ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 328 เครื่องมือในการกอบโกยเงิน
เฉินถิงเซียวระมัดระวังตัวขนาดไหน มู่น่อนน่อนรู้ดีที่สุดแล้ว
ถ้าเธอยอมรับว่าเป็น “แฟนหนุ่มคนใหม่” ถึงเวลานั้นเฉินถิงเซียวต้องค้นเธอตาหลับตาเหลือกแน่
คำว่าแฟนหนุ่มกับ “แฟนหนุ่มคนใหม่” มันเหินห่างกันเห็นได้ชัด
มู่น่อนน่อนรับมือกับนักข่าวเสร็จแล้ว วันนี้ก็ไม่กล้าจะไปที่สตูดิโอ ซิตี้อีก ตอนที่โทรศัพท์หาฉินสุ่ยซานนั้น ฉินสุ่ยซานก็เอาข่าวมาหยอกเธอเล่นอีกครั้ง
“ข่าวดังที่พาดหัวข่าวเรื่องแกสองสามวันติด มันทำให้กองถ่ายของเราประหยัดค่าโฆษณาไปได้ไม่น้อยเลย”
มู่น่อนน่อนตอบกลับด้วยเมตตาจิต “เป็นแบบนี้ ถึงตอนนั้น 《เมืองพัง》ถ่ายออกมาแล้วโกยเงินเข้า หรือว่าแกจะแบ่งโบนัสพิเศษให้ฉันสักหน่อยดีไหม?”
ฉินสุ่ยซานตอบกลับอย่างไม่ถูกใจ “ละครยังถ่ายไม่จบเลย แกก็นึกถึงแต่เรื่องแบ่งเงินแล้วเหรอเนี่ย? นี่แกเห็นแก่เงินไปแล้วเหรอ? ”
มู่น่อนน่อนเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ใครกันที่ไม่ชอบเงิน ยิ่งเยอะมันยิ่งดีเลย”
เธอพูดคุยกับฉินสุ่ยซานไปด้วย และเดินไปยังลานจอดรถด้วย
เธอเพิ่งจะหารถตนเองเจอ จากนั้นก็กดปลดล็อก จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกคุ้นหูจากทางด้านหลัง “มู่น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนหันกลับมา ก็ห็นเฉินจิ่งหยุ้นที่ใส่ชุดสีขาวทั้งชุด
“เรียกฉันหรือคะ? มู่น่อนน่อนใช้นิ้วมือชี้มาที่ตนเอง”
เฉินจิ่งหยุ้นเผยอปากพูด ด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่ “ที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่อีกไหมล่ะ?”
“มีธุระก็พูดมา ร้อนตับจะแตก ฉันรีบกลับบ้านอยู่นะ” มู่น่อนน่อนหมุนกุญแจรถอยู่ในมือ พลันเอนพิงกับรถยนต์ และใช้มือบังแสงแดดเอาไว้
สภาพอากาศสิ้นเดือนสิงหาคมมันร้อนมาก
“แม้ว่าแกหย่าขาดกับเฉินถิงเซียวแล้ว แต่แกก็เคยเป็นภรรยาของเฉินถิงเซียว รบกวนช่วยรักษาภาพพจน์หน่อย แกเสียหน้าก็เป็นเรื่องของแกไป อยากได้คิดที่อาศัยความดังของถิงเซียว และดึงเขาให้เสียหน้าไปด้วย”
เฉินจิ่งหยุ้นพูดจาอย่างเป็นจริงเป็นจน จนทำให้มู่น่อนน่อนเกือบจะเชื่อแล้วว่าเธอเป็นพี่สาวที่ดีที่รักน้องชายคนหนึ่ง
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลง ใบหน้าประดับรอยยิ้มอยู่เล็กน้อย และพูดอย่างเนิบนาบ “สิ่งที่คุณกำลังเป็นห่วงอยู่ เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องที่เฉินถิงเซียวต้องขายหน้า แต่คุณกลัวว่าจะส่งผลกระทบมายังชื่อเสียงของตระกูลเฉินด้วย จนส่งผลกระทบมาถึงตัวคุณเองด้วยล่ะมั้ง”
เฉินจิ่งหยุ้นรีบพูดตัดบทเธออย่างด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “แกหุบปากไปเลย เรื่องของพี่น้องอย่างพวกเรา ยังไม่ถึงขั้นที่คนอย่างแกจะเสนอหน้ามาพูด!”
มู่น่อนน่อนแสยะยิ้มให้ “เหรอ? งั้นเรื่องส่วนตัวของฉัน งั้นก็ยังไม่ถึงขึ้นที่คุณจะเสนอหน้ามาพูดได้เช่นกัน”
“ถ้าแกไม่ใช่มัวแต่คอยเกาะความดังของถิงเซียวอย่างน่ารังเกียจมาโดยตลอด แกคิดว่าฉันจะยินยอมมาสนใจว่าแกจะไปอยู่กับใคร ทำอะไรที่ไหนไหมล่ะ! ผู้หญิงที่ดี ก็ต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้บ้างถึงจะถูก”
สีหน้าของเฉินจิ่งหยุ้นดูหมิ่นจนเห็นได้อย่างชัดเจน
มู่น่อนน่อนไม่รู้สึกโมโหเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกขำขันมากกว่า
เธอรู้ถึงความหมายของเฉินจิ่งหยุ้นเป็นอย่างดี เฉินจิ่งหยุ้นที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าทุกครั้งที่เธอตกเป็นพาดหัวข่าวก็อาศัยความดังของเฉินถิงเซียวทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้ดันมาถูดถ่ายรูปในรถตอนที่กำลังจูบกันอีก จนทำให้เฉินถิงเซียวถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา
เรื่องนี้ เธอเองก็ไม่เคยคิดเช่นเดียวกัน
แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะยอมรับการสั่งสอนจากเฉินจิ่งหยุ้นนะ
“คุณคิดว่าคุณเป็นแม่ฉันเหรอไง? ที่ฉันทำอะไรก็แล้วแต่ต้องให้คนอย่างคุณมาคอยสั่งสอนอยู่เสมอ? ส่วนเรื่องที่ฉันไปเกาะชื่อเสียงของเฉินถิงเซียวหรือเปล่า เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าตัวเขาไม่รู้เรื่องเขาก็มาหาฉันเอง เขาจำเป็นต้องให้คุณช่วยออกหน้าจัดการปัญหานี้แทนเขาเลยหรือไง?”
เห็นกับว่าสีหน้าของเฉินจิ่งหยุ้นดูย่ำแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ การแสดงออกทางสีหน้าที่ไม่แยแสของมู่น่อนน่อนรีบเก็บอาการทันที และพูดอย่างจริงจังเล็กน้อย “ฉันเข้าใจดีว่าคุณเห็นแก่ตัว และเข้าใจดีว่าคุณชอบไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ถ้าคุณยังคิดว่าตัวเองเป็นพี่สาวของเฉินถิงเซียวจริงๆ คุณก็ไปเป็นห่วงเฉินถิงเซียวให้เยอะๆ สักหน่อย”
แม้ว่าเฉินจิ่งหยุ้นเฉินถิงเซียวจะเป็นฝาแฝดกัน แต่ความสายสัมพันธ์กลับไม่ดีเอาซะเลย
คดีถูกลักพาตัวในตอนเด็ก เฉินถิงเซียวเห็นกับตาว่าแม่ของเขาถูกข่มเหงต่อหน้าต่อตา ก่อนที่คนจะเข้ามาช่วยก็ฆ่าตัวตายไปในชั่ววินาทีนั้น หลังจากนั้นแล้ว พี่สาวฝาแฝดของเขาแท้ๆ แต่กลับไม่เคยปลอบใจเขาเลยสักครั้ง แต่กลับรังเกียจเขาแทน เพราะรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กที่นิสัยแปลกประหลาด
เฉินถิงเซียวไม่พูดถึงรายละเอียดอย่างนี้กับเธอ มู่น่อนน่อนเองก็แค่คาดเดาจากคำพูดที่เขาพูดออกมาเท่านั้นเอง
เฉินจิ่งหยุ้นเป็นคนเห็นแก่ตัวมากตั้งแต่เด็ก และรู้ดีว่าสิ่งใดที่มีประโยชน์กับตนเองอย่างชัดเจน
สำหรับน้องชายอย่างเฉินถิงเซียวคนนี้ เกรงว่าคงใช้ประโยชน์กับความรู้สึกมากกว่า
เธอเป็นลูกสาวของตระกูลเฉิน ตัวเธอเองย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าความสามารถไม่สามารถเทียบเคียงกับเฉินถิงเซียวได้ มีแค่เฉินถิงเซียวเท่านั้นสามารถบริหารบริษัทตระกูลเฉินได้เป็นอย่างดี และสามารถประคับประคองความงดงามของมหาเศรษฐีคลื่นลูกใหม่น่าจับตามองของตระกูลเฉินไว้ได้
ถือว่ามู่น่อนน่อนมองออก พวกคนในตระกูลเฉิน นอกจากเจ้าเด็กเฉินเจียฉินนั่น ความคิดของคนอื่นต่างก็เหมือนกับเฉินจิ่งหยุ้น
พวกเขาคิดว่าเฉินถิงเซียวเป็นเครื่องมือในการกอบโกยเงิน
เฉินจิ่งหยุ้นถึงกลับหน้าดำหน้าแดงกับคำพูดของเธอ “มู่น่อนน่อน แกอย่ามั่นหน้ามากนัก!”
“ฉันจะมั่นหน้าหรือเปล่า คุณย่อมรู้อยู่แก่ใจดี” มู่น่อนน่อนชูมือขึ้นและปาดเม็ดเหงื่อบริเวณหน้าผากของตนเองทันที จนเหงื่อมันไหลเต็มมือ
อุณหภูมิกลางแจ้งสูงมาก เธอเพิ่งจะยืนขึ้นไม่กี่นาทีเอง เหงื่อก็ผุดออกมาตั้งมากมาย
“ฉันขอตัวก่อน” เธอกับเฉินจิ่งหยุ้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันมาอีกแล้ว เลยเปิดประตูรถและขึ้นรถทันที
ตอนที่เธอขับรถผ่านด้านข้างของเฉินจิ่งหยุ้นไปนั้น เลยสังเกตเห็นสีหน้าหม่นหมองของเฉินจิ่งหยุ้น
ดูแบบนี้แล้ว ช่างละม้ายคล้ายคลึงเฉินถิงเซียวมาก
ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันมาก แถมนิสัยก็ไม่ทิ้งห่างกันเลย
……
ตอนที่มู่น่อนน่อนขับรถกลับไปนั้น ก็เห็นว่าใต้ตึกของอพาร์เม้นท์ของตนเองก็มีรถหรูมาจอดหนึ่งคัน
เธอจัดการจอดรถไว้เรียบร้อยแล้ว พลันชำเลืองมองไปที่รถหรูคันนั้นครั้งหนึ่ง ก้นบึ้งหัวใจเต้นโครมคราม รถหรูหราขนาดนี้มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกบ้านที่พักอยู่ที่นี่ คงไม่ใช่ว่ามาหาเธอใช่ไหมเนี่ย?
ตอนที่เธอปลดเข็มขัดนิรภัยออกและลงจากรถ คนที่อยู่บนรถหรูคันนั้นก็เปิดประตูลงจากรถเช่นเดียวกัน
มู่น่อนน่อนหยุดเท้าอยู่กับที่ และหันไปมองคนที่ลงจากรถคันนั้น
ผู้ชายที่ลงจากรถ ใส่เสื้อผ้าสีดำทั้งชุด แถมเรียกเธออย่างอ่อนโยน “น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนตะลึงเล็กน้อย และตอบกลับไป “คุณชายซือมาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?”
สีหน้ามู่น่อนน่อนทำหน้าระแวดระวัง ซือเฉิงหยู้มาหาเธอทำไมกัน?
วันนี้ช่างเป็นวันพิเศษมากสำหรับเธอเลยจริงๆ ตอนแรกก็ถูกนักข่าวรุมล้อม จากนั้นก็เฉินจิ่งหยุ้น สักพักก็มาเจอซือเฉิงหยู้เข้าอีก
คนพวกนี้เขาเลือกวันมาหาเธอได้อย่างพร้อมเพรียงกันจริงๆเหรอเนี่ย?
ซือเฉิงหยู้ใช้หลังฝ่ามือเปิดประตูรถ จากนั้นก็เดินตรงดิ่งมาอยู่ตรงด้านหน้าของมู่น่อนน่อนทันที น้ำเสียงดูจริงจังมาก “คุณไม่ต้องระมัดระวังขนาดนั้นเลย วันนี้ที่ผมมา มีธุระให้คุณช่วยหน่อย”
“ขนาดราชาภาพยนตร์ซือยังไม่ได้รับความยุติธรรม แล้วคุณคิดว่าฉันจะสามารถช่วยสร้างความยุติธรรมให้คุณได้ไหมเนี่ย?” มู่น่อนน่อนถอยหลังไปสองก้าวตามสัญชาตญาณ
คำพูดคำจาอันเสียดสีของมู่น่อนน่อน แต่ซือเฉิงหยู้ไม่ได้สนใจสักนิดเลย
เขาถอนหายใจออก และพูดว่า “พ่อของผมเสียชีวิตไปแล้ว เสี่ยวฉินก็เสียใจมาก เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว ผมหวังว่าถ้าคุณมีเวลา ก็สามารถไปคุยเป็นเพื่อนกับเขาหน่อย”
มู่น่อนน่อนตะลึงทันที
ซือหมิงหวนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ความจริงแล้วในใจเธอนั้นก็ยังเป็นห่วงเฉินเจียฉินอยู่บ้าง
เธอไม่คิดเลยว่าซือเฉิงหยู้จะมาหาเธอเองเลย
“คุณเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเขานี่ มีคุณอยู่เป็นเพื่อนด้วยก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ” แม้ว่าในใจของเธอนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าซือเฉิงหยู้กับเฉินเจียฉินนั้นไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกันจริงๆ แต่ก็ต้องพูดแบบนี้ออกมา
ซือเฉิงหยู้ส่ายหน้าไปมา “จุดประสงค์หลักของผมในวันนี้ มีแค่เรื่องของเสี่ยวฉิน คุณไม่ต้องหวั่นไหวมากเกินไป ผมรู้ว่าคุณกับเสี่ยวฉินมีความสนิทสนมกัน ถึงได้ตั้งใจมาคุณ”
มู่น่อนน่อนลองประเมินซือเฉิงหยู้อยู่สักพัก พร้อมทั้งไม่เห็นสีหน้าที่แสดงความผิดปกติออกมาทางสีหน้าของเขาเลยจริงๆ จึงได้พยักหน้าและพูดตอบ “ไว้วันอื่นฉันจะไปหาเขา”