ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 335 ใครก็อย่าคิดจะง้างปากของเขา
มู่น่อนน่อนเช็ดน้ำฝนที่อาบทั่วใบหน้า ถือดอกไม้ไปหน้าหลุมศพแล้วคุกเข่าลง และวางช่อดอกไม้ไว้หน้าหลุมศพ
เธอมองที่หลุมศพสักพัก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณแม่คะ ฉันคือน่อนน่อน อยู่กับเฉินถิงเซียวมานานแล้ว ต้องขอโทษเป็นอย่างมากที่เพิ่งมาเยี่ยมคุณในวันนี้นะคะ”
เธอพูดจบก็คำนับศีรษะหน้าหลุมศพสามครั้ง
เฉินถิงเซียวลดสายตาลงมองเธอที่กำลังคำนับศีรษะสามครั้ง แล้วถอดเสื้อโค้ตคลุมศีรษะเธอ ดึงเธอขึ้น ถามเธอสีหน้านิ่ง “มาหาเจอได้ยังไง”
มู่น่อนน่อนชี้ไปยังกู้จือหยั่นที่เพิ่งวิ่งหอบแฮ่กมาถึงในเวลานี้ “เขาพาฉันมา”
เฉินถิงเซียวดึงเสื้อโค้ตที่คลุมศีรษะมู่น่อนน่อนมาด้านหน้า ให้แน่ใจว่าเสื้อโค้ตสามารถบดบังสายฝนให้เธอลืมตาได้ ก่อนจะยื่นมือไปเช็ดน้ำฝนบนใบหน้าให้เธอ
“น่อนน่อน ผมสงสัยจริงๆ ว่าคุณเคยเป็นนักกีฬามาก่อน ทำไมวิ่งเร็วแบบนี้” กู้จือหยั่นมือหนึ่งถือร่ม มือหนึ่งเท้าหลังเอว
เขาเดินเข้ามา ยื่นร่มให้เฉินถิงเซียว จากนั้นจึงเดินไปคำนับหน้าหลุมศพ ก่อนจะหันมาถามว่า “คุณมาเยี่ยมคุณป้าก็บอกน่อนน่อนหน่อยไม่ได้เหรอ ทำให้เธอต้องตามหาคุณไปทุกที่”
เมื่อเฉินถิงเซียวได้ยิน ก็ก้มหน้ามองมู่น่อนน่อน
เขาถือร่มไว้เหนือศีรษะมู่น่อนน่อน ยื่นมือไปดึงเสื้อที่คลุมศีรษะลงมาสวมบนร่างกายเธอ แล้วจัดเสื้อโค้ตให้แนบชิดตัวเธอ
เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มู่น่อนน่อนใส่ หลังจากเปียกฝน มันจึงดูดซับมาก
กู้จือหยั่นเห็นดังนั้นจึงรีบพูดว่า “พวกคุณมีเรื่องอะไรก็คุยกันไปก่อน ผมจะลงเขาไปก่อนแล้วกัน”
กู้จือหยั่นตากฝนจากไป เหลือเพียงเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนเพิ่งมีโอกาสได้เงยหน้าขึ้นไปสำรวจเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวดูไม่แตกต่างจากปกติ นอกจากเปียกฝนจนดูสภาพย่ำแย่ไป ไม่มีตรงไหนที่ผิดปกติ
มู่น่อนน่อนคิดครู่หนึ่ง ในปีนั้นตอนที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นฤดูหนาว ไม่ใช่ฤดูร้อน ดังนั้นวันนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นวันครบรอบวันตายของแม่ของเฉินถิงเซียว
มันต้องมีเรื่องอื่นที่กระทบจิตใจเฉินถิงเซียว
เขาถึงได้ดั้นด้นมาถึงที่นี่คนเดียว
ผ่านไปนาน กระทั่งน้ำเสียงแหบแห้งของเฉินถิงเซียวดังขึ้น “เดิมทีวางแผนไว้ว่าตอนที่ไปรับคุณกับเฉินมู่กลับมาจากซิดนีย์ จะมาเยี่ยมคุณแม่ผมด้วยกัน แต่เฉินมู่หายไป ผมกลัวว่าท่านรู้เข้าแล้วจะเสียใจ”
น้ำเสียงของเขากดต่ำ สายตามองต่ำ กลิ่นอายแห่งความหม่นหมองและอดกลั้นแผ่ออกมา
มู่น่อนน่อนไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง จึงเข้าไปกอดเขาเอาไว้
มือของเฉินถิงเซียวจับไหล่ของเธอเบาๆ แล้วผลักเธอออกอย่างรวดเร็ว พาเธอไปหน้าหลุมศพ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบว่า “คุณแม่ครับ นี่คือ ภรรยาของผม มู่น่อนน่อน เรายังมีลูกสาวหนึ่งคนด้วยชื่อเฉินมู่ จะพาเธอมาเยี่ยมคุณในภายหลังนะครับ”
ทั้งทั้งที่เป็นประโยคเรียบง่ายแต่กลับสะเทือนใจมาก มู่น่อนน่อนได้ยินแล้วอยากร้องไห้
เธอหันหน้าไปอีกทาง เช็ดน้ำตาเงียบๆ
เมื่อเฉินถิงเซียวพูดจบ จึงกอดไหล่มู่น่อนน่อน “ไปเถอะ”
……
หลังจากลงมาจากภูเขา มู่น่อนน่อนโทรหาสือเย่ บอกว่าหาเฉินถิงเซียวพบแล้ว ให้เขาวางใจ
หลังจากมู่น่อนน่อนวางสาย เดิมทีเธออยากโน้มน้าวเฉินถิงเซียว ว่าคราวหน้าจะไปไหนต้องบอกสือเย่เอาไว้
ทว่า เห็นเฉินถิงเซียวหลับตาท่าทางเหนื่อยล้ามาก จึงกลืนคำพูดที่มาถึงริมฝีปากกลับลงไป
เขายังนึกได้ว่าต้องส่งข้อความกลับหาเธอ นั่นก็นับว่าไม่เลว
พวกเขากลับมาถึงในเมืองแล้วจึงแยกกับกู้จือหยั่น และตรงไปยังคอนโดของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเข้าห้องน้ำไปเตรียมน้ำร้อนโดยไม่พูดอะไร มู่น่อนน่อนยืนอยู่ตรงประตูห้องน้ำมองดูเขา
เฉินถิงเซียวเหมือนจะรู้สึกได้ จึงหันหน้าไปมองเธอและส่งเสียงออกมาว่า “เข้ามา”
หลังจากมู่น่อนน่อนเข้าไป เขาก็ถอดเสื้อผ้าบนตัวเธอ
“ฉันทำเอง……” มู่น่อนน่อนรีบยกมือกอดตัวเองอย่างรวดเร็ว
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้ว น้ำเสียงจริงจัง “คุณถอดเอง ไม่สู้ให้ผมถอดให้คุณเร็วกว่า”
มู่น่อนน่อนสำลักกับคำพูดของเขา
เฉินถิงเซียวฉวยโอกาสนี้ถอดเสื้อผ้าให้เธออย่างรวดเร็ว แล้วโยนเธอลงในอ่าง
มู่น่อนน่อนแอบคิด มันเร็วกว่าที่เธอถอดเองอย่างที่ว่าเลย
ตัวเฉินถิงเซียวเปลี่ยนเป็นชุดคลุมแล้วออกไป
มู่น่อนน่อนอาบน้ำเสร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอก ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวในครัว
ตอนที่เธอเข้าไปในครัว เห็นเฉินถิงเซียวกำลังมองโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับใส่บางอย่างลงไปในซุป
“คุณกำลังทำอาหารอะไรอยู่เหรอ” มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปอย่างอยากรู้อยากเห็น
เฉินถิงเซียวไม่ได้หันหน้ากลับมา สายตาเอาจริงเอาจังอยู่กับโทรศัพท์มือถือ “ซุปขิง”
มู่น่อนน่อนเหลือบมองโทรศัพท์มือถือ พบว่าเขากำลังค้นหาวิธีทำซุปขิงบนอินเทอร์เน็ต
“คุณรีบไปอาบน้ำร้อนเถอะ ฉันทำเอง” เธอไม่เชื่อว่าเฉินถิงเซียวจะทำอาหารได้สำเร็จ
เฉินถิงเซียวคว้าคอเสื้อของเธอแล้วดึงให้ถอยหลัง พูดน้ำเสียงบางเบา “ผมเอง”
มู่น่อนน่อน “………”
เฉินถิงเซียวยืนกรานแบบนี้ มู่น่อนน่อนก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่อยู่ข้างๆ ดูเขาทำอาหาร
อาจเพราะความจริงเขาเป็นคนฉลาด ต่อให้เป็นผู้ชายที่ไม่เคยทำอาหารมาก่อน ทำซุปขิงตามวิธีทางอินเทอร์เน็ตออกมารสชาติก็ยังปกติมาก
มู่น่อนน่อนดื่มอึกหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น เห็นเฉินถิงเซียวกำลังจับจ้องมองเธอ และถามออกมาหนึ่งคำประโยค “รู้สึกยังไงบ้าง”
“ไม่เลว” มู่น่อนน่อนพยักหน้า แล้วดื่มอีกอึกหนึ่ง
เฉินถิงเซียวลูบศีรษะของเธอ “ดื่มเยอะๆ ผมไปอาบน้ำแล้ว”
มองดูเฉินถิงเซียวเข้าห้องน้ำไปแล้ว มู่น่อนน่อนจึงแลบลิ้นออกมา แล้วใช้มือพัดไม่หยุด
ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นความตั้งใจของเฉินถิงเซียว ในที่สุดมู่น่อนน่อนก็ดื่มไปหนึ่งชามใหญ่
หลังจากดื่มไปหนึ่งชามใหญ่ ชีวิตนี้มู่น่อนน่อนไม่อยากดื่มซุปขิงอีกเลย
เฉินถิงเซียวอาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นมู่น่อนน่อนถือเครื่องเป่าผมเฝ้าหน้าประตูห้องน้ำแล้ว
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้ว “ทำอะไร”
“ช่วยเป่าผมให้คุณ” มู่น่อนน่อนยกเครื่องเป่าผมในมือ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
เฉินถิงเซียวปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่ต้อง คุณไปพักผ่อนเถอะ”
“อ้าว?” มู่น่อนน่อนชะงักไป เธอแค่เปียกฝนเท่านั้น ไม่ใช่ไม่เคยเปียก ไหนเลยจะอ่อนแอขนาดนั้น
มู่น่อนน่อนดึงเขาตรงไปห้องนั่งเล่น กดเขาลงบนโซฟา “ฉันจะเป่าผมให้คุณ ไม่เป่าผมเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ปฏิเสธอีก
มู่น่อนน่อนใช้มือลองลม ก่อนจะเริ่มเป่าผมให้เขา
รู้สึกว่าเฉินถิงเซียวผ่อนคลายลงทั้งกายใจแล้ว เธอจึงส่งเสียงถามเขาว่า “ทำไมวันนี้คุณถึงไปสุสานล่ะ”
เฉินถิงเซียวพูดเนือยๆ มาหนึ่งประโยคว่า “ไปเยี่ยมคุณแม่ผม ต้องดูฤกษ์ด้วยเหรอ”
มู่น่อนน่อนสำลัก พูดว่า “ไม่ใช่……”
เฉินถิงเซียวปากแข็งยิ่งกว่าอะไร เรื่องที่เขาไม่อยากพูด ใครก็อย่าคิดจะง้างปากของเขาเลย
เธอยังคิดว่าการใช้ความอ่อนโยนเข้าช่วย จะสามารถทำลายกำแพงในจิตใจของเขาได้
อ้อ เธอเกือบลืมไปเลย เดิมทีเฉินถิงเซียวก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วๆ ไปอยู่แล้ว
มู่น่อนน่อนนึกไปถึงท่าทีของเขาตอนที่ยืนอยู่คนเดียวตรงหน้าสุสาน พลันสะเทือนใจเล็กน้อย เธอถอนหายใจและพูดว่า “ฉันแค่เป็นห่วงคุณ สือเย่บอกว่าวันนี้คุณสูบบุหรี่หมดกล่องในเวลาเพียงไม่นาน”