ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 247 คุณปู่พูดอะไรมาเหรอ
มู่น่อนน่อนร้อนใจ “คุณปู่พูดอะไรกับคุณกันแน่ คุณบอกหน่อยได้ไหม คุณเป็นแบบนี้ฉันกังวลนะคะ!”
เฉินถิงเซียวนั่งลงข้างเตียง
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาต้องเงยหน้าขึ้นถึงจะเห็นหน้ามู่น่อนน่อน
“คุณปู่พูดว่า…”
เฉินถิงเซียวพูดคำเหล่านี้แล้วจู่ๆ ก็หยุด
มู่น่อนน่อนรอฟังต่อ คิดว่าคุณปู่เฉินพูดเรื่องสำคัญกับเฉินถิงเซียว
เห็นมู่น่อนน่อนฟังด้วยสีหน้าจริงจัง เฉินถิงเซียวจึงพูดต่อให้จบ “ให้เรามีลูกเพิ่มอีกหลายๆ คน”
น้ำเสียงและสีหน้าของเฉินถิงเซียวจริงจังมาก
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่าเฉินถิงเซียวหลอกเธอ
เธอยื่นมือออกไปนวดศีรษะเฉินถิงเซียวหนึ่งที “ฉันกำลังจริงจังมาก คุณมาล้อเล่นอะไรเนี่ย!”
เฉินถิงเซียวจับมือเธอแล้วดึงเข้าไปในอ้อมแขน “เป็นความจริง”
เมื่อน้ำเสียงลดลง ปากของเขาก็กดตามลงมาทันที
มู่น่อนน่อนเข้าใจแล้วว่าเฉินถิงเซียวไม่อยากบอกเธอ
ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ไม่อยากบอกเธอ เฉินถิงเซียวจะทำบางสิ่งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ
เรื่องอะไรของเธอเขารู้หมด แต่เขามักจะมีความลับเสมอ มักจะมีเรื่องราวมากมายที่ไม่ให้เธอรู้
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปากเขาอย่างโกรธๆ
เธอไม่เบาแรง กัดริมฝีปากของเฉินถิงเซียวจนกลิ่นคาวเลือดกระจายไปทั่วปาก
เฉินถิงเซียวชะงักไปเล็กน้อยครู่หนึ่ง ก่อนจะจูบล้ำลึกหนักหน่วงขึ้น
“อือ…ฉันขอดู…” มู่น่อนน่อนลิ้มรสเลือด อยากดูว่าเธอกัดไปแรงแค่ไหน
ปรากฏว่าเฉินถิงเซียวไม่ฟังสิ่งที่เธอพูด เขากดศีรษะเธอมาจูบอย่างป่าเถื่อนหนักหน่วง
จูบยาวนานจนใบหน้าเธอแดงเรื่อ
เมื่อนอนสงบลงบนเตียง เธอได้ยินเสียงปลดเปลื้องเสื้อผ้า
เมื่อเอียงศีรษะมอง ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังถอดเสื้อผ้า
ทันทีที่เข้านอน ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน
เพียงแต่เฉินถิงเซียวถอดเสื้อผ้าแล้วไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดนอน แล้วตรงมาถอดเสื้อผ้าของเธอ
มู่น่อนน่อนมีลางสังหรณ์ไม่ดี ดึงเสื้อผ้าตัวเองไว้แล้วถามเขา “คุณจะทำอะไรเฉินถิงเซียว”
“ถอดเสื้อผ้านอน” เฉินถิงเซียวโน้มตัวคร่อมเธอ ตั้งหน้าตั้งตาปลดกระดุมเสื้อเธอทีละเม็ด
เขาเพิ่งถอดเสื้อผ้า ทันทีที่มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเขาชัดเจน…
เธอเอียงหน้าหนีพลางยื่นมือหยุดเขา “ฉันนอนในชุดนอนก็ได้ ไม่ต้องถอดหรอก”
“สวมเสื้อผ้าไว้มันอึดอัด” เฉินถิงเซียวหาเหตุผลมาเสริม
แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนสู้ไม่ได้…
เขาดันเธอเข้าไปในผ้าห่ม แล้วโอบกอดมู่น่อนน่อนจากด้านหลัง
เขากอดเธอจากด้านหลัง ท่าทางแบบนี้…
มู่น่อนน่อนพูดเสียงสั่น “เฉินถิงเซียว คุณปล่อยฉัน…”
“อยู่เฉยๆ” เสียงเฉินถิงเซียวแหบพร่า
มู่น่อนน่อนร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
แบบนี้จะให้เธอหลับได้อย่างไร และเธอก็ไม่ใช่ท่อนไม้ เธอก็มีความรู้สึกนะ!
“นอนไม่หลับเหรอ” เสียงของเฉินถิงเซียวดังขึ้นอีกครั้ง “งั้นคุณจูบผมสิ”
เฉินถิงเซียวไม่ค่อยร้องขอแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงการใช้น้ำเสียงเปราะบางเหมือนปลอบประโลม
มู่น่อนน่อนใจอ่อน หันไปจูบเขา
แน่นอนว่าคุณปู่เฉินต้องพูดเรื่องอะไรกับเขาเป็นพิเศษ ถึงได้ทำให้เฉินถิงเซียวแปลกไปแบบนี้
คนที่พูดน้อย ยากที่จะค้นหาอารมณ์จากการแสดงออกและคำพูด แต่น่าแปลก ตอนนี้มู่น่อนน่อนสัมผัสอารมณ์ที่แปลกไปของเขาได้อย่างง่ายดาย
จูบของมู่น่อนน่อนทำให้เฉินถิงเซียวผ่อนคลายพึงพอใจ ในนาทีต่อมาเขาก็ปล่อยมู่น่อนน่อนแล้วลุกออกจากเตียงเดินไปที่ห้องน้ำ
มู่น่อนน่อนเรียกอย่างประหลาดใจ “เฉินถิงเซียว?”
เขายังไม่ได้…
เฉินถิงเซียวหันกลับไปมองเธอ ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างอดกลั้น “พอแล้ว”
มู่น่อนน่อนไม่ค่อยเข้าใจ เพราะเธอเห็นตรงนั้นเขายังตื่นตัวอยู่
เนื่องด้วยมันดึกมากแล้ว ไม่มีเฉินถิงเซียวมารบกวนเธอ ไม่กี่นาทีมู่น่อนน่อนก็หลับไป
เฉินถิงเซียวออกมาด้วยร่างกายเย็นชื้น หลังจากใส่ชุดนอนก็เห็นว่ามู่น่อนน่อนหลับไปแล้ว
เขาเอาชุดนอนมาใส่ให้มู่น่อนน่อนอย่างทะนุถนอม เคลื่อนไหวบางเบา เมื่อมู่น่อนน่อนลืมตาสะลึมสะลือก็ถูกเขากล่อมให้หลับอีกครั้ง
ว่ากันว่าผู้ชายใช้ส่วนล่างร่างกายไตร่ตรอง
ประโยคนี้ไม่ถูกต้องนัก
การเสพติดระหว่างชายหญิงเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่กอดคนที่รักไว้ในอ้อมแขน
แต่บางครั้ง ความพึงพอใจในจิตใจสำคัญกว่าความพึงพอใจทางกายภาพ
……
วันรุ่งขึ้น
วันส่งท้ายปีเก่า
มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นด้วยเสียงฝีเท้านอกประตู
“กี่โมงแล้ว”
เธองัวเงียถามเฉินถิงเซียว
น้ำเสียงตอนเช้าของเฉินถิงเซียวแหบแห้ง “ยังเช้ามาก หลับอีกหน่อยไหม”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “ไม่แล้ว”
ถึงแม้ว่าจะถูกปลุกขึ้นมา แต่เธอไม่นอนแล้ว
ทั้งสองลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปด้วยกัน
เพราะมันเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของปี ใบหน้าของคนรับใช้ที่พวกเขาพบตลอดทางต่างยิ้มแย้มแจ่มใส
เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องอาหาร โทรศัพท์มือถือของมู่น่อนน่อนก็ดังขึ้น
เป็นเซียวซู่เหอโทรเข้ามา
มู่น่อนน่อนลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังรับสาย
เซียวซูเหอที่อยู่ในสายสอบถามเธออย่างสำรวจ “น่อนน่อน แกจะกลับมากี่โมง ฉันจะได้ให้คนเตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้า”
เรื่องกลับบ้านพ่อแม่ช่วงปีใหม่ ที่จริงมู่น่อนน่อนไม่ได้นึกถึงมันเลย
เธอแทบจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อตระกูลมู่แล้ว ความสัมพันธ์แม่ลูกกับเซียวซู่เหอเป็นเท็จไปแล้ว
มู่น่อนน่อนตัดสินใจตอบไปตามตรง “เมื่อถึงเวลาฉันจะให้คนส่งของไปให้ค่ะ ถ้าคุณยุ่ง ก็ให้คนรับใช้รับไว้ให้ก็พอ”
คำพูดของเธอ ทำลายความฝันสุดท้ายอันน้อยนิดของเซียวซู่เหอ
แต่เมื่อเซียวซู่เหอคิดไปถึงวันนั้นที่เธอไปหามู่น่อนน่อน กลับถูกเฉินถิงเซียวขับไล่
ดังนั้นเธอจึงถามมู่น่อนน่อนว่า “เฉินถิงเซียวให้เธอกลับมาใช่ไหม”
“อะไร” มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าเซียวซู่เหอจะดึงเฉินถิงเซียวมาเกี่ยวข้องทำไม
“ครั้งก่อนที่ฉันทะเลาะกับพ่อแก เดิมทีฉันไปหาแกที่บ้าน ปรากฏว่าพวกเขาหลอกฉันว่าแกไม่อยู่บ้าน ฉันรออยู่ข้างนอก จนตอนเย็นเฉินถิงเซียวกลับมา ก็ไล่ฉันทันที”
เซียวซู่เหอคิดไปถึงท่าทีของเฉินถิงเซียววันนั้นยังรู้สึกค่อนข้างกลัวอยู่เลย
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง “ครั้งที่เสิ่นชูหานให้คุณไปพักด้วยก่อนหน้านี้น่ะเหรอ”
“ใช่