนอก
พวกเขาตามเธอมาตลอดครึ่งวัน ก็รู้สึกหิวไม่ใช่น้อย พอได้นั่งลงก็กินกันอย่างมูมมามทันที
เสิ่นเหลียงเห็นแบบนั้น ก็บอกให้มู่น่อนน่อนไปเปลี่ยนชุด และค่อยๆหนีพวกเข้าออกไป
ทั้งสองคนเดินชอปปิ้งด้วยกัน
ทั้งสองก็ออกจากทางประตูด้านหลังของร้าน และปล่อยให้พวกบอดีการ์ดอยู่ที่นั่น พวกเธอไปตลาดกลางคืนที่ด้านหลังของโรงเรียน
ทั้งสองคนเดินทานอาหารข้างทาง ทานไปด้วยและพูดคุยกันไปด้วย
“บางมีก็คิดถึงชีวิตของมัธยมปลายเหมือนกันเนอะ”
“ทำไมละ?” ปากของเสิ่นเหลียงนั้นเลอะขนมไปหมด เธอเช็ดปากไปด้วยและเอ่ยปากถามไปด้วย
มู่น่อนน่อนหัวเราะออกมา “ชีวิตเรียบง่ายดี”
ชีวิตประจำวันนอกจากเรียนหนังสือ ก็ต้องล่องหนไร้ตัวตนอยู่ในตระกูลมู่ ตอนนี้พอคิดย้อนไปมันก็ไม่ได้แย่
เสิ่นเหลียงได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา เขาโยนเนื้อเสียบไม้ลงในถังขยะทั้งที่ยังทานไม่เสร็จ “ฉันไม่เห็นจะคิดถึงชีวิตตอนช่วงนั้นเลย”
มู่น่อนน่อนกำลังจะถามเหตุผลของเธอ แต่ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“น่อนน่อน”
เสียงของผู้ชายคนนั้นมันดูช่างคุ้นเคย แต่เธอคิดไม่ออกว่าคือใคร
พอหันหลังกลับไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเสิ่นชูหานที่ไม่ได้เจอกันมานาน
เมื่อเสิ่นชูหานมองมู่น่อนน่อนเขาก็ยิ้มออกมา
เขาฝ่าฝูงคนและวิ่งเข้ามาหาเธอ พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น “เป็นเธอจริงๆด้วย!”
ไม่รอให้มู่น่อนน่อนพูด เสิ่นเหลียงก็เดินเข้าไปตัดหน้ามู่น่อนน่อน “เสิ่นชูหานเหรอ? นี่นายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ตลาดกลางคืนตรงนี้ไม่ใช่เขตพื้นที่ที่เจริญ ขายของในราคาที่ถูก คนที่แวะมาซื้อของนอกจากจะเป็นกลุ่มชาวบ้าน ก็จะมีกลุ่มนักเรียน แต่เสิ่นชูหานนั้นกลับมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญ
เมื่อเสิ่นชูหานได้เห็นเสิ่นเหลียงก็ตกตะลึง “เสิ่นเหลียงก็อยู่ด้วยเหรอ”
เสิ่นชูหานและเสิ่นเหลียงนั้นเป็นญาติกัน แต่สนิทกันมากแค่ไหนนั้นเสิ่นเหลียงก็จำไม่ค่อยได้ แค่ก็เจอกันบ้างในบางครั้งที่งานเลี้ยงหรือการนัดรวมกัน ก็พอรู้จักบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สนิทกันและไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อกันเท่าไหร่
เสิ่นเหลียงนั้นเกลียดมู่หวั่นขี แต่นอนว่าเธอก็คงไม่ชอบคนที่เคยอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่งกับมู่หวั่นขี เธอกอดอก ขมวดคิ้วและถามว่า “ฉันถาม นายก็ตอบสิ”
เสิ่นชูหานเห็นว่ามู่น่อนน่อนนั้นไม่พูดอะไรออกมา จึงพยายามอธิบาย “ฉันเห็นพวกเธอก่อนที่จะเข้าไปในร้านอาหาร แต่ไม่ค่อยแน่ใจ ก็เลยแอบตามมา”
เสิ่นเหลียงได้ยินแบบนั้น ก็ถามกลับไป “แล้วจะถามพวกฉันมาทำไม?”
เสิ่นชูหานโดนเสิ่นเหลียงถามจนสีหน้าเปลี่ยนสี แต่ก็ไม่สนใจที่เธอนั้นพูดอีก หันไปมองมู่น่อนน่อนและเอ่ยปากพูด “น่อนน่อน ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ”
“เรื่องอะไร?” มู่น่อนน่อนมองไปที่เสิ่นชูหานอย่างไม่สบอารมณ์
เธอไม่ได้รู้สึกว่าเสิ่นชูหานมีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกับเธอ
เสิ่นชูหานมองไปที่เสิ่นเหลียง แสดงออกทางแววตาอย่างชัดเจน เพื่อให้เสิ่นเหลียงนั้นออกไป
ถ้าเสิ่นเหลียงเดินออกไปสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก
“ถ้าไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องพูดนะ” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ดึงเสิ่นเหลียงเพื่อจะเดินออกไป
“เดี๋ยวสิ” เสิ่นชูหานรีบเรียงมู่น่อนน่อนเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อน “น่อนน่อน เธอต้องการที่จะอยู่กับฉันไหม?”
มู่น่อนน่อน “……”
เสิ่นเหลียง “…