ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 241 มีคุณอยู่ มันจะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะคะ
เมื่อมู่น่อนน่อนได้ยินคำเหล่านี้ก็อารมณ์ดีขึ้น
เธอได้ยินว่าเขาได้รับบาดเจ็บ จึงใส่ใจเขา แล้วโทนเสียงของเขาแบบนี้คืออะไร
“เฉินถิงเซียว ให้โอกาสคุณพูดอีกครั้ง” เธอเดินไปหน้าโต๊ะทำงานของเฉินถิงเซียว แล้วตบแผ่นเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าเขา
เฉินถิงเซียวยื่นมือมาลูบเรียวคิ้ว “ผมยังมีงานต้องทำจริงๆ”
เอาเถอะ เห็นแก่โทนเสียงของเขาที่ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก จึงไม่คิดหยุมหยิมอีก
แต่มู่น่อนน่อนก็ยังไม่สบายใจถึงถามอีกรอบ “คุณไม่บาดเจ็บจริงเหรอ”
“ไม่” ทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเฉินถิงเซียวก็ผิดแปลกเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนออกไปอย่างข้องใจ
ตอนลงไปข้างล่าง เธอได้พบกับอาหู
“คุณหญิงน้อย มือของคุณผู้ชายได้รับบาดเจ็บใช่ไหมคะ”อาหูถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“เขาไม่ได้มือเจ็บค่ะ”
มู่น่อนน่อนครุ่นคิดแล้วถามเธอว่า “ทำไมอาหูคิดว่าเขามือเจ็บคะ ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันตามเขากลับมาจากบ้านเก่า เขายังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ”
“ก่อนหน้านี้เหรอคะ ตอนแรกฉันเอาน้ำหวานขึ้นไปให้คุณ ปรากฏว่าเผลอไปชนคุณผู้ชายตรงระเบียง ตอนนั้นเขาปกป้องระวังมือของตัวเองมากเลยค่ะ ฉันจึงไตร่ตรองดูแล้วคิดว่าน่าจะมีอาการบาดเจ็บ…”
อาหูพูดจบ ก็บ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ต่อให้ไม่มีบาดแผลชัดเจน ก็มีแผลที่ซ่อนไว้…”
มู่น่อนน่อนถามอย่างตกตะลึง “ตรงทางเดินเหรอ เขาเพิ่งออกจากห้องนอนไปที่อื่นเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ” อาหูขมวดคิ้ว สีหน้ายังคงดูกังวล
สมองมู่น่อนน่อนไฟฟ้าลัดวงจรไปหลายนาที จากนั้นก็จ้องอาหูพลางพูดอย่างค่อนข้างไร้วิญญาณ
“ไม่เจ็บจริงเหรอคะ งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ” ได้ยินอาหูพูดอย่างนั้นก็วางใจก่อนจะหันหลังเดินจากไป
หลังจากอาหูเดินไป มู่น่อนน่อนก็มองขึ้นไปข้างบน รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองค่อนข้างร้อน ก่อนจะทรุดนั่งลงบนโซฟา
คงจะไม่ใช่เพราะเธอจูบมือเขา เขาจึงระมัดระวังจนเป็นสมบัติล้ำค่าเสมือนว่าได้รับบาดเจ็บใช่ไหม
จริงๆ เลย…
……
ในช่วงเย็น เฉินถิงเซียวรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนจ้องมองเขาอยู่ตลอด
สุดท้าย เมื่อมู่น่อนน่อนวางชามลงบนโต๊ะพร้อมกับคีบอาหารอีกครั้ง เฉินถิงเซียวถึงได้เปิดปากพูด “มู่น่อนน่อน คุณเป็นอะไรไป”
“คะ?” มู่น่อนน่อนก้มหน้ามอง เห็นว่าตัวเองกำลังคีบอาหารอยู่ จึงรีบชักตะเกียบกลับ “ทำไมคะอาหารหล่นลงบนโต๊ะอีกแล้วเหรอ”
เฉินถิงเซียวมองเธออย่างเย็นชา สีหน้าของเขาแสดงออกชัดเจนว่า‘กำลังดูคุณเสแสร้งอยู่เงียบๆ’
มู่น่อนน่อนเกิดตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย
เธอก็ไม่อยากฟุ้งซ่านสติหลุดลอยอยู่ตลอดหรอกนะ
เธอเพียงแค่อย่างไรก็คิดไม่ออก โดยปกติแล้วเฉินถิงเซียวที่ดูเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็ง ทำไมถึงทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นได้
เนื่องจากตอนที่เขาใช้สายตา‘เป็นห่วงคนโง่’มองเธอ ซึ่งเธอรู้สึกว่าแค่เฉินถิงเซียวสามารถมองเธอโดยไม่ใช้สายตารังเกียจก็เอาเธอไปวางไว้ในใจแล้ว
ไม่กล้าคิดเลยว่าเพราะเธอจูบมือเขา เขาจะปกป้องมือขนาดนั้น…
ถ้าเขาทานอาหารเสร็จ คงจะไม่ถึงขนาดไม่กล้าล้างมือหรอกนะ
ความคิดนี้วนวนในสมองมู่น่อนน่อน
ตอนที่เธอทานอาหารเสร็จ เธอจ้องมองเฉินถิงเซียวอย่างใจจดใจจ่อ “ไปล้างมือด้วยกันเอะค่ะ”
เป็นอีกครั้งที่เฉินถิงเซียวใช่สายตา‘เป็นห่วงคนโง่’มอง “คุณควรไปดูหนังกับเสี่ยวฉินดีกว่านะ”
เมื่อพูดจบ เฉินถิงเซียวก็เดินออกจากห้องอาหารไป
“เฮ้!” เฉินเจียฉินยื่นมือออกไปโบกไปโบกมาตรงหน้ามู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองเขา กำลังจะพูด ก็ถูกเฉินเจียฉินส่ายหน้าเหล่มองอย่างเหยียดๆ “เมื่อครู่ตอนที่คุณมองญาติผู้พี่ ดวงตาแทบจะหลุดออกจากเบ้าอยู่แล้วนะครับ”
“จริงเหรอ” มู่น่อนน่อนแตะใบหน้าตัวเอง ไม่กล้านึกภาพตัวเองที่จ้องมองเฉินถิงเซียวระหว่างมื้ออาหาร
“ญาติผู้พี่ผมภูมิใจตายไปแล้วแหละ” เฉินเจียฉินย้ายเก้าอี้ไปนั่งใกล้มู่น่อนน่อน สีหน้าบอกว่า‘ผมเข้าใจดีครับ’ “สำหรับผู้ชาย ต้องปฏิเสธว่ายินดีถึงจะได้ คุณไม่สามารถแสดงความหลงใหลในตัวเขามากเกินไป…”
เจ้าเด็กน้อยนี่ไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากไหนกันนะ
มู่น่อนน่อนขัดจังหวะคำพูดของเขา “คุณพูดไม่ถูก ฉันไม่ได้แสดงความหลงใหลในตัวเขามากซะหน่อย คุณไม่รู้สึกเหรอว่าเขาชอบฉันมากกว่าน่ะ”
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่จูบมือเขา…
มันแสดงให้เห็นอย่างเต็มเปี่ยมว่าเฉินถิงเซียวหลงใหลเธอมากแค่ไหน!
เฉินเจียฉินกระตุกมุมปาก “เกรงว่าคุณจะสร้างภาพลวงตาที่แปลกประหลาดแล้วแหละ”
“เมื่อครู่ฉันเรียกให้เขาไปล้างมือด้วยกัน เขาปฏิเสธ ฉันจะบอกคุณนะว่าก่อนหน้านี้…” มู่น่อนน่อนครุ่นคิดว่าจะบอกเฉินเจียฉินเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือไม่
เพราะอย่างไรเฉินเจียฉินก็ยังเด็ก จะได้รับผลกระทบที่ไม่ดีหรือเปล่า
เฉินเจียฉินสีหน้าเห็นใจ “ไม่สู้คุณชวนญาติผู้พี่ไปห้องน้ำดีกว่า มันยังเป็นเรื่องปกติหน่อย”
มู่น่อนน่อน “………”
อย่างที่คาดไว้เลย ทั้งหมดล้วนเป็นเธอสร้างภาพขึ้นมาเอง
……
เรื่องที่ซือเฉิงหยู้ทารุณกรรมและฆ่าลูกสุนัข ยังวนเวียนอยู่บนอินเตอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง
บางคนที่คนรักสุนัขประณามซือเฉิงหยู้บนอินเทอร์เน็ต แถมยังซื้อการค้นหายอดนิยมมาคุมคามด่าว่าสาดเสียเทเสียอย่างเต็มที่
ต่อมาซือเฉิงหยู้ก็ไปพัวพันกับเหตุการณ์เปิดห้องพักโรงแรมกับดาราหญิงที่แต่งงานแล้วอีก
สรุปแล้ว เริ่มต้นด้วยเรื่องที่ซือเฉิงหยู้ทารุณกรรมและฆ่าลูกสุนัข ก็มีเรื่องอื้อฉาวของเขาเรื่องระเบิดตามมาอีก
มู่น่อนน่อนกลัวว่าเฉินเจียฉินจะเห็นสิ่งนี้ จึงชวนเฉินเจียฉินดูหนังทุกวัน ไม่อย่างนั้นก็สั่งให้เฉินเจียฉินไปกำจัดวัชพืชในสวน
แน่นอนว่าการออกแรงกำจัดวัชพืชคือผลงานของเฉินเจียฉิน ส่วนทั้งหมดที่มู่น่อนน่อนต้องทำก็คือสวมใส่เสื้อผ้าขนสัตว์กอดถุงร้อนมองดูก็พอ
เฉินถิงเซียวยุ่งจนเท้าไม่แตะพื้น จนกระทั่งถึงวันก่อนวันปีใหม่ เขาไม่ได้ไปบริษัทเลย
ในตอนเช้าตรู่ บ้านเก่าโทรมา ให้พวกเขากลับไปบ้านเก่าเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันสิ้นปี
ทัศนคติของเฉินถิงเซียวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ไม่ไป”
มู่น่อนน่อนรู้ว่าที่เฉินถิงเซียวปฏิเสธอย่างไม่ใยดีเป็นเพราะเธอ
แต่เฉินถิงเซียวกลับไปที่บริษัทเฉินซื่อแล้ว ไม่ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเฉินชิงเฟิงจะแข็งกร้าวมากแค่ไหน มันก็ถึงเวลาที่ควรพยายามประนีประนอม
“กลับไปเถอะ” มู่น่อนน่อนโน้มน้าวเขา “อย่างมากก็กลับไปแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น”
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว กำลังจะเปิดปากพูดอะไร แต่มู่น่อนน่อนขัดจังหวะเขาเสียก่อน พูดอย่างจริงจังว่า “มีคุณอยู่ มันจะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะคะ”
เมื่อเฉินถิงเซียวได้ยินก็ค่อนข้างตกใจ
จากนั้นก็ดึงเธอมาจูบลงไปที่ด้านหลังศีรษะ
ทันทีที่จูบเสร็จ เขาก็เอื้อมมือไปลูบผมเธอ และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ได้”
เฉินเจียฉินลงบันไดมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายหลัง ร้องด้วยดวงตาเบิกกว้างเกินจริง “เป็นตากุ้งยิงแล้ว ต้องเป็นตากุ้งยิงแล้ว!”
มู่น่อนน่อนผลักเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวเองก็ปล่อยเธอ แล้วหยิบหมอนบนโซฟาขว้างใส่เฉินเจียฉิน
เฉินเจียฉินระโดดไปอีกด้านด้วยราวจับบันได หลบหลีกหมอนได้อย่างง่ายดาย
แต่เขายังไม่ได้มีเวลาภูมิอกภูมิใจตัวเอง เมื่อเงยหน้าขึ้น หมอนอีกใบก็เข้ามากลางใบหน้าเล็กน่ารักของเขา
เฉินเจียฉินเอาหมอนมาแล้วไม่กล้าขว้างกลับ ได้แต่ตะโกนใส่มู่น่อนน่อน “พี่น่อนน่อน! สามีคุณรังแกผม!”
มู่น่อนน่อนหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ กำลังจะพูด โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น
มู่น่อนน่อนเอาโทรศัพท์มือถือออกมาและผลักเฉินถิงเซียวออก “ฉันจะรับสาย”
เฉินถิงเซียวปล่อยมือ เธอลุกขึ้นแล้วแยกห่างออกไปจากเฉินถิงเซียวแล้วรับสาย “ใครคะ”
“มู่น่อนน่อน วันสิ้นปีนี้เธอคงจะไม่กลับบ้านใช่ไหม ฉันขอให้เธอโชคดีในปีใหม่ล่วงหน้า”
มู่น่อนน่อนสีหน้าตกตะลึง เรียกชื่อเธออย่างใจเย็น “มู่หวั่นชี!