ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 311 คงลำบากเธอแย่เลย
“จริงเหรอ?” ซือเฉิงหยู้มองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มจางๆ “บังเอิญจังเลยนะ ผมก็มาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน”
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก แต่ก็ไม่ยิ้ม
ซือเฉิงหยู้ทำเพียงแค่หัวเราะ ก่อนจะเหลือบมองเธอ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า
มู่น่อนน่อนเดินตามเขาไป เธอพยายามหาเส้นผมบนไหล่ของเขา แต่ก็หาไม่เจอเลย
ซือเฉิงหยู้เป็นคนที่เป็นระเบียบมาก
มู่น่อนน่อนไม่มีวิธีทางอื่น วันนี้เธอต้องหาเส้นผมของซือเฉิงหยู้ให้ได้
เพื่อยืนยันว่าซือเฉิงหยู้และเฉินชิงเฟิงมีความสัมพันธ์แบบพ่อลูกจริงหรือไม่ และบางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับการตามหาเฉินมู่ ดังนั้นเธอจะไม่ละทิ้งโอกาสนี้
อย่างไรก็ตาม ซือเฉิงหยู้เป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก เขาได้เคยไปตรวจ DNA ด้วยตัวเองแล้ว และเขาคงจะรู้ผลลัพธ์แล้ว
หากมู่น่อนน่อนดึงผมของเขาโดยตรง มันจะทำให้เขาเกิดความสงสัยอย่างแน่นอน
มู่น่อนน่อนยื่นมือออกไป แต่สุดท้ายก็ต้องดึงมือกลับมา
มู่น่อนน่อนมองดูซือเฉิงหยู้เข้าไปในห้องน้ำ ในใจเธอรู้สึกเป็นกังวลมาก
ในตอนนั้น มีเด็กอายุประมาณ 7-8 ขวบที่ถือโทรศัพท์อยู่เดินผ่านมู่น่อนน่อนไป
มู่น่อนน่อนห้ามเขาไว้ “เด็กน้อย ช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
ใครจะไปคิดว่าเด็กคนนี้จะมีใบหน้าที่หวาดระแวง “ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะไม่ขอความช่วยเหลือจากเด็ก จุดประสงค์ของคุณคืออะไร?”
มู่น่อนน่อน “…” เด็กสมัยนี้ฉลาดขนาดนี้เลยเหรอ?
เด็กน้อยหันมามองมู่น่อนน่อนอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดว่า “ชั่งเถอะ คุณดูสวยมาก และดูไม่เหมือนคนชั่วเลย คุณบอกมาเถอะ คุณจะให้ผมทำอะไร?”
“ขอบคุณนะ” มู่น่อนน่อนขยับปากและกระซิบข้างหูเขา “ฉันแพ้พนันมาน่ะ แล้วพวกเขาต้องการให้ฉันไปดึงเส้นผมของผู้ชายคนนี้”
ตอนที่มู่น่อนน่อนพูด เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดรูปของซือเฉิงหยู้ให้เขาดู
เมื่อเด็กเห็นภาพของซือเฉิงหยู้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “นี่คือนักแสดงหนังใช่ไหม? ผมเคยดูหนังของเขามาก่อน ผมรู้จักเขา เขาอยู่ในห้องน้ำเหรอ? ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
ก่อนที่มู่น่อนน่อนจะพูดจบ เด็กคนนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำชายแล้ว
มู่น่อนน่อนจึงต้องหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อเธอออกมา เธอก็เห็นเด็กน้อยและซือเฉิงหยู้ยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ
“คุณถ่ายรูปกับผมหน่อยได้ไหม? ผมชอบดูหนังของคุณมาก”
“ได้สิ”
จากนั้นเด็กน้อยก็หยิบมือถือออกมา และถ่ายรูปกับซือเฉิงหยู้
เด็กน้อยอายุประมาณ 7-8 ขวบรูปร่างไม่สูงมาก ซือเฉิงหยู้สูงประมาณ 1.8 เมตร เขาจึงต้องนั่งยองๆ เพื่อถ่ายรูปกับเขา
เด็กคนนั้นถ่ายรูปเรียบร้อย ในขณะที่ซือเฉิงหยู้กำลังจะยืนขึ้น จู่ๆ เขาก็เอื้อมมือไปดึงเส้นผมบนหัวของเขา “โห? คุณมีผมงอกด้วยเหรอ?”
เขาดึงผมออกมาก่อนจะโยนทิ้งลงไปบนพื้น ในตอนนั้นเขาเหลือบเห็นมู่น่อนน่อนออกมาพอดี เขาเลยกระพริบตาให้เธอ
มู่น่อนน่อนเบิกตาโต เด็กสมัยนี้ฉลาดขนาดนี้แล้วเหรอ?
ซือเฉิงหยู้มองไม่เห็นมู่น่อนน่อน เขาได้พูดคุยกับเด็กน้อยและเดินจากไป
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป และหยิบเส้นผมที่เด็กคนนั้นโยนลงไปที่พื้น เธอห่อมันด้วยทิชชู่อย่างระมัดระวัง และยัดมันเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเธอ จากนั้นเธอก็เหลือบมองไปทางซือเฉิงหยู้และเด็กคนนั้น ก่อนที่เธอจะเดินกลับห้องโถงของร้านอาหาร
เมื่อเธอไปที่ห้องโถง เธอก็เห็นว่าเด็กคนนั้นแยกกับซือเฉิงหยู้แล้ว เธอจึงไปจ่ายเงินด้วยความสบายใจ ก่อนจะเดินออกจากร้านอาหารไป
หลังจากที่เธอจากไป ซือเฉิงหยู้ก็ออกมาจากห้องอาหารส่วนตัว ก่อนจะเหลือบมองไปยังที่ที่เธอเคยนั่ง เขามีสีหน้าที่ไม่สามารถคาดเดาได้
……
มู่น่อนน่อนได้เส้นผมของซือเฉิงหยู้มาแล้ว จากนั้นเธอก็โทรหาเฉินถิงเซียวทันที
โทรศัพท์โทรติดอย่างรวดเร็ว แต่คนที่รับสายไม่ใช่เฉินถิงเซียว แต่เป็นสือเย่
สือเย่พูดก่อนที่มู่น่อนน่อนจะพูดว่า “คุณชายกำลังประชุมอยู่ครับ ผมจะเอาโทรศัพท์ไปให้เขาเดี๋ยวนี้ครับ”
มู่น่อนน่อนชะงักไป ก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณ”
ในโทรศัพท์มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเปิดประตู และตามด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำของสือเย่ “คุณชายครับ โทรศัพท์ของคุณครับ”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ “เกิดอะไรขึ้น?”
มู่น่อนน่อนอดใจรอไม่ไหวที่จะพูดว่า “ฉันได้เส้นผมของซือเฉิงหยู้มาแล้ว”
ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะได้เส้นผมของซือเฉิงหยู้มาได้อย่างราบรื่นแบบนี้
เฉินถิงเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามออกมาว่า “คุณได้มายังไง?”
มู่น่อนน่อนเล่าถึงขั้นตอนที่เธอไปเอาเส้นผมมาให้เฉินถิงเซียวฟัง
เฉินถิงเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ถ้านอนเย็นคุณไม่มีธุระอะไร ก็ไปรอที่คอนโดผมแล้วกัน เดี๋ยวคืนนี้ผมจะกลับเร็วหน่อย”
มู่น่อนน่อนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามเขาว่า “คุณจะกลับมาทานข้าวไหม?”
เฉินถิงเซียว “อืม”
……
มู่น่อนน่อนขับรถไปที่คอนโดของเฉินถิงเซียว ในระหว่างทางเธอก็ได้แวะที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
นอกจากจะซื้อกับข้าวแล้ว มู่น่อนน่อนก็ยังซื้อโยเกิร์ตและขนมปังอีกด้วย
เฉินถิงเซียวยุ่งมากจนไม่มีเวลาทาน บางทีเวลาที่เขาหิวหลังจากกลับจากเลิกงาน เขาจะได้มีอะไรมาทานรองทอง
มู่น่อนน่อนถึงตรงชั้นล่างคอนโดของเฉินถิงเซียว เธอเดินเอาของไปเก็บอยู่หลายครั้งกว่าจะเอาของไปครบ
เธอจัดของลงในตู้เย็นอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นเธอก็เริ่มเตรียมทำอาหารสำหรับมื้อเย็น
เธอไม่แน่ใจว่าเฉินถิงเซียวจะกลับมาตอนไหน แต่เขาบอกว่าเขาจะกลับมาทานอาหารเย็น ดังนั้นเขาก็น่าจะกลับบ้านมาก่อน 2 ทุ่ม
มู่น่อนน่อนเริ่มทำอาหารตอน 6 โมงเย็น
เธอรู้สึกสงสารเฉินถิงเซียว ดังนั้นเธอจึงเตรียมซุปและได้ทำอาหารหลายอย่างที่เขาชอบให้เขา
ก่อนที่เธอจะทำอาหารเสร็จ เธอได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น
มู่น่อนน่อนวางช้อนลงก่อนจะมองดูเวลา เพิ่งจะ 1 ทุ่มเอง เฉินถิงเซียวกลับมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
มู่น่อนน่อนเดินไปที่ประตู และมองผ่านตาแมวออกไป เมื่อเธอเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ข้างนอก ในหัวสมองของเธอก็มีแต่ความว่างเปล่าในทันที
คนที่ยืนอยู่นอกประตูไม่ใช่ใคร ซึ่งก็คือเฉินชิงเฟิงที่เธอและเฉินถิงเซียวได้พูดคุยกันเมื่อวานนี้
ในตอนนั้นเฉินชิงเฟิงกดกริ่งประตูอีกครั้ง มู่น่อนน่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่เธอจัดการกับอารมณ์ตัวแล้ว เธอก็เปิดประตู
“คุณลุงเฉิน?” มู่น่อนน่อนแสดงสีหน้าแปลกใจ
เฉินชิงเฟิงก็มีท่าทีประหลาดใจอย่างมาก “น่อนน่อน?”
มู่น่อนน่อนเปิดประตู ก่อนจะก้าวถอยหลัง เพื่อให้มีที่ว่างพอสำหรับให้เฉินชิงเฟิงเดินเข้ามา
มู่น่อนน่อนก้มศีรษะลง และพูดอย่างระมัดระวังว่า “คุณมาหาเฉินถิงเซียวใช่ไหมคะ? เขายังไม่กลับมา”
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” เฉินชิงเฟิงเดินเข้าไป ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง แล้วหันกลับไปมองเธอ
ในเวลานั้นซุปที่มู่น่อนน่อนกำลังทำอยู่ในครัว ก็ส่งกลิ่นหอมออกมา เฉินชิงเฟิงเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย “เธอกำลังทำอาหารอยู่หรือเปล่า?”
“ฉันแอบไปทำกุญแจห้องของเขามา เมื่อก่อนเขาชอบทานอาหารที่ฉันทำ ฉันเลยคิดว่าจะมาทำอาหารให้เขา เผื่อว่าเขาจะอารมณ์ดี แล้วเขาจะให้ฉันเจอลูก…”
ยิ่งมู่น่อนน่อนพูดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งก้มหัวลงเรื่อยๆ
เธอไม่รู้ว่าเฉินชิงเฟิงจะเชื่อข้ออ้างที่ไร้สาระของเธอหรือไม่
แม้จะดูห่างเหินไปบ้าง แต่ก็ยังดูสมเหตุสมผล
มู่น่อนน่อนก้มศีรษะลง เธอไม่ได้มองท่าทีของเฉินชิงเฟิงเลย เธอทำเพียงแค่กำมือของเธอไว้แน่นด้วยความประหม่า
หลังจากนั้นไม่นาน เธอได้ยินเฉินชิงเฟิงพูดว่า “คงลำบากเธอแย่เลย”