ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 342 เปลี่ยนแฟนหนุ่มคนใหม่อีกแล้ว
มู่น่อนน่อนชะงัก เอียงหูฟังว่าลี่จิ่วเชียนจะตอบคำถามอย่างไร
แต่รออยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้ยินคำตอบของลี่จิ่วเชียน
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ก็เห็นลี่จิ่วเชียนพิจารณามองมู่หวั่นขีด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่รู้ว่ากำลังมองดูอะไรอยู่
มู่หวั่นขีเห็นนัยน์ตาของลี่จิ่วเชียนจ้องมองเธอแล้วก็รู้สึกตัวพอง นึกว่าลี่จิ่วเชียนชื่นชอบความงามของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะเชิดคางขึ้น และหันกลับไปมองมู่น่อนน่อนครู่หนึ่งด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
สายตานี้ของมู่หวั่นขีทั้งภูมิใจทั้งยั่วยุ
มู่น่อนน่อนมุมปากกระตุก หมุนตัวจะเดินจากไป
เธอได้ยินเสียงของมู่หวั่นขีดังขึ้นอีกครั้ง “คุณมองพอแล้วสินะ? แม้ว่าฉันจะสวยกว่ามู่น่อนน่อน แต่ฉันมีแฟนแล้ว ฉันอนุญาตให้คุณใจเต้นกับฉัน แต่คุณอย่าเพ้อฝันว่าฉันจะตอบรับคุณ”
มู่น่อนน่อนเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
เมื่อคบกับซือเฉิงหยู้ มู่หวั่นขีก็ยิ่งมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆแล้วจริงๆ
ต่อมาก็เป็นเสียงของลี่จิ่วเชียน “ขอโทษด้วยครับ คุณผู้หญิง คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมเพียงแค่อยากจะเตือนคุณว่า นัยน์ตาขาดชีวิตชีวาของคุณดูแล้วพลังพร่อง ร่างกายพร่องเป็นอย่างมาก แต่งหน้าหนาก็ปิดบังไม่มิด ผมไม่ได้เหยียดหยามนะ อาชีพหญิงสาวขายบริการ เพียงแค่รู้สึกว่าอันดับแรกร่างกายต้องแข็งแรง…”
มู่หวั่นขีเดือดดาลจนด่าออกมา “คุณพูดอะไรน่ะ! ประสาทหรือไง หญิงสาวขายบริการอะไร ไม่ใช่สักหน่อย ฉันเป็นดารา! เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ ผู้หญิงอย่างมู่น่อนน่อนจะหาผู้ชายแบบไหนได้ ก็เป็นแค่คนหน้าตาน่าเกลียดเท่านั้น ฮึ!”
มู่น่อนน่อนคิดไม่ถึงว่าลี่จิ่วเชียนจะพูดกับมู่หวั่นขีแบบนี้
เธอหันหน้ากลับมาก็เห็นลี่จิ่วเชียนที่เพิ่งจะถูกมู่หวั่นขีด่ามา ยืนสงบนิ่งผ่อนคลายอยู่ตรงนั้น
อาจจะเป็นเพราะรู้สึกถึงสายตาของเธอ ลี่จิ่วเชียนจึงหันมาขยิบตาให้กับมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนมุมปากกระตุกด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
มู่หวั่นขีเห็นการกระทำเล็กๆน้อยๆของลี่จิ่วเชียน ก็หันหน้ามามองมู่น่อนน่อน “เธอภูมิใจมากนักหรือ คอยเถอะดู!”
มู่หวั่นขีเอ่ยจบแล้วก็พากลุ่มเพื่อนของเธอจากไปด้วยความโมโห
ลี่จิ่วเชียนเดินมาถึงข้างกายเธอด้วยสีหน้าเศร้าโศก “เป็นดารานี่เอง รู้แต่แรกจะได้บันทึกบทสนทนาเมื่อครู่นี้เอาไว้ ไม่แน่ว่าจะขายได้ราคาดี”
มู่น่อนน่อนทำลายจินตนาการของเขา “คุณคิดมากไปแล้ว เสียงบันทึกที่มู่หวั่นขีด่าคนนั้นไม่มีราคานานแล้ว”
ชื่อเสียงในวงการบันเทิงของมู่หวั่นขีนั้นมีแต่เรื่องไม่ดี ดังนั้นการที่เธอด่าคนก็ไม่ได้มีอะไรน่าประหลาดใจ จึงไม่นับว่าเป็นประเด็นร้อนอีกแล้ว
ลี่จิ่วเชียนคล้ายกับว่าเอ่ยไปอย่างนั้น จึงไม่ได้สืบหาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพียงแค่ถามเธอว่า “เธอก็แซ่มู่? พวกคุณเป็นญาติกัน?”
“เธอเป็น…” มู่น่อนน่อนเพิ่งจะเอ่ยขึ้น แต่ก็รู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่าตัวเองกำลังจะตอบคำถามเขา
เธอรีบปิดปากฉับแล้วกลืนคำพูดกลับลงไป ดึงเขาเดินไปที่มุมหนึ่งของกำแพง “พูดมาสิว่ารู้จักฉันได้อย่างไร ทำไมถึงรู้ว่าฉันมีลูกคนหนึ่ง?”
ลี่จิ่วเชียนมือเท้าสะเอว ท่าทางเหมือนพวกอันธพาล “ผมไม่บอกหรอก นอกจากว่าคุณจะนึกขึ้นมาได้เอง”
มู่น่อนน่อนสะบัดเขาทิ้งไป เรียกรถเอาไว้คันหนึ่งแล้วจากไป
เธอรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของลี่จิ่วเชียนคนนี้มีกลิ่นอายแปลกประหลาดประเภทหนึ่ง
เขาถูกรับเชิญให้มาทำงานจากทีมตำรวจสืบสวนได้ ก็หมายความว่าสถานะของเขาจะต้องขาวสะอาดแน่นอน แต่เป็นเพราะเขาปรากฏตัวขึ้นได้ประหลาดมากเกินไป มู่น่อนน่อนจึงยากที่จะไว้วางใจเขา
……
มู่น่อนน่อนกลับไปยังที่พักแล้วก็เริ่มเก็บกวาดข้าวของของตัวเอง
เมื่อเข้าไปในห้องนอน เธอก็ค้นพบว่านอกจากใช้ห้องน้ำแล้ว ลี่จิ่วเชียนก็ไม่ได้แตะต้องสิ่งของอื่นๆของเธอ นับว่ายังรู้ตัวอยู่บ้าง
แต่เธอจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว
ลี่จิ่วเชียนคนนั้นประหลาดมากเกินไป เธอกลัวว่าวันไหนเขามีจิตใจผิดปกติขึ้นมาแล้วจะแอบเข้ามาในบ้านเธออีก
มู่น่อนน่อนจัดการสิ่งของของตัวเอง ติดต่อเจ้าของห้องเรียบร้อยแล้วก็จากไป
พักอาศัยอยู่ข้างนอกสองวัน เธอก็หาห้องได้แล้ว
ยังคงเป็นหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก แต่ว่าเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีกว่า ราคาสูงกว่า เธอจงใจเปลี่ยนกุญแจทางเข้าเป็นพิเศษ
เช้าวันรุ่งขึ้น ในตอนที่เธอเปิดประตูเตรียมจะออกไปซื้อของนั้น ก็เห็นเพื่อนบ้านเปิดประตูห้องเดินออกมา
ทั้งสองคนสบสายตากัน อากาศหยุดนิ่งไปสามวินาที
ลี่จิ่วเชียน “บังเอิญขนาดนี้เชียว? อรุณสวัสดิ์”
มู่น่อนน่อน “ทำไมคุณยังตามฉันมาอีก?”
ทั้งสองคนแทบจะเอ่ยขึ้นในเวลาเดียวกัน
“ทำไมถึงว่าผมตามคุณมาล่ะ ห้องนี้เพื่อนผมให้ผมยืมพัก ผมคิดว่าคุณตามผมมาเสียอีก!” ดูเหมือนว่าวันนี้ลี่จิ่วเชียนจะไปทำงานที่ทีมตำรวจสืบสวน เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงินกรมท่ามีลายเข้ารูป มองดูแล้วเรียบร้อยเป็นอย่างมาก
มู่น่อนน่อนสูดลมหายใจลึก หมุนตัวเดินลงจากตึกไป
ไม่รู้ว่าลี่จิ่วเชียนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงไม่ได้ชวนเธอสนทนาอีก
ทั้งสองคนลงลิฟต์โดยสารไปด้วยความสงบโดยไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน หลังออกจากชุมชนแล้วก็แยกย้ายกัน
เมื่อวานมู่น่อนน่อนเพิ่งจะย้ายเข้ามา ในห้องยังไม่สามารถทำอาหารได้ จึงหาร้านขายซาลาเปาเพื่อกินอาหารเช้า
ธุรกิจร้านขายซาลาเปานั้นไม่เลว คนเยอะเกินไปจนต้องเข้าแถว มู่น่อนน่อนรอซาลาเปาไป พลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นอินเทอร์เน็ต
สนใจประเด็นร้อนมากไป จึงก้าวเท้าเข้าไปในวงการบันเทิงครึ่งหนึ่ง มู่น่อนน่อนจึงมีความเคยชินที่เวลาไม่มีอะไรทำก็ติดตามเรื่องซุบซิบนินทา
ผลลัพธ์ก็คือประเด็นร้อนในวันนี้มีเธออีกแล้ว
แม้ว่าจะไม่ใช่ประเด็นร้อนอันดับหนึ่ง แต่ก็อยู่ในสิบลำดับแรก
หัวข้อประเด็นร้อนคือ “ภรรยาเก่าของคุณชายเฉินเปลี่ยนแฟนหนุ่มคนใหม่อีกแล้ว”
ในใจของมู่น่อนน่อนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
เธอกดเข้าไปดู เห็นด้านบนของเว่ยป๋อเป็นข้อความที่เจ้าของเว่ยป๋อคนหนึ่งโพสต์ออกมา
“สองวันก่อนที่หน้าประตูโรงแรมแห่งหนึ่ง มีชาวเน็ตถ่ายรูปภรรยาเก่าของคุณชายเฉินเดินออกมาจากโรงแรมกับแฟนหนุ่มคนใหม่ สามารถกล่าวได้ว่าคุณมู่คนนี้มีนิสัยเจ้าชู้หลายใจ…”
ภาพประกอบด้านล่างถ่ายในตอนที่เธอดึงลี่จิ่วเชียนไปยังมุมหนึ่งของกำแพงที่หน้าประตูโรงแรมตอนเช้าเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เพื่อสอบถาม
เธอดึงลี่จิ่วเชียนออกมาจากประตูโรงแรม เมื่อถ่ายออกมาก็กลายเป็นออกมาจากโรงแรมด้วยกัน
ส่วนตอนที่เธอสนทนากับลี่จิ่วเชียน ลี่จิ่วเชียนก็หันหลังให้กับกล้องจนเกือบจะบังมู่น่อนน่อนเอาไว้ทั้งหมด รูปนี้เมื่อถ่ายออกมาก็ดูคลุมเครือเป็นอย่างมาก คล้ายกับว่าทั้งสองคนกำลังทำเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้กันอยู่
ทว่าทั้งสองรูปล้วนถ่ายไม่โดนใบหน้าตรงๆของทั้งสองคน
มู่น่อนน่อนโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ
หลังจากนั้นก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเฉินถิงเซียว ผลก็คือเฉินถิงเซียวกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
……
บริษัทตระกูลเฉิน ห้องทำงานประธานบริษัท
เฉินถิงเซียวประชุมเสร็จแล้ว ก็นึกขึ้นได้ว่าสองวันแล้วที่ไม่ได้โทรศัพท์หามู่น่อนน่อน ขณะที่กำลังจะโทรศัพท์หามู่น่อนน่อนนั้น โทรศัพท์ของกู้จือหยั่นก็โทรเข้ามาเสียก่อน
เขาจึงทำได้เพียงแค่รับสายโทรศัพท์
เฉินถิงเซียวเอ่ยปากก็ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร “มีเรื่องก็รีบพูดหน่อย”
เขารีบร้อนจะโทรศัพท์หามู่น่อนน่อน
กู้จือหยั่นส่ายหน้าถอนหายใจใส่โทรศัพท์ “ได้ๆๆ ฉันจะรีบพูด นัดกินข้าววันนี้ไม่ก็พรุ่งนี้”
เอ่ยจบแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “จริงๆเลย นายยังมีเวลาไปสร้างอารมณ์สุนทรีย์กับน่อนน่อนที่โรงแรม คุยกับฉันแค่สองประโยคก็รู้สึกว่าสิ้นเปลืองเวลาแล้วหรือ มีแฟนแล้วก็ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์!”
เฉินถิงเซียวเอ่ยเสียงเย็นชานิ่งๆว่า “ฉันไปสร้างอารมณ์สุนทรีย์กับมู่น่อนน่อนตั้งแต่เมื่อไรกัน”