ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 340 ทำให้คุณผิดหวัง
ลี่จิ่วเชียนยิ้ม ยังคงลักษณะที่ไม่มีพิษมีภัย เขาเปิดวีแชทของเธอต่อหน้าเธอ
มู่น่อนน่อนเห็นเขาเปิดวีแชทของเธอ เธอสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
ลี่จิ่วเชียนเปิดแวดวงเพื่อนของเธอ เริ่มอีดิทข้อความ เขาโพสต์รูปที่กำลังจะส่ง และอีดิทเป็นข้อความที่น่ารังเกียจว่า พี่จิ่วหุ่นเป๊ะปัง!
มู่น่อนน่อน “………”
ผู้ชายประหลาดคนนี้อาจจะเป็นคนสติไม่สมประกอบ
“ไม่พูดเหรอ ไม่มีความเห็นอะไรหน่อยเหรอ ถ้าไม่มีความเห็นอะไรงั้นผมส่งไปนะ” ลี่จิ่วเชียนเห็นเธอเอาแต่เงียบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งสดใสขึ้น
มู่น่อนน่อนรีบส่งเสียงห้ามเขา “เดี๋ยวก่อน!”
“โอ้ ไม่ให้ผมส่งเหรอ” นิ้วของลี่จิ่วเชียนยังแตะอยู่ข้างปุ่ม “ส่ง” แต่เขาไม่ได้ส่งไปในแวดวงเพื่อน
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ ถ้ามีเรื่องอะไรเรามาคุยกันจริงๆ จังๆ ดีไหม” แม้ในตอนนี้เธอจะอยู่ในการค้นหายอดนิยมอยู่บ่อยๆ ก็นับว่าเป็นคนดังครึ่งหนึ่งในโลกอินเตอร์เน็ต แต่ถ้าไม่ได้ใส่ใจเธอเป็นพิเศษ ก็จะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอเลย
ลี่จิ่วเชียนคนนี้รู้จักชื่อของเธอ รู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินถิงเซียว แถมยังแอบเข้าบ้านของเธอ ต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่
“ได้สิ มานี่ พวกเรามานั่งคุยกันดีๆ” ลี่จิ่วเชียนจัดเก็บโพสต์ แล้วทิ้งโทรศัพท์มือถือไปข้างหลัง ท่าทีจริงจังอย่างมาก
มู่น่อนน่อนยืนข้างประตูไม่ขยับ “คุณแต่งตัวให้ดีก่อน”
ตรงปากประตูหน้าห้องเธอมีกล้องวงจรปิด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเข้ามายุ่งวุ่นวาย
ลี่จิ่วเชียนฟังคำพูดของเธอ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้”
หลังจากนั้น เขาเดินผิวปากเข้าไปในห้องนอนมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองดูเขาเข้าไป
ให้คนแปลกหน้าเข้าไปในห้องนอนของเธอ มันน่าขยะแขยงยิ่งกว่าการกินแอปเปิ้ลแล้วกัดโดนหนอนเสียอีก
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผ่านวันนี้ไปต้องย้ายบ้านใหม่!
ไม่ถึงสองนาที ลี่จิ่วเชียนออกมาจากห้องของเธอ
สวมเสื้อแขนสั้นสีขาวดำและกางเกงขายาว ท่าทางเหมือนอยู่บ้าน ร่างกายที่เต็มไปด้วยแผลเป็นถูกซ่อนไว้ ลำพังมองแค่ใบหน้าของเขา ก็ให้ความรู้สึกดั่งแสงแดดอบอุ่น
ลี่จิ่วเชียนนั่งลงบนโซฟาอย่างเป็นกันเอง “ยังยืนที่ประตูทำไม เข้ามาคุยกันสิ”
“ฉันจะอยู่ตรงนี้ ฉันชอบหน้าประตู” มู่น่อนน่อนไม่ได้ปิดประตู ยืนหน้าประตูอยู่แบบนั้น ท่าทางเหมือนว่าจะไม่มีทางย้ายไปไหน
ลี่จิ่วเชียนเหมือนจะชะงักไปครู่หนึ่ง เอนตัวพิงไปด้านหลัง กางสองแขนออก วางไว้บนพนักโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
เขามองไปรอบๆ ห้อง เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง “แล้วลูกคุณล่ะ หลังจากคุณกับเฉินถิงเซียวหย่ากัน ลูกถูกเฉินถิงเซียวแย่งไปเหรอ”
มู่น่อนน่อนได้ยินเขาพูดถึงลูก สีหน้าพลันเปลี่ยนฉับพลัน “คุณเป็นใครกันแน่”
เกี่ยวกับเฉินมู่ มีเพียงคนรอบข้างเท่านั้นที่รู้ คนอื่นไม่มีใครรู้แน่ชัด
“ระวังตัวจังเลย กลัวผมเหรอ” ลี่จิ่วเชียนเผยยิ้ม มุมปากยกขึ้น จับจ้องมองเธอ ดูเหมือนเจตนาไม่ดี
“คุณไม่มีเงิน เป็นผู้หญิงที่เคยหย่า คิดว่าผมจะทำอะไรคุณหรือไง” ลี่จิ่วเชียนมองเธอหัวจดเท้า “อ้อ รูปร่างหน้าตาก็ใช้ได้ คุณจะให้ผมข่มขืนก่อนแล้วค่อยฆ่าไหมล่ะ”
คำพูดพวกนี้ฟังดูแล้วน่าขนลุก
แต่ทว่า มู่น่อนน่อนแปลกใจมากที่รู้สึกว่าเขาจะไม่ทำอย่างนั้น
มู่น่อนน่อนไม่พูด แค่จ้องเขา
ลี่จิ่วเชียนแสดงสีหน้าเศร้าใจ “แต่ผมไม่ลงมือกับผู้หญิง คงทำให้คุณผิดหวังแล้วล่ะ”
มู่น่อนน่อนแค่ยิ้มอย่างหงุดหงิด “คุณมาจากไหน”
เธอสงสัยอย่างจริงจังว่าชายคนนี้ออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช
เมื่อลี่จิ่วเชียนได้ยิน สีหน้าพลันจริงจังขึ้นมา ก่อนจะพูดออกมาสามคำ “ออสเตรเลีย”
ออสเตรเลีย?
หลังจากมู่น่อนน่อนเผาวิลล่าของเฉินถิงเซียว ได้ไปออสเตรเลียด้วยความช่วยเหลือของเสิ่นชูหาน นี่เป็นครั้งเดียวที่เธอไปออสเตรเลีย
และก่อนหน้านี้ลี่จิ่วเชียนยังถามเธอด้วยว่า “คุณไม่รู้จักผมเหรอ”
เธอมองลี่จิ่วเชียนอย่างละเอียด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลทางจิตวิทยาหรือไม่ เธอรู้สึกคุ้นหน้าลี่จิ่วเชียนจริงๆ
ยังไม่ทันที่เธอจะนึกได้ว่าสองคนรู้จักกันหรือไม่ เธอก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าเป็นกลุ่มขึ้นข้างหลัง
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น “คุณตำรวจ ตรงนี้ค่ะ”
มู่น่อนน่อนหันไปมอง และเห็นว่ามีคุณป้าคนหนึ่งนำตำรวจมาทางนี้
เมื่อคุณป้าคนนั้นเห็นมู่น่อนน่อนก็พูดอย่างเป็นห่วงว่า “คุณคะ คุณไม่เป็นอะไรนะ”
มู่น่อนน่อนรู้จักคุณป้าคนนี้ เป็นคนที่อาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กัน บางครั้งออกไปแล้วเจอก็จะทักทาย
คุณป้าอาศัยอยู่คนเดียว และไม่ค่อยเล่นอินเตอร์เน็ต โดยธรรมชาติแล้วจึงไม่รู้พวกเรื่องราวของมู่น่อนน่อน แค่เห็นว่ามู่น่อนน่อนก็อยู่ตัวคนเดียว อาจจะรู้สึกว่าหัวอกเดียวกัน จึงใจดีกับเธอเป็นพิเศษ
มู่น่อนน่อนส่งเสียงเรียกเธอ “คุณป้า”
คุณป้าเดินเข้ามาหาเธอ เอียงหน้าเข้าไปมองแล้วเห็นลี่จิ่วเชียนนั่งอยู่บนโซฟากำลังมองมาทางนี้ เธอจึงรีบดึงมู่น่อนน่อนออกมา “คุณไม่เป็นอะไรนะ ก่อนหน้านี้ฉันเห็นว่ามีคนเปิดประตูเข้าไป ก็ไม่ได้สังเกต ตอนที่ฉันลงไปตรงมุมทางโค้งเห็นว่ารถของคุณไม่อยู่ เมื่อกลับมาเห็นคุณเข้าไปพอดี จะเรียกคุณก็ไม่ทัน ว่ามีขโมยเข้าไป ฉันเลยโทรเรียกตำรวจ……”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้า รู้สึกซาบซึ้งใจมาก “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณคุณป้ามากนะคะ”
“ผู้ชายคนนั้น……” คุณป้าชี้เข้าไปข้างใน
มู่น่อนน่อนเอียงหน้ามอง ลี่จิ่วเชียนมองเธออย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปาก “ฉันไม่รู้จักเขาค่ะ”
……
หลังจากนั้น ลี่จิ่วเชียนก็ถูกตำรวจพาไป
แต่เพื่อลงบันทึก มู่น่อนน่อนจึงตามไปด้วย
“ชื่ออะไร”
“ลี่จิ่วเชียน”
“ทำอาชีพอะไร”
“ดร.ด้านจิตวิทยาอาชญาวิทยา เพิ่งกลับมาจากออสเตรเลีย ยังไม่ได้ทำงาน”
ตำรวจฟังถึงตรงนี้ ปากกาก็เขียนลงไป
เพราะข้อหาบุกรุกเข้าบ้านคนอื่นนั้นผิดกฎหมายระดับทั่วไป เมื่อนำลี่จิ่วเชียนมาที่สถานีตำรวจแล้ว ดังนั้นลี่จิ่วเชียนกับมู่น่อนน่อนจึงอยู่ในห้องโถง
มู่น่อนน่อนได้ยินถึงตรงนี้พลันชะงักไปครู่หนึ่ง
เธอหันขวับไปมองลี่จิ่วเชียน ลี่จิ่วเชียนเหมือนจะรู้สึกถึงสายตาของเธอ จึงหันไปกะพริบตาให้เธอ
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จดบันทึกให้มู่น่อนน่อนก็ได้ยินคำพูดของลี่จิ่วเชียนด้วย เขาลุกขึ้นไปหาตำรวจอีกคนที่จดบันทึกให้ลี่จิ่วเชียนและกระซิบบางอย่างกับเขา
หลังจากนั้น ตำรวจคนนั้นพลันสีหน้าตกใจไปเล็กน้อย
ตำรวจกระแอมไอเบาๆ เมื่อเปิดปากพูดอีกครั้ง ก็เปลี่ยนเป็นสุภาพมากขึ้น “คุณลี่ ทำไมคุณถึงมาปรากฏตัวอยู่ในห้องของคุณมู่”
“ก็เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน แค่ล้อเล่นน่ะ” ลี่จิ่วเชียนทำหน้ายิ้ม เหมือนพูดตามความจริง
มู่น่อนน่อนหันไปถลึงตาจ้องเขา
ลี่จิ่วเชียนเหลือบมองมู่น่อนน่อน ก่อนจะเอารูปถ่ายก่อนหน้านี้ให้ตำรวจดู “นี่ดูสิ ผมกับเธอเป็น “เพื่อน” เธอเป็นแบบนี้เพราะผมกลับมากะทันหันโดยไม่บอกเธอ แต่ในใจนั้น……”
ตอนที่ลี่จิ่วเชียนพูดคำว่า “เพื่อน” เน้นเสียงหนักมาก แถมยังพยักหน้าให้ตำรวจ ส่งสายตาประมาณว่า “คุณเข้าใจใช่ไหม