ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 269 มาเอง
ข้างๆร้านชานมมีห้องน้ำสาธารณะ
มู่น่อนน่อนแบกกระเป๋าเดินเข้าไป เพิ่งปิดประตูของข้างๆลง ก็ได้ยินเสียงรถจอดอยู่หน้าห้องน้ำข้างๆถนน
ต่อมาก็มีเสียงเท้าเดินหลายคน
ตามด้วยเสียงที่คุ้นเคย
“ถ้าข่าวเป็นจริง คุณนายน้อยน่าจะอยู่ที่นี่นะ”
เสียงนี้เป็นเสียงของสือเย่ มู่น่อนน่อนฟังจนติดหูไปแล้ว ก็ต้องฟังออกว่าเป็นเสียงใคร
แต่ว่า ได้ยินคำพูดของสือเย่ มู่น่อนน่อนตื่นเต้นขึ้นมาตาม
ฟังจากที่สือเย่พูด เฉินถิงเซียวมาด้วยเหรอ?
ต่อมา เธอก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของเฉินถิงเซียว: “เข้าไปค้นให้ทั่ว”
เธอเพิ่งจุดไฟเผาคฤหาสน์เมื่อวาน พอได้ยินเสียงเฉินถิงเซียวอีกครั้ง กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง
มู่น่อนน่อนพิงอยู่ที่หลังประตูห้องน้ำ ฟังเสียงเท้าของพวกเขาเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น เธอก็รีบเข้าห้องน้ำแล้ววิ่งออกมา
พอเธอออกมา ก็เห็นรถโรลส์-รอยซ์ที่คุ้นเคยจอดอยู่ข้างถนน
หันไปมองอีกทาง ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังนำกำลังคนแล้วบังเอิญเจอฉินสุ่ยซานพอดี
ฉินสุ่ยซานอยู่ตรงหน้าทางที่มู่น่อนน่อนอยู่ และเฉินถิงเซียวกับลูกน้องก็หันหลังให้มู่น่อนน่อนอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นมู่น่อนน่อน
ฉินสุ่ยซานเห็นมู่น่อนน่อน เธอก็กะพริบตาปริบๆ
มู่น่อนน่อนยกนิ้วชี้ไปที่ริมฝีปาก แล้วทำท่า ‘ชู่ว์’ จากนั้นก็หลบไปที่หลังรถ
เธอได้ยินเฉินถิงเซียวถามฉินสุ่ยซาน: “เห็นมู่น่อนน่อนมาที่นี่ไหม?”
ฉินสุ่ยซานเงยหน้า มองไปที่ตำแหน่งที่มู่น่อนน่อนยืนอยู่เมื่อกี้ กอดอกพูดกับเฉินถิงเซียวอย่างท้าทายว่า: “เห็นแล้วยังไง? ไม่เห็นแล้วยังไง?”
เฉินถิงเซียวแสยะยิ้ม: “แม่ฉันจะไม่ชอบทำร้ายผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำไม่ได้”
ฉินสุ่ยซานได้ยินแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“นาย……” เธอพูดอย่างโมโหว่า: “ฉันไม่เห็นมู่น่อนน่อนหรอกนะ ไม่ใช่ภรรยาฉันสักหน่อย ใครจะช่วยนายเฝ้ากัน”
มู่น่อนน่อนหลบอยู่หลังรถ ในใจก็อดไม่ได้กดไลก์ให้ฉินสุ่ยซาน
ขนาดห่างจากตรงนั้นอยู่มาก มู่น่อนน่อนยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดเลย
เสียงของเฉินถิงเซียวทุ้มต่ำ: “งั้นเหรอ?”
มู่น่อนน่อนโผล่หัวออกไปดู เห็นฉินสุ่ยซานหน้าซีดเผือดแล้วถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอนว่า: “มู่น่อนน่อนไปแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะไปไหน”
โชคดีที่มู่น่อนน่อนรู้ว่าฉินสุ่ยซานเก็บอะไรไว้ไม่อยู่หรอก ในตอนที่มู่สุ่ยซานพูดนั้น มู่น่อนน่อนก็รีบอ้อมหลังรถวิ่งเข้าไปในตรอกซอยเล็กๆ
รอพวกเฉินถิงเซียวหันกลับมา ด้านหลังรถก็ไม่มีตัวมู่น่อนน่อนอยู่แล้ว
เฉินถิงเซียวกวาดตามองรอบๆ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “หาให้ทั่ว”
สือเย่ได้ยินดังนั้น ก็พาบอดี้การ์ดไปหามู่น่อนน่อน
บอดี้การ์ดกระจายตัวไปหมดแล้ว เหลือเพียงเฉินถิงเซียวที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
เฉินถิงเซียวรู้สึกได้ว่ามู่น่อนน่อนอยู่ที่นี่
ตอนบ่าย กู้จื่อหยั่นโทรมาหาเขา บอกว่ามีคนส่งของแปลกๆไปที่บริษัทเสิ้งติ่ง ข้างๆผู้รับมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า “XN” เขาก็เดาได้แล้วว่าส่งให้เฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวไปบริษัทเสิ้งติ่งเปิดพัสดุออกมาดู ด้านในมีกล่องและปากกาหนึ่งแท่ง นอกจากมู่น่อนน่อนแล้วยังจะมีใครที่ส่งของแบบนี้ให้เขาอีก?
เมื่อวานเขาทะเลาะกับกู้จื่อหยั่น พอใจเย็นได้แล้ว ก็นึกได้ว่ามู่น่อนน่อนไม่มีทางฆ่าตัวตายหรอก เธอจะต้องหนีออกไปแน่
แต่ว่า ถ้าเขายังไม่เห็นตัวมู่น่อนน่อน เขาก็ไม่มีทางสบายใจได้หรอก
จนกระทั่งเห็นพัสดุชิ้นนี้ เฉินถิงเซียวก็โล่งอกได้สักที
มู่น่อนน่อนหนีไปจริงๆ
ไม่นาน สือเย่ก็นำกำลังบอดี้การ์ดกลับมา
“คุณชายครับ” สือเย่เดินมาตรงหน้าเฉินถิงเซียว เห็นแววตาที่คาดหวังของเฉินถิงเซียว ก็เลยพูดไปตามตรงว่า: “หาคุณนายน้อยไม่เจอครับ”
เขาพูดจบ ก็ก้มหน้าลงไม่ไปมองสีหน้าของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวไม่ได้หลับทั้งคืน เช้ามาได้รับพัสดุชิ้นนั้นก็ตื่นทันที
พวกเขาคิดว่ามาที่นี่จะต้องหามู่น่อนน่อนเจอแน่นอน สุดท้ายกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง
ที่ไม่ไกลมาก มู่น่อนน่อนแอบหันหลังเดินออกไป
บนโลกนี้ ขอแค่เธอมีใจอยากตามหาคนหรือหลบใครสักคน ก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
นี่ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
มู่น่อนน่อนเดินไปที่ป้ายรถเมล์ ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่ไปเมืองหลินพอดี
ระยะทางสี่ชั่วโมงกว่า มู่น่อนน่อนหลับๆตื่นๆไปจนถึงเมืองหลิน
ตอนที่ลงจากรถ ก็บ่ายแล้ว
มู่น่อนน่อนเอาบัตรของฉินสุ่ยซานไปกดเงิน จากนั้นก็หาที่กินข้าว
ร้านอาหารยังคงมีข่าวเกี่ยวกับตระกูลเฉินอยู่
“มีรายงานว่า สะใภ้ของตระกูลเฉินฆ่าตัวตายเมื่อวานนี้โดยจุดไฟเผาบ้านฆ่าตัวตาย ตอนนี้ยังหาศพไม่เจอ และคฤหาสน์ก็ถูกไฟไหม้อย่างรุนแรงเช่นกัน ผู้ที่เกี่ยวข้องกล่าวว่า สะใภ้ตระกูลเฉิน อาจจะเสียชีวิตในกองไฟแล้วก็ได้……”
มู่น่อนน่อนรู้สึกแปลกใจเหมือนกัน
ทั้งที่เธอยังมีชีวิตอยู่ดีๆ แต่ดูจากข่าวแล้ว เหมือนจะมีคนชี้นำมุมมองที่ว่า “เธอตายในกองไฟ”
หรือว่าจะเป็นฝีมือเฉินถิงเซียวกันนะ?
เฉินถิงเซียวรู้ว่าเธอคิดยังไง ดังนั้นเลยเล่นไปตามน้ำ ปล่อยให้นักข่าวรายงานข่าวไปอย่างนั้นงั้นเหรอ?
เฉินถิงเซียวคิดอะไรอยู่กันแน่นะ มู่น่อนน่อนเดาใจเขาไม่ออกเลย
พอออกจากเมืองหู้หยาง มู่น่อนน่อนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะเลย เฉินถิงเซียวคงไม่ตามมาถึงที่นี่หรอกนะ…….
แต่ทว่า ความจริงพิสูจน์ได้ว่า มู่น่อนน่อนไร้เดียงสาเกินไป
เฉินถิงเซียวเป็นคนพูดได้แล้วทำได้ เรื่องการทำตามหามู่น่อนน่อนเขาเด็ดเดี่ยวมาก แสดงได้ถึงความมุมานะของเขา
คืนนั้น ตอนที่หลับได้ไม่นาน มู่น่อนน่อนก็ได้ยินเสียงบนทางเดิน
มีเสียงเท้าเดิน และมีเสียงคนพูดด้วย
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นมาอย่างระวังตัว หูแนบประตูคอยฟังเสียงด้านนอก แล้วก็เดินไปที่ข้างหน้าต่าง
เธออยู่ชั้นสาม จะโดดลงไปก็คงเป็นไปไม่ได้
หรือว่าจะเป็นเหมือนในละคร ฉีกผ้าปูที่นอนแล้วมัดต่อกันเป็นเชือกแล้วหนีออกไปได้งั้นเหรอ?
เธอเสี่ยงอันตรายได้ แต่เด็กในท้องเธอจะเสี่ยงด้วยไม่ได้
ในตอนที่เธอลังเลตัดสินใจไม่ได้นั้น ด้านประตูก็มีเสียงดัง “ปัง” มีคนพังเข้ามาจากด้านนอก
ต่อมาก็มีเสียง “แปะ” ดังขึ้น ไฟในห้องถูกเปิดออก
มู่น่อนน่อนไม่ชินกับแสงที่กระทบเข้ามาในตา เธอใช้มือบังตาเอาไว้
รอเธอไม่แสบตากับแสงนี้แล้ว เธอหันไปที่หน้าประตู ก็เห็นร่างอันสูงโปร่งของเฉินถิงเซียวยืนอยู่ตรงหน้า
“มู่น่อนน่อน”
เขายืนอยู่หน้าประตู แสงไฟสีขาวนีออนส่องไปที่เค้าโครงใบหน้าเขา มีรูปหน้าเป็นสันและเยือกเย็น ดวงตาสีดำลึกเหมือนสัตว์ป่าที่ในที่สุดก็ล่าเหยื่อจนได้
มู่น่อนน่อนรู้ว่าเส้นทางการหนีของเธอได้จบสิ้นแล้ว
แค่เวลาสามสิบกว่าชั่วโมง ก็ถูกเฉินถิงเซียวหาตัวจนเจอแล้ว
แต่ว่าเธอก็ยังไม่พอใจอยู่ดี เลยยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
เฉินถิงเซียวพูดโดยไม่รีบร้อนว่า: “เดินมาเอง”
มู่น่อนน่อนไม่อยากไปเลย
แต่ว่า เธอไม่ไปแล้วยังมีวิธีไหนอีกล่ะ?
มู่น่อนน่อนเดินไปหาเขา เฉินถิงเซียวกระตุกยิ้มมุมปาก เขาอุ้มเธอขึ้นมา หันหลังเดินออกไปด้านนอก