ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 295 เรียกลุงสักคำมันทำให้คุณดูลำบากใจมากนักเหรอ?
- Home
- ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
- บทที่ 295 เรียกลุงสักคำมันทำให้คุณดูลำบากใจมากนักเหรอ?
เสิ่นเหลียงได้ยินแล้ว จากนั้นก็คิดอยู่ชั่วครู่ “ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่…..”
มู่น่อนน่อนเอาลิ้นจี่ยัดใส่ตู้เย็น พลางเอ่ยปากถามเธอกลับ “ไม่พูดเรื่องนี้ แกกินข้าวหรือยัง?”
“กินกับคนในกองถ่ายมาแล้ว” เสิ่นเหลียงพูดจบ พลางตบหน้าผากของตนเองทันที “ฉันเพิ่งฉุกคิดได้ ยังมีอีกเรื่อง ฉันดูคลิปที่แกไปให้สัมภาษณ์เอาไว้แล้วนะ นี่แกคิดจะทำอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย?”
ตั้งแต่ครั้งที่แรกที่มู่น่อนน่อนขอให้เธอช่วยไปหานักข่าวมาให้ จากนั้นก็จุดไฟเผาวิลล่าแล้วหนีไป เสิ่นเหลียงยังรู้สึกกลัวมู่น่อนน่อนขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อก่อนเธอรู้ว่าตัวเองชอบหาเรื่องไปทั่ว ทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนเก่งกาจกว่าเธอมาก
มู่น่อนน่อนยิ้มและตอบกลับมา “ก็ถอดแบบมาจากบท《เมืองพัง》ไง”
“ฉันเชื่อแกก็ประสาทไปแล้วแหละ” เสิ่นเหลียงกลอกตามองบนทันที
มู่น่อนน่อนถือถาดลิ้นจี่ที่ล้างสะอาดแล้วยื่นมาให้ตรงหน้าของเสิ่นเหลียง น้ำเสียงดูเคร่งขรึมเล็กน้อย “เสี่ยวเหลียง แผนการของตระกูลเฉินช่างล้ำลึกมาก ถ้าฉันไม่เริ่มเสนอตัวทำก่อนอะไรสักอย่างบ้าง ก็คงถูกพวกเขาจูงจมูกตลอดไป”
เสิ่นเหลียงได้ยินว่าเธอเอ่ยปากถึงตระกูลเฉิน ท่าทางดูจริงจัง “ยังไม่มีข่าวคราวของเสี่ยวมู่มู่อีกเหรอ”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้าไปมา น้ำเสียงดูเย็นชาขึ้น “ฉันเดานะ ทางตระกูลเฉินจะต้องส่งคนมาหาฉันในเร็วๆ นี้แหละ”
……
เฉินถิงเซียวเดินออกมาจากอพาร์ทเม้นของมู่น่อนน่อน สือเย่ก็รีบอ้อมไปทางด้านหลังเพื่อเปิดประตูหลังให้กับเขาทันที
สือเย่ที่กำลังขับรถอยู่ พลางเหล่ตามองเฉินถิงเซียวทางกระจกด้านหลังอยู่เป็นครั้งคราว
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางเผยอปากพูด “มีเรื่องอะไรก็พูดมา”
เฉินถิงเซียวพูดออกมาเช่นนี้แล้ว สือเย่เลยไม่มีการลังเลอีกต่อไป พลางเอ่ยปากถามทันที “คุณชายไม่ไว้ใจ แล้วทำไมถึงได้ให้คุณหญิงน้อยย้ายออกมาได้?”
บรรยากาศในรถเงียบงันอยู่ชั่วครู่ น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวดูราบเรียบไม่ช้าไม่เร็วดังออกมา “ให้เธอย้ายออกมา เธอถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย”
สือเย่จำเรื่องราวเมื่อปีที่แล้วได้ เขากับเฉินถิงเซียวเคยคุยเรื่องนี้กันมาแล้ว เวลานั้นเฉินถิงเซียวพูดว่าอะไรนะ?
ตอนนี้ คำพูดของเฉินถิงเซียว ความหมายโดยรวมแล้วยอมเจ็บปวดไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ?
พอเวลาผ่านไปครึ่งปีเอง ความคิดของเฉินถิงเซียวก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
……
มู่น่อนน่อนคาดเดาได้ไม่เลวเลย
เพราะว่าไม่นานนักตระกูลเฉินก็ส่งคนมาหาเธอทันที
คืนนั้นเธอกับเสิ่นเหลียงคุยกันอยู่สักพัก เสิ่นเหลียงยังมีงานช่วงเช้าที่ต้องไปทำ เลยขอตัวรีบกลับบ้านก่อน
ตารางงานของเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็คือการไปที่กองถ่ายละครตามเดิม
ทว่า เธอเพิ่งจะออกจากบ้านเท่านั้นเอง ก็เห็นรถยนต์สีดำขับมาจอดตรงด้านหน้าของเธอทันที
กระจกรถยนต์ลดระดับลง พลันปรากฏใบหน้าชายวัยกลางคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายเฉินถิงเซียว
“น่อนน่อน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
แววตาของมู่น่อนน่อนพลันปรากฏอาการรังเกียจขึ้นมาทันที พลางหันเปลี่ยนเป็นความแปลกใจไปทันที “คุณเฉินเหรอคะ?”
เฉินชิงเฟิงยิ้มให้ ดูเหมือนเป็นผู้อาวุโสที่แสนอบอุ่นคนหนึ่ง “แม้ว่าตอนนี้คุณไม่ได้อยู่กับถิงเซียวก็ตาม ก็ไม่ต้องเรียกสิ้นเยื่อใยกันซะขนาดนั้น เรียกว่าลุงสักคำมันจะทำให้คุณลำบากไปไหม?”
แม้ว่าท่วงท่าของเขาที่ดูอ่อนโยนก็ตาม แต่ว่าตอนที่เขาพูดกับมู่น่อนน่อนนั้นกลับเอาแต่นั่งอยู่ในรถยนต์ จนแสดงความเหินห่างออกมา
มู่น่อนน่อนเรียกเขาตามน้ำไปทันที “คุณลุงเฉิน”
แววตาของเฉินชิงเฟิงแสดงอาการดีใจออกมา “นี่คุณกำลังจะไปไหน มีเวลาพอไปกินกาแฟกับฉันสักแก้วไหม?”
มู่น่อนน่อนยิ้มให้และพยักหน้าเล็กน้อย “มีเวลาแน่นอนค่ะ”
เธอเฝ้ารอคอยให้เฉินชิงเฟิงมาหาเธอ เธอไม่มีวันที่จะปฏิเสธคำเชื้อเชิญของเขาอย่างแน่นอน
“ขึ้นรถสิ”
เมื่อสิ้นเสียงเฉินชิงเฟิง เลิ่งซู่ที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้านั้น ก็ลงจากรถและเปิดประตูทางด้านหลังให้กับมู่น่อนน่อนทันที
“ขอบคุณค่ะอาเลิ่ง” มู่น่อนน่อนมองไปทางเลิ่งซู่และพยักหน้าให้ จากนั้นถึงได้ขึ้นรถ
เฉินชิงเฟิงนั่งลงด้านข้างของเธอ สีหน้าสงบเสงี่ยม
มู่น่อนน่อนนั่งทำตัวเก็บปากเก็บคออย่างตื่นเต้น ดวงตามองตรงไปด้านหน้า ไม่ได้หันมามองเฉินชิงเฟิงเลยสักนิด
ไม่นานนักรถยนต์ก็มุ่งหน้ามาจอดยังร้านกาแฟร้านหนึ่ง
เธอกับเฉินชิงเฟิงเดินตามหลังกันเข้าไปด้านใน พนักงานเดินนำไปยังห้องรับรองที่ได้จัดการจองไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
ตอนที่กาแฟมาเสริ์ฟนั้น เฉินชิงเฟิงกำลังคนกาแฟให้เข้ากัน พลางใช้คำพูดคำจาที่ดูเป็นห่วงเป็นใยแอ่ยปากถาม “ครึ่งปีที่ผ่านมา ไปอยู่ต่างประเทศแล้วสุขสบายอยู่ไหม?”
มู่น่อนน่อนคลี่ยิ้ม พลางตอบกลับอย่างมีมารยาท “ต้องพลอยให้คุณลุงต้องเป็นห่วงไปด้วยเลย ทุกอย่างราบรื่นดี”
เฉินชิงเฟิงถอนหายใจออกมา พลางเอ่ยถามอย่างเงียบงัน “ตอนที่คุณท่านเฉินเกิดเรื่องขึ้น พวกเราร้อนรนเกินเหตุ ถึงได้เข้าใจคุณผิดไป คุณเป็นเด็กสาวที่แสนดีคนหนึ่ง จะไปทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไรกัน? คงจะเป็นเพราะว่าคุณท่านเฉินอายุมากแล้วขาแข้งเลยเดินเหินไม่สะดวก จนตัวเองกลิ้งลงมาจากบันไดแหละ”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้ว มือที่กำลังจับช้อนคนกาแฟถึงกับบีบแน่นทันที
อายุมากแล้วเดินเหินไม่สะดวกงั้นเหรอ?
คุณท่านเฉินดูแลร่างกายได้ดีมากๆ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากซึ่งทุกคนก็เห็นตำตาอยู่แล้ว
อีกทั้ง เช้าวันนั้น ทั้ง ๆ ที่มีคนจงใจเรียกเธอไปหา
เห็นได้ชัดว่ามีคนวางแผนเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เฉินชิงเฟิงมาบอกเธอ ว่าคุณท่านเฉินขาแข้งเดินเหินไม่สะดวกเหรอ?
ตอนนั้นเธอเพิ่งจะตื่นนอน สมองก็ยังไม่ทันคิดอะไรมากมาย และถูกคนรับใช้คนนั้นส่งเสียงเรียกให้เธอไปหา
แต่พอตอนนี้กลับมาหวนคิดอีกครั้ง ทุกครั้งที่คุณท่านเฉินเรียกหาเธอ ปกติจะไม่ให้คนรับใช้คนอื่นมาเรียกเธอเลย
คำพูดแบบนี้มีช่องโหว่อีกมากมาย อีกทั้งมันยังพูดซะไม่มีเหตุผลสิ้นดี
ทว่า มู่น่อนน่อนไม่สามารถถามเขาไปตรงๆ ได้
มู่น่อนน่อนหลุบตาต่ำ มือของตนเองที่อยู่ใต้โต๊ะถึงกลับบีบต้นขาตนเองทันที
บีบแรงเกินไป จนเธอเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา
เวลานี้เอง เธอเงยหน้าเพื่อมองเฉินชิงเฟิง จากนั้นก็ถามกลับด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ตอนนี้คุณปู่ยังสบายดีอยู่ไหมคะ?”
เฉินชิงเฟิงราวกับไม่คิดว่าจะเสียใจถึงขนาดนี้ พลางชะงักเล็กน้อยจากนั้นถึงตอบกลับมา “เหมือนเดิมแหละ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยปากถามอย่างระมัดระวัง “งั้นฉันสามารถเข้าไปเยี่ยมเขาสักหน่อยได้ไหมคะ?”
ความจริงแล้วเธอก็อยากจะไปหาคุณท่านเฉินจริงๆ
แต่ว่าไม่มีเหตุผลที่สมควรมากพอ
“ได้สิ” สีหน้าที่มีรอยยิ้มของเฉินชิงเฟิงจู่ ๆ ก็เก็บสีหน้าทันที พลางเอ่ยปากถามอย่างเคร่งขรึม “คุณกับถิงเซียวเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ได้ยินเสี่ยวฉินเล่าว่า เขาเอาลูกไปแล้ว?”
เพล้ง–
มู่น่อนน่อนได้ยินเขาเอ่ยถึงลูก มือถึงกลับอ่อน ช้อนที่อยู่ในมือหล่นลงในแก้วทันที จนชนขอบถ้วยกาแฟ จนมีเสียงดังชัดที่ไม่ดังมากเท่าไหร่
นี่เฉินชิงเฟิงหมายความว่ายังไงกันแน่?
เขาต้องการหลอกถามเหรอ?
เขากำลังหลอกถามมู่น่อนน่อนเรื่องลูกว่ารู้เรื่องมากขนาดไหน หรือว่าต้องการหลอกถามความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉินถิงเซียวว่าสนิทสนมกันขนาดไหน และจะร่วมมือกับเธอนำเรื่องที่คนในตระกูลเฉินลักพาตัวเด็กไปงั้นเหรอ?
มืออีกข้างที่วางอยู่ใต้โต๊ะของมู่น่อนน่อนกำหมัดไว้แน่น พลางผ่อนแรงออก
เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับคำถามนี้อย่างไรดี พลันก้มหน้าก้มตาลง และแสดงท่าทางเจ็บปวดรวดร้าวเจียนตายออกมา
ทุกครั้งที่นึกถึงเฉินมู่ ในสถานการณ์ที่ถูกกดดันนั้น น้ำตาพลันไหลออกมาเองทันที
เฉินชิงเฟิงหรี่ตาลง และก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ พลางค่อยๆ เอ่ยถาม “ครั้งนี้เฉินถิงเซียวก็ทำเกินเหตุจริงๆ แม้ว่านับญาติกันฉันจะเป็นปู่ของลูกคุณก็ตาม เด็กคนนี้ก็ต้องอยู่ที่บ้านตระกูลเฉินสิ แถมตอนนี้เธออายุยังน้อยมากเหลือเกิน จะพูดยังไงก็ต้องให้เติบโตอยู่ข้างกายของแม่ถึงจะถูกสิ”
มู่น่อนน่อนปิดหน้าปิดตาร้องไห้โหทันที “ขอโทษค่ะคุณลุงเฉิน ฉันเสียใจมากเหลือเกิน….”