ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 261 อย่ามาชี้นิ้วสั่งแฟนฉัน
“ได้ ฉันรู้แล้ว”
มู่น่อนน่อนแม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่ในใจเธอรู้ดีว่า ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง เธอก็จะไม่ไปรบกวนเสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นเด็ดขาด
……
เหมือนที่เสิ่นเหลียงบอก เฉินจิ่งหยุ้นมาหาเธอเร็วมาก
ตอนเช้าตรู่ มู่น่อนน่อนกำลังกินข้าวเช้าอยู่ ก็ได้ยินเสียงจากด้านนอก
ไม่รอเธอลุกขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินมา ‘ต๊อกแต๊กๆ’ ใกล้เข้ามาเรื่อย
ไม่นาน หน้าประตูห้องรับประทานอาหารก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏขึ้น
ผู้หญิงสวมชุดสูทเป็นทางการ ดูแล้วเหมือนคนที่มีความสามารถและฉลาดมาก ตรงระหว่างคิ้วเหมือนกับเฉินถิงเซียว ขนาดบุคลิกก็ยังเย็นชาเหมือนเฉินถิงเซียวเลย
มู่น่อนน่อนพอเดาออกคร่าวๆแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้ก็คือเฉินจิ่งหยุ้น
ผู้หญิงมุ่งหน้าเดินตรงมาที่มู่น่อนน่อน มองดูมู่น่อนน่อนด้วยแววตาที่แหลมคม และมีความพิจารณา
เธอจ้องมู่น่อนน่อนไม่กี่วินาที จากนั้นก็เธอก็พูดขึ้นว่า: “เธอคือมู่น่อนน่อนสินะ?”
เธอไม่เพียงแต่มีบุคลิกและหน้าตาเหมือนเฉินถิงเซียว ขนาดความหยิ่งยโสและความผู้ดีที่มีแต่ลูกเศรษฐีเท่านั้นถึงจะมี แค่เพียงเธอเอ่ยปากพูด ก็ดูเหมือนมีพลังมหาศาลแล้ว
ถูกออร่าของเฉินถิงเซียวข่มไว้นานมาก มู่น่อนน่อนก็เลยไม่กลัวเมื่อเธอมายืนอยู่ตรงหน้า
มู่น่อนน่อนมองเธอกลับ และพูดอย่างใจเย็นว่า: “ฉันคือมู่น่อนน่อน”
แววตาผู้หญิงมีความตกใจ แต่แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
“เธอน่าจะรู้แล้วว่าฉันคือใคร” ผู้หญิงยังคงมองมู่น่อนน่อนนิ่ง: “ฉันคือพี่สาวของเฉินถิงเซียว เฉินจิ่งหยุ้น”
ตอนนี้เองมู่น่อนน่อนพึงลุกขึ้นมา: “สวัสดีค่ะ”
จากนั้นก็สั่งคนรับใช้ด้วยท่าทีคุณนายของบ้านหลังนี้: “ยังไม่เสิร์ฟน้ำชาอีก?”
“ไม่จำเป็นแล้ว” เฉินจิ่งหยุ้นยกมือขึ้นสั่งคนรับใช้ เธอกอดอกและมองมู่น่อนน่อน: “รู้เหตุผลที่ฉันมาไหม? ก่อนที่ฉันจะกลับมาก็ได้ยินแล้วว่า เธอเป็นคนผลักคุณปู่ตกบันได”
มู่น่อนน่อนตอบโต้กลับไปว่า: “ฉันไม่ได้ผลักนะ และตอนนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่”
“ได้” เฉินจิ่งหยุ้นฟังมู่น่อนน่อนแก้ตัวอย่างหงุดหงิด เลยพูดแทรกไปก่อน: “ฉันแค่อยากมาดูว่า ผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงน้องชายฉันป่นปี้ แล้วทำให้ตระกูลเฉินของเราวุ่นวายเนี่ยเป็นใครก็เท่านั้น ตอนนี้ฉันจะไปโรงพยาบาล ไม่มีเวลามาเสวนากับเธอหรอกนะ”
ฟังจากน้ำเสียงของเฉินจิ่งหยุ้นแล้ว มองออกได้ว่าเธอเป็นคนที่แข็งกร้าวมากคนหนึ่ง
สมแล้วที่เป็นฝาแฝดกับเฉินถิงเซียว ทุกอย่างคล้ายกันอย่างกับแกะ
เฉินจิ่งหยุ้นพูดจบก็เดินออกไปด้านนอก มู่น่อนน่อนก็เดินตามแล้วส่งเธอออกไป
พอมาถึงห้องโถง เธอก็เห็นคนที่มีท่าทางเหมือนผู้ช่วยตะโกนเรียกว่า: “ประธานเฉิน”
ข้างๆผู้ช่วยยังมีกระเป๋าเดินทางอยู่หนึ่งใบ
เฉินจิ่งหยุ้นกลับมายังไม่ทันได้ไปไว้กระเป๋า ก็เดินมาหามู่น่อนน่อนก่อนทันที
ตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงเบรกรถ ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้น
ทั้งสองมองไปด้านนอกพร้อมกัน เฉินถิงเซียวออกมาจากรถ
เฉินจิ่งหยุ้นเดินเข้าไป อยากกอดเฉินถิงเซียว: “ไม่เจอกันนานเลยนะ น้องรัก”
เฉินถิงเซียวกอดเฉินจิ่งหยุ้นตอบ
เฉินจิ่งหยุ้นแค่กอดเขาเบาๆ จากนั้นก็ปล่อยออกทันที
เธอมองดูเฉินถิงเซียว พูดด้วยน้ำเสียงประชดว่า: “เหมือนที่คุณปู่พูดไว้ไม่มีผิด นายหลงมู่น่อนน่อนจนหัวปักหัวปำ ฉันแค่มาดูเธอแค่นั้นเอง นายก็รีบซิ่งรถกลับมา กลัวฉันจะจับเธอกินหรือไง?”
เฉินถิงเซียวไม่มองเธอด้วยซ้ำ แล้วเดินอ้อมเธอแล้วไปตรงหน้ามู่น่อนน่อนทันที
เขาสำรวจดูมู่น่อนน่อน ต่อมาก็ยืนอยู่ตรงหน้ามู่น่อนน่อน พูดกับเฉินจิ่งหยุ้นว่า: “ไม่ไปเยี่ยมคุณปู่หรือไง?”
เฉินจิ่งหยุ้นกอดอก กระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ สีหน้าดูจองหองมาก: “จะไปเดี๋ยวนี้แหละ นายไม่คิดจะขับรถไปส่งหน่อยเหรอ?”
เฉินถิงเซียวหันหน้ากลับไปมองมู่น่อนน่อน แต่กลับไม่ได้พูดอะไร ก็เดินตามเฉินจิ่งหยุ้นออกไป
ตอนที่เดินไปถึงประตู เฉินจิ่งหยุ้นก็หันหน้ากลับไปมองเธออีกครั้ง
แววตานั้นดูเป็นการสำรวจ และก็เหมือนกำลังดูตัวตลกอยู่
มู่น่อนน่อนกำมือแน่น เม้มปาก สีหน้าดูตึงเครียด
เฉินจิ่งหยุ้นดูถูกเธอ เรื่องนี้เฉินจิ่งหยุ้นไม่เคยปกปิดเลย
……
พอออกจากคฤหาสน์ เฉินจิ่งหยุ้นก็ตามเฉินถิงเซียวขึ้นรถ
เฉินจิ่งหยุ้นนั่งอยู่ในรถ คาดเข็มขัดเสร็จก็พูดกับเฉินถิงเซียวว่า: “ผู้หญิงที่นายชอบ ก็ไม่เท่าไหร่เลยนะ”
เฉินถิงเซียวไม่หันหน้ากลับไปมองด้วยซ้ำ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “ไม่เท่าไหร่ แต่ดีกว่าเธอตั้งเยอะ”
“เหอะ ปกป้องกันจริงนะ” เฉินจิ่งหยุ้นชินกับวิธีการพูดจาของเฉินถิงเซียวนานแล้ว
แต่ว่า เธอก็ไม่เคยเกรงใจเขาเลย
“ถึงตอนนั้น ถ้าตรวจสอบได้ว่ามู่น่อนน่อนเป็นคนผลักคุณปู่ตกบันได นายจะยังปกป้องเธอแบบนี้ไหม?” พอเฉินจิ่งหยุ้นพูดถึงคุณท่านเฉิน สีหน้าก็เย็นชาตามลงไปด้วย
เฉินถิงเซียวพูดอย่างหมดความอดทนว่า: “เธอหุบปากได้ไหม?”
ในที่สุดเฉินจิ่งหยุ้นก็ทำให้เขาโกรธจนได้
“เฉินถิงเซียว ตั้งแต่นายแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว เคยมีชีวิตที่สงบสุขบ้างไหม? ฉันบอกแล้วไงว่าผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับนาย นายกลับไม่เชื่อฉัน ตอนนี้ยัง……”
เอี๊ยด——
เสียงเบรกรถกะทันหัน ทำให้เฉินจิ่งหยุ้นหยุดพูด
“อา——”
เสียงกรีดร้องของเฉินจิ่งหยุ้นดังลั่น จากนั้นเธอก็โน้มตัวลงไปข้างหน้า
เธอหันหน้าไปตะคอกเฉินถิงเซียวว่า: “เฉินถิงเซียว นายบ้าไปแล้วหรือไง? ฉันพูดผิดตรงไหน!”
เฉินถิงเซียวไม่ขยับเขยื้อนเลย มีเสียงน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแสดงอารมณ์ของเขาออกมา: “ไม่ถูกสักที่นั่นแหละ”
เฉินจิ่งหยุ้นโกรธมาก: “นาย!”
“ลงไป”
“เฉินถิงเซียว!”
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง?” เฉินถิงเซียวหันหน้าไป แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น: “หนีไปอยู่ต่างประเทศเป็นสิบปี ไม่เคยมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบฉัน มีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่งในชีวิตของฉันและแฟนฉันกัน?”
เฉินจิ่งหยุ้นตะลึงกับแววตาที่เยือกเย็นนั้นของเขา แววตานั้นทำให้เธอกลัวจับใจจริง เฉินถิงเซียวตรงหน้านี้ไม่ใช่เด็กชายที่คอยส่งยิ้มให้เธอและเรียกเธอว่าพี่สาวอีกแล้ว
เฉินจิ่งหยุ้นกลืนน้ำลายลงไป ผ่านไปสักพักก็ถึงใจเย็นลงได้ และพูดด้วยน้ำเสียงต่อรองว่า: “โอเค พวกเรามาสงบจิตใจกันก่อน ฉันไม่ได้กลับมาทะเลาะกับนาย ตอนนี้พวกเราไปโรงพยาบาลกันก่อนไหม?”
เฉินถิงเซียวไม่อยากฟังเธอพูดอีก: “ลงไป”
เฉินจิ่งหยุ้นพูดอะไรไม่ออกอีก แต่เธอก็รู้จักนิสัยของเฉินถิงเซียว ไม่ว่าเธอจะไม่พอใจยังไง แต่ก็ต้องยอมแพ้ เธอข่มอารมณ์โกรธไว้และปลดที่คาดเข็มขัดออก
เธอเพิ่งลงจากรถได้ไม่นาน รถของเฉินถิงเซียวก็เหมือนธนูที่พอถูกยิงแล้วก็พุ่งออกไปทันที
เฉินจิ่งหยุ้นโกรธจนหน้าดำหน้าแดงหมด
ผู้ช่วยขับรถมาจอดข้างๆเธอ ต่อมาก็ลงไปเปิดประตูรถอย่างเคารพ: “คุณเฉิน เชิญขึ้นรถครับ”
เฉินจิ่งหยุ้นมองขวางผู้ช่วย: “อย่าเอาเรื่องนี้ออกไปพูดที่ไหนเด็ดขาด!”
“ครับ” ผู้ช่วยก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่มองอะไรอีก
“หึ!” เฉินจิ่งหยุ้นทำเสียงหึในลำคอ เธอไม่ชอบมู่น่อนน่อนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอยิ่งเกลียดหล่อนเข้าไปอีก
……
มาถึงโรงพยาบาล เฉินจิ่งหยุ้นก็เห็นเฉินถิงเซียวไม่รอเธอ และเดินเข้าไปทันที
สีหน้าเธอแย่ลงไปอีก
ในห้องของท่านปู่เฉิน เธอเห็นเฉินชิงเฟิง
เฉินชิงเฟิงเห็นเธอแล้ว ก็ยิ้มกว้างและเรียกเธอ: “จิงหยุ้น”
“พ่อคะ” เฉินจิ่งหยุ้นเดินไปกอดเฉินชิงเฟิง
เฉินชิงเฟิงตบไหล่เธอเบาๆ: “รีบเข้าไปดูคุณปู่เถอะ”
เฉินถิงเซียวยืนอยู่ข้างๆ มองสองพ่อลูกที่แสดงความห่วงใยกันแบบปลอบๆด้วยแววตาที่เย็นชา เขาแค่กระตุกมุมปาก แต่กลับไม่ได้หัวเราะเลย