ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 306 รายงานผลการเปรียบเทียบดีเอ็นเอ
มู่หวั่นขีมาออดิชันบทละครของ《เมืองพัง》 หล่อนคงจะไม่รู้ว่าผู้แต่ง《เมืองพัง》ก็คือมู่น่อนน่อนสินะ
แต่หลังจากเรื่องสองวันมานี้ มู่หวั่นขีก็น่าจะรู้แล้วล่ะ
……
ตอนที่กลับไป มู่น่อนน่อนเพิ่งออกมาจากโรงถ่ายละคร รถครอบครัวคันสีขาวจอดอยู่ตรงหน้าเธอ
เสียงเปิดประตูรถดังขึ้น มู่หวั่นขีที่สวมแว่นกันแดดเดินลงมาจากรถ
อากาศของเดือนแปด มู่หวั่นขีเพื่อให้เห็นรูปร่างสัดส่วนของตัวเองได้ชัดเจน ยังคลุมเสื้อแจ็คเก็ตหนังไว้ที่ไหล่ ดูสู้ตายมาก
มู่หวั่นขีกอดอก เดินไปตรงหน้ามู่น่อนน่อน เชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดด้วยท่าทีที่หยิ่งยโสว่า: “ฉันได้ยินแม่เธอบอกว่า เธออยู่ที่โรงถ่ายละคร”
มู่น่อนน่อนไม่ได้พูดอะไร แค่มองมู่หวั่นขีนิ่งๆ
มู่หวั่นขีโมโหที่มู่น่อนน่อนทำท่าไม่สนใจตัวเอง แต่พอนึกถึงเป้าหมายของตัวเอง ก็อดทนเอาไว้ได้: “《เมืองพัง》เธอเขียนขึ้นมาเองเหรอ?”
“ใช่” มู่น่อนน่อนอยากดูว่ามู่หวั่นขีคิดจะทำอะไรอีก
มู่หวั่นขีถอดแว่นกันแดดออก: “ความสัมพันธ์ของเธอกับผู้จัด《เมืองพัง》ดูไม่เลวเลยนะ? ฉันชอบบทละครเรื่องนี้มาก ไม่เอานางเอกก็ได้ ขอตำแหน่งนางรองก็ได้ เรื่องอดีตของพวกเรา ฉันก็จะถือว่าเป็นโมฆะไป เธอก็จะได้กลับไปตระกูลมู่”
โมฆะงั้นเหรอ?
มู่น่อนน่อนแสยะยิ้มเย็นชา: “อะไรคือเป็นโมฆะ ฉันเคยทำอะไรเธอเหรอ? ส่วนเรื่องกลับตระกูลมู่ ฉันขอให้ฉันกลับไปฉันก็ไม่กลับหรอกนะ”
มู่หวั่นขีไม่คิดว่ามู่น่อนน่อนจะไม่รู้จักสำนึกขนาดนี้
เธอโกรธจนสีหน้าบึ้งตึงไปหมด: “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะให้เธอ เห็นเธอโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวด้านนอก ฉันจะให้โอกาสเธอกลับไปที่ตระกูลมู่ แต่เธอกลับไม่รู้จักสำนึกงั้นเหรอ!”
มู่น่อนน่อนจะไม่รู้ความคิดของมู่หวั่นขีได้ยังไง
โอกาสที่มู่หวั่นขีบอกว่าให้เธอกลับไปตระกูลมู่ได้นั้น ก็แค่อยากให้มู่น่อนน่อนกลับไปตระกูลมู่ ให้เธอแกล้งทำตัวโง่เหมือนเมื่อก่อน ยอมรับใช้มู่หวั่นขีต่อไป
มู่หวั่นขีคิดวางแผนมาเสียดิบดี แต่มู่น่อนน่อนกลับไม่โง่หลงกลเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“ฉันเป็นคนไม่สำนึกบุญคุณแบบนี้แหละ เธอเอาโอกาสนี้ให้คนอื่นเถอะนะ”
“เธอ……”
มู่น่อนน่อนเดินอ้อมมู่หวั่นขี แล้วเดินจากไปทันที
……
มู่น่อนน่อนรู้จักคนตระกูลมู่ดี รู้ว่าเรื่องนี้มู่หวั่นขีไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆแน่
เป็นไปตามที่คิดเลย วันต่อมาเธอก็ได้รับสายจากมู่ลี่เหยียน
มู่ลี่เหยียนมีข้อดีเรื่องเดียว ก็คือตามใจลูกชายลูกสาวจนเคยตัว
แน่นอน นอกจากมู่น่อนน่อน
“ในเมื่อกลับเมืองหู้หยางแล้ว ทำไมไม่กลับมาบ้านล่ะ?” มู่ลี่เหยียนทำเหมือนความจำเสื่อมอย่างไงอย่างนั้น เหมือนลืมเรื่องที่ว่าประกาศตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับมู่น่อนน่อนไปแล้ว
มู่น่อนน่อนก็ไม่คิดจะให้มู่ลี่เหยียนทำเป็นข้ามผ่านเรื่องนี้ไป เธอเลยพูดเตือนมู่ลี่เหยียนว่า: “ในเมื่อคุณมู่ลืมไปแล้ว งั้นดิฉันก็ขอเตือนคุณแล้วกัน พวกเราตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกันแล้ว”
มู่ลี่เหยียนไม่สนใจคำพูดของมู่น่อนน่อนด้วยซ้ำ: “ถ้าเธอยังอยากกลับตระกูลมู่ ฉันจะยกโทษเรื่องทุกอย่างให้แก”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้วก็อยากหัวเราะออกมาดังๆ
“ฉันทำอะไรผิดต่อคุณกัน คุณถึงต้องยกโทษให้ฉัน?”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า ทั้งชีวิตนี้ของเธอไม่มีทางเข้าใจความคิดของคนตระกูลมู่ได้เลย
ทั้งที่เธอถูกหลอกใช้มาตลอด แถมยังโดนทิ้งมาตลอดด้วย
แต่พอคนตระกูลมู่พูดออกมานั้น กลับกลายเป็นว่าเธอทำอะไรผิดต่อพวกเขา ตอนนี้พวกเขายังใจกว้างยอมยกโทษให้เธอ แถมยังอนุญาตให้เธอกลับบ้านได้
เสียงของมู่ลี่เหยียนเย็นชาขึ้นมา: “แกทำอะไรลงไป แกรู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่ว่ายังไง พวกเราตระกูลมู่ก็มีพระคุณต่อแก ตอนนี้แกควรกลับมาตอบแทนบุญคุณแล้วล่ะ”
“คุณมู่คะ ถ้าคุณมีเวลาก็ไปหาหมอทางโรคสมองดูนะคะ ไปตรวจดูสิ ว่าในสมองมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ตัดสายไปทันที
เธอเทน้ำแล้วดื่มไปทั้งแก้วรวดเดียว จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกยาวๆ แล้วนั่งลงบนโซฟา
ในบ้านไม่มีวัตถุดิบอะไรเลย เธอตัดสินใจออกไปซื้อของ
มู่น่อนน่อนขับรถไปซูเปอร์มาร์เก็ตข้างๆ ตอนที่กลับมา ก็เห็นหน้าคอนโดมีรถหรูจอดอยู่หนึ่งคัน
แม้จะเป็นรถหรู แต่เทียบกับของเฉินถิงเซียวไม่ได้หรอก แต่ถ้าเทียบกับเขตพื้นที่นี้แล้ว ดูจะโดดเด่นกว่าคันอื่นๆ
ตอนนี้เอง โทรศัพท์เธอก็มีข้อความเด้งขึ้นมา
มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นเสิ่นชูหานส่งข้อความมา
“ขึ้นรถ ฉันมีของจะให้เธอ”
มู่น่อนน่อนอ่านข้อความเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมองรถหรูคันนั้น จากนั้นก็เดินไปหา เปิดประตูรถเข้าไปดู ก็เห็นผู้ชายนั่งสูบบุหรี่อยู่ และผู้ชายคนนั้นก็คือเสิ่นชูหานนั่นเอง
“นายมาทำไม?” มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วมองเขา
เสิ่นชูหานดับบุหรี่ในมือ: “มาหาเธอมีเรื่องจะคุยน่ะ”
ในรถมีกลิ่นควันโขมงเต็มไปหมด ทำเอามู่น่อนน่อนรู้สึกไม่สบายตัว เธอบีบจมูกไว้แล้วปัดควันตรงหน้าตัวเอง แล้วมองเขาด้วยแววตาที่สงสัย
เธอก็ถึงรู้สึกได้ว่าวันนี้เสิ่นชูหานดูแปลกๆไป
ที่เขี่ยบุหรี่มีก้นบุหรี่อยู่เต็มไปหมด เขาดูโทรมมากเลย
มู่น่อนน่อนถามเขา: “นายเป็นอะไรไป?”
“เป็นห่วงฉันเหรอ?” เสิ่นชูหานหันหน้าไปมองเธอ
มู่น่อนน่อนรีบกลับหลังหันอยากออกไป เสิ่นชูหานก็เรียกเธอไว้เสียก่อน: “น่อนน่อน ฉันมีของจะให้เธอ”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป เสิ่นชูหานก็พูดต่อว่า: “เป็นของที่เธออยากได้”
เธอหันกลับไปพูดว่า: “จะไปพูดในร้านกาแฟไหม?”
“พูดในรถนี่แหละ” เสิ่นชูหานเปิดกระจกลง
ตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้ว มีลมพัดเข้ามาอ่อนๆ เย็นสบายมาก
มู่น่อนน่อนนั่งลงข้างๆเสิ่นชูหาน
เสิ่นชูหานไม่รู้ว่าเอาซองเอกสารออกมาให้เธอจากไหน: “ดูเองสิ”
มู่น่อนน่อนมองเขา แล้วรับซองเอกสารมาเปิดดู แล้วหยิบของด้านในออกมา
เป็นผลตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอ
ไม่มีชื่อ ผลตรวจด้านหลังเขียนไว้ว่ามีความสัมพันธ์พ่อลูกกัน
มู่น่อนน่อนอึ้ง: “นี่เป็นผลตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอของใครกับใคร?”
เสิ่นชูหานชักบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน เหมือนอยากจะจุดไฟแช็ก: “หนึ่งในนั้นคือซือเฉิงหยู้”
เขาพูดจบ ก็อยากจะยื่นมือไปหยิบไฟแช็ก หันหน้าไปเห็นท่าทางมู่น่อนน่อนบีบจมูก ก็วางไฟแช็กลง แล้วหยิบบุหรี่มวนนั้นขึ้นมาหมุนเล่นที่มือ
“ซือเฉิงหยู้งั้นเหรอ?” มู่น่อนน่อนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที สมองโล่งไปหมด
เสิ่นชูหานอธิบายกับเธอช้าๆว่า: “ผลตรวจดีเอ็นเอนี้ ซือเฉิงหยู้สั่งคนไปทำน่ะ เวลาก็คือช่วงข่าวอื้อฉาวของเธอเมื่อปีก่อน”
มู่น่อนน่อนคำนวณเวลาดู
เรื่องข่าวอื้อฉาวของเธอกับซือเฉิงหยู้ เป็นฝีมือของซือเฉิงหยู้ล้วนๆ
โดยเฉพาะครั้งที่สอง เขายังนำกระแสด้านลบไปยังบริษัทเสิ้งติ่ง ตอนนั้นเขาก็แสดงออกมาเป็นนัยๆแล้วว่าจะแตกหักกับเฉินถิงเซียว
ซือเฉิงหยู้แตกหักกับเฉินถิงเซียวกะทันหัน เป็นเพราะผลตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอนี้หรือเปล่านะ?
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปถามเขา: “ดังนั้นผลตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอนี้ อีกคนคือใคร?”
เสิ่นชูหานกระตุกยิ้มมุมปาก: “ซือเฉิงหยู้ระวังตัวมาก ด้านบนไม่มีชื่อของทั้งสองคน แต่นี่ก็เดาไม่ยาก”