ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 326 ไปโดนทำคุณไสยตัวไหนมาเหรอ?
เฉินถิงเซียวจะไปสนใจอะไรกับหลักฐานของกู้จือหยั่น เขารีบตัดสายทิ้งทันที
แต่กู้จือหยั่นก็ไม่ได้ตายใจไปง่ายๆ แบบนี้
แม้ว่าเฉินถิงเซียวจะกดดันเขามาตลอดก็ตาม แต่ในทุกปีช่วงสิ้นปีจ่ายเงินโบนัส เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้สนใจเขาเลย
เมื่อพุ่งมาประเด็นนี้ แม้ว่าเฉินถิงเซียวไม่มีมนุษยธรรม เขาก็ยังคิดว่าเฉินถิงเซียวเป็นพี่น้องของเขาอยู่ดี
เฉินถิงเซียวเพิ่งเดินมาถึงห้องทำงานและนั่งลง ก็มีเสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้นมาจากโทรศัพท์
เฉินถิงเซียวชำเลืองมอง ก็เห็นว่าคนที่ส่งมานั้นคือกู้จือหยั่น เลยขี้เกียจจะไปกดดูว่ากู้จือหยั่นส่งอะไรมาหาเขา พลันโยนไปทางด้านข้างไปแยแส และเริ่มลงมือทำงานทันที
กู้จือหยั่นรออยู่นานก็ไม่เห็นข้อความหรือเฉินถิงเซียวโทรหาเขากลับ เลยเดาได้ว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้อ่านข่าวที่เขาส่งไปให้แน่
กู้จือหยั่นยังไม่ยอมลดละเลยจัดการโทรศัพท์หาสือเย่ทันที
สือเย่ที่กำลังกดปรินซ์งานอยู่หนึ่งฉบับนั้น ก็กดรับสายและถามกลับทันที “ประธานกู้ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เดี๋ยวผมจะส่ง Linkไปให้นายทาง Wechat นะ นายเปิดดูแล้วเอาไปให้เฉินถิงเซียวดูที แต่ว่านายต้องทำให้เขาสงบสติอารมณ์ให้ได้นะ”
“อะไรนะครับ?” สือเย่ฟังความหมายที่กู้จือหยั่นพูดออกมาแบบไม่เข้าใจเลยสักนิด
ตอนที่เขาจะถามกลับนั้น โทรศัพท์ก็มีเสียงกดตัดสายไปแล้ว สือเย่ตอบกลับ “ฮัลโหล” ไปสองครั้ง จากนั้นก็กดวางสายและไปดูข้อความใน Wechat แทน
ข้อความออนไลน์ใน Wechat เห็นได้ชัดว่าเป็นข่าวที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ประจวบเหมาะกับกู้จือหยั่นที่เป็นคนเข้ามาพอดี
สือเย่กดเปิดอ่าน ก็เห็นว่าเป็น Link หนึ่ง
จากนั้น กู้จือหยั่นก็ส่งข้อความมาสองข้อความ
“ต้องให้เฉินถิงเซียวดูให้ได้”
“ต้องทำให้เขาสงบสติอารมณ์ไว้ให้ได้!”
สือเย่สับสนอยู่ในใจ เรื่องอะไรกันที่ทำให้กู้จือหยั่นจริงจังถึงเพียงนี้
สือเย่เปิดดูมองผ่านๆ ก็เห็นพาดหัวข่าวตัวหนามาก จนเขาอดไม่ได้ที่จะกระดกมุมปากขึ้น
“สงสัยว่าอดีตภรรยาเก่าของคุณชายเฉินมีแฟนใหม่ และจูบกันอย่างดูดดื่มในรถยนต์”
เมื่อมองด้านล่างแล้ว ก็มีรูปภาพประกอบอีกหลายรูปด้วย
ในรูปมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่ในรถยนต์
ชายหนุ่มใส่เสื้อสเวตเตอร์มีฮู้ดสีเขียว ใส่หมวกแก๊ปจนปิดบังมองไม่เห็นใบหน้า ใบหน้าด้านข้างของผู้หญิงมองเห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นมู่น่อนน่อน
สือเย่คุ้นชินกับคนสองคนนี้มา พอเห็นเข้าก็จำได้ว่าคนที่อยู่ในรูปคือมู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวอย่างแน่นอน
เสื้อผ้าที่เฉินถิงเซียวสวมใส่นั้น เมื่อวานนี้เขาเป็นคนลงไปช่วยเฉินถิงเซียวเลือกเองกับมือ แถมยังใส่พอดีตัวเป๊ะ
สือเย่หยิบโทรศัพท์และเดินเข้าไปหาเฉินถิงเซียวทันที
เขายืนเคาะประตูด้านหน้าห้องทำงานของท่านประธาน
พลันมีเสียงสุขุมของเฉินถิงเซียวดังออกมาจากด้านใน “เข้ามา”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือสือเย่ พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีเรื่องอะไร?”
“คือมีเรื่องบางอย่าง ที่ต้องการให้คุณดูสักหน่อยครับ” สือเย่พูดไปด้วย พร้อมทั้งเอาโทรศัพท์ของตนเองยื่นมาทางด้านหน้าของเฉินถิงเซียว
เนื้อหาที่แสดงอยู่ในโทรศัพท์นั้น เป็นรูปภาพที่มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่ในรถยนต์
เฉินถิงเซียวมองลงด้านล่าง ก็เห็นพาดหัวข่าวอย่างชัดเจน
เฉินถิงเซียวแสยะยิ้มให้อย่างเย็นชา “อดีตภรรยาของคุณชายเฉิน?”
เขากับมู่น่อนน่อนตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ช่วงนี้ข่าวที่เขียนในโลกอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับมู่น่อนน่อน ส่วนใหญ่แล้วก็จะพาดหัวเอาไว้ว่า “อดีตภรรยาของคุณชายเฉิน”
สือเย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างถามกลับทันที “คุณชาย คุณว่าจะจัดการอย่างไรดี?”
ผ่านไปแวบเดียว น้ำเสียงของฉินถิงเซียวก็ดังขึ้นมา “ต่อไปฉันไม่อยากเห็นพาดหัวข่าวที่เกี่ยวกับมู่น่อนน่อน ที่เขียนว่าอดีตภรรยาของฉันให้มันแทงตาแบบนี้”
สือเย่ “….”
หรือว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การแก้ข่าวให้ถูกต้อง หรือว่าเป็นการเก็บข่าวพวกนี้เอาไว้ใช่ไหม?
สือเย่ยังคิดไม่ออกว่าต้องพูดอะไรดี โทรศัพท์ของเฉินถิงเซียวก็ดังขึ้นมาทันที
เฉินถิงเซียวชำเลืองมอง ก็เห็นว่าเป็นกู้จือหยั่นเจ้าหมอตัวแสบนั่น
เขาคิดถึงคำพูดที่กู้จือหยั่นพูดกับเขาไว้ก่อนหน้านี้ ก็เกาได้ว่ากู้จือหยั่นเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว
เมื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็ยังคงกดรับสายโทรศัพท์ทันที
แต่พอกู้จือหยั่นรับโทรศัพท์แล้ว ก็รีบพูดดักหน้าเขาไว้ทันที พร้อมทั้งพูดปลอบใจเขาด้วย “ถิงเซียว นายก็อย่าโกรธให้มากนักเลย ระยะนี้ก็มีคำพูดหนึ่งที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในโลกออนไลน์ คืออยากจะใช้ชีวิตให้ผ่านไปให้ได้ งั้นก็ทำให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะ เรื่องพรรค์นี้….”
เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้กดตัดสายเขาทิ้ง ทำได้แค่กำชับสือเย่เอาไว้ “ตอนนี้ช่วยไปนัดผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองให้กับกู้จือหยั่นหน่อย หาที่ดีที่สุดมาเลยนะ”
เสือเย่ไม่คัดค้านกับคำสั่งของฉินถิงเซียวเลย เขาคลี่ยิ้มออก “ครับ….”
กู้จือหยั่นเองก็ได้ยินคำพูดของเฉินถิงเซียวด้วย
เขาเหมือนกำลังบ้าคลั่งอยู่ปลายสาย “เฉินถิงเซียว รูปนั่นฉันให้คนไปตรวจสอบมาแล้ว มันไม่ได้แต่งเลยนะ ทำไมนายถึงไม่เชื่อฉันล่ะ? นี่นายไปโดนคุณไสยตัวไหนมาเหรอ”
“นายนั่นแหละที่ถูกคุณไสยมา” เฉินถิงเซียวกดตัดสายทันที จากนั้นก็จัดการบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของกู้จือหยั่นทันที
……
ตอนที่มู่น่อนน่อนกำลังจะออกจากบ้านนั้น ก็รับโทรศัพท์ของเสิ่นเหลียงของ “มาชาชาตอนเช้ากันหน่อยนะ”
“ตอนนี้แกมีเวลาเหรอ? ฉันสะดวกหมด” ประเด็นสำคัญคือเสิ่นเหลียงยุ่งกว่าเธอมาก เวลาของเธอดูมีอิสระมากอยู่หน่อย ดังนั้นแค่เสิ่นเหลียงต้องการจะนัดเธอ เธอก็เลยจัดเวลาทันที
เสิ่นเหลียงตอบกลับมา “มีสิ”
ทั้งสองคนนัดไปเจอกันร้านชาที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักของมู่น่อนน่อนนัก
ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินเข้ามานั้น เสิ่นเหลียงยังมาไม่ถึง เธอรออยู่ประมาณสิบกว่านาที เสิ่นเหลียงปรากฏตัวขึ้นและใส่แว่นตากันแดดสีดำพร้อมทั้งหมวกแก๊ปปิดหน้า
รอจนเธอนั่งลง มู่น่อนน่อนก็เอ่ยปากถามเขา “ทำไมจู่ ๆ ถึงได้นัดฉันมาดื่มชาในตอนเช้าล่ะ?”
เสิ่นเหลียงที่ไม่มีงานทำสามารถนอนได้ทั้งวัน และไม่ตื่นแต่เช้าเพื่อมานัดเธอให้ออกมาดื่มชาในตอนเช้าแบบนี้
“ช่วงนี้แกอะไรนะ ยังดีกับบอสใหญ่อยู่ไหม?” การแสดงออกของเสิ่นเหลียงดูแปลกอยู่บ้าง
มู่น่อนน่อนย่อมจับสังเกตได้ถึงน้ำเสียงแปลกพิกลของเสิ่นเหลียง และตอบกลับ “เราสองคนก็ยังอยู่ดีกันอยู่นะ”
เสิ่นเหลียงดูไม่เชื่อจนเห็นได้ชัด “เหรอ?”
“อื้อ” มู่น่อนน่อนพยักหน้าให้ และใช้สายตาประเมินเสิ่นเหลียงอย่างไม่แสดงอาการ
เสิ่นเหลียงทำท่าอย่างรู้อย่างเห็นแค่นั้น ราวกับอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
มู่น่อนน่อนไม่ค่อยชินกับการแสดงออกแบบนี้ของเสิ่นเหลียงเลย พลางเม้มริมฝีปากและพูดออกมา “พอแล้ว มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เลยนะ มัวแต่อ้ำ ๆ อึ้งๆ อยู่มันดูอึดอัดชะมัด”
“งั้นฉันพูดตรงๆ เลยนะ!” เสิ่นเหลียงนั่งตัวตรงอย่างเกินเหตุ จนตัวตรงแน่ว พลันพูดออกมาโดยที่ไม่หายใจเลยด้วยซ้ำ “แกกับบอสใหญ่เลิกกันแล้วและไปมีผู้ชายคนอื่นแต่กลับไม่ยอมบอกฉัน!”
มู่น่อนน่อนถึงกลับเบลอไปชั่วขณะ ถึงได้จับประเด็นของประโยคนี้ได้ “ฉันเลิกกับเฉินถิงเซียว? แล้วไปมีผู้ชายคนอื่นเหรอ?”
“ใช่!” การแสดงออกของเสิ่นเหลียงช่างเคร่งขรึมมาก “อาศัยที่ฉันมีประสบการณ์เคยนอนเตียงเดียวกันกับแกมาแล้ว แถมยังเป็นเพื่อนสนิทที่เคยใส่เสื้อผ้าชุดเดียวกัน แถมยังมาได้ข่าวความสัมพันธ์ของแกในช่วงนี้จากสื่ออีกด้วย ฉันรู้สึกเสียใจมากนะ”
เมื่อเห็นหน้าตาถือโทษโกรธความแถมพูดด้วยหน้าตาขึงขัง มู่น่อนน่อนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “แกไปฟังใครเขาพูดมา? ข่าวอะไรที่เขียนออกมาแบบนี้ได้นะ? ฉันจะไปฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกลับ”
สีหน้าไร้ความรู้สึกของเสิ่นเหลียงควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยื่นให้ตรงด้านหน้าของมู่น่อนน่อน “ดูเองเลย”
มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อชำเลืองมองแล้ว ถึงกลับตกตะลึงทันที
มู่น่อนน่อนเงยหน้ามองมาทางเสิ่นเหลียงอย่างตกตะลึง “พาดหัวข่าวเขียนว่าฉันมีแฟนใหม่ แถมยังจูบดูดดื่มอยู่ในรถอีกเหรอเนี่ย?”
“ด้านหลังยังมีรูปอยู่” เสิ่นเหลียงนั่งกอดอก พร้อมตีหน้าเย็นชาใส่