ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 343 มาเล่นเกมส์ด้วยกันเกมส์หนึ่ง
กู้จือหยั่นที่อยู่อีกฟากของสายโทรศัพท์ได้ยินเฉินถิงเซียวเอ่ยแบบนี้แล้ว ในใจก็เอ่ยว่าไม่ดีแล้ว จึงอ้ำๆอึ้งๆว่า “เหอะๆ นายไม่ได้ไปโรงแรมกับน่อนน่อนหรือ ฉันยังมีธุระ วางก่อนล่ะ…”
น้อยครั้งที่กู้จือหยั่นจะวางสายโทรศัพท์ของเฉินถิงเซียวก่อน
กู้จือหยั่นโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งไป และต่อสายภายในหาเลขา กำชับเสียงเข้มว่า “ลบข่าวที่เกี่ยวข้องกับภรรยาเก่าของคุณชายเฉินบนอินเทอร์เน็ตออกให้หมด หลังจากนี้ถ้าหากว่าเห็นข่าวแบบนี้อีก ก็จัดการทิ้งเสียตั้งแต่กลางทาง”
คราวที่แล้ว ตอนที่มู่น่อนน่อนจูบกับเฉินถิงเซียวในรถก็ถูกปาปารัสซี่ถ่ายเอาไว้ได้จนเป็นข่าวขึ้นมา กู้จือหยั่นนึกว่ามู่น่อนน่อนสวมเขาให้เฉินถิงเซียว
แต่ในคราวนี้เขากลับนึกว่าคนที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับมู่น่อนน่อนหน้าประตูโรงแรมในรูปภาพคือเฉินถิงเซียว ดังนั้นถึงได้โทรศัพท์ไปสัพยอกเฉินถิงเซียว
แต่คำพูดของเฉินถิงเซียวนั้นชัดเจนมากว่านั่นไม่ใช่เขากับมู่น่อนน่อน
คราวนี้มู่น่อนน่อนสวมเขาให้กับเฉินถิงเซียวจริงๆหรือ
จากนิสัยของเฉินถิงเซียว เขาไม่เป็นบ้าก็แปลกแล้ว
กู้จือหยั่นครุ่นคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ ต้องไปหาเฉินถิงเซียว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็หยิบเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วออกไปข้างนอก
……
หลังจากนั้นไม่กี่นาที มู่น่อนน่อนก็โทรศัพท์ไปหาเฉินถิงเซียวอีกครั้ง
ครั้งนี้โทรศัพท์ไม่ได้สายไม่ว่าง ในไม่ช้าก็ถูกคนกดรับแล้ว
“เฉินถิงเซียว”
“อืม”
เธอเรียกชื่อเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวก็ตอบรับ
ในใจของมู่น่อนน่อนนั้นกระสับกระส่าย เธอไม่มั่นใจว่าเฉินถิงเซียวจะเห็นประเด็นข่าวร้อนแล้วหรือไม่ “ฉันมีเรื่องจะอธิบายกับคุณ”
“มาหาผมที่บริษัทตระกูลเฉิน อธิบายต่อหน้า” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวเรียบเฉย “วางโทรศัพท์เถอะ”
มู่น่อนน่อนตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง ถึงรู้สึกอย่างเลือนรางว่า เฉินถิงเซียวอาจจะรู้เรื่องประเด็นข่าวร้อนแล้ว
ตอนนี้เองที่เถ้าแก่ยกซาลาเปามาให้มู่น่อนน่อน “คุณผู้หญิง ซาลาเปาของคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ” มู่น่อนน่อนจะมีเวลามาสนใจกินซาลาเปาได้อย่างไร เมื่อจ่ายเงินแล้วก็ลุกขึ้นเดินจากไป
ตอนนี้เป็นช่วงเช้าที่การใช้รถสาธารณะในเวลาเร่งด่วนยังไม่ผ่านไป มู่น่อนน่อนยืนอยู่ริมถนนอยู่นานก็ยังเรียกรถไม่ได้
จู่ๆก็มีรถสีดำคันหนึ่งมาจอดลงตรงหน้ามู่น่อนน่อน
มีคนที่ลักษณะเหมือนกับบอดี้การ์ดลงมาจากรถสองคน คนหนึ่งเดินไปเปิดประตูรถที่อยู่ด้านหลัง
ต่อมา ใบหน้าคุ้นตาของซือเฉิงหยู้ก็ปรากฎสู่สายตามู่น่อนน่อน
หลังจากที่ซือเฉิงหยู้ลงจากรถ ก็จัดแต่งชุดสูทบนร่างของตัวเองแล้วเลิกคิ้วยิ้มๆ “น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่เอ่ยอะไร
“มาหาคุณเพราะมีธุระ คุณต้องไปกับผมสักรอบ” ซือเฉิงหยู้เดินมาถึงด้านหน้าเธอ รอยยิ้มบนใบหน้ายังไม่จางหายไป
มู่น่อนน่อนรู้สึกประหลาดใจ เพียงแต่ว่าไม่รอให้เธอมีปฏิกิริยาตอบสนอง บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ด้านหลังซือเฉิงหยู้ก็ก้าวเข้ามาคนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวาตรึงมู่น่อนน่อนเอาไว้แล้วพาเธอไปในรถ
มู่น่อนน่อนร้องเรียก “พวกคุณทำอะไรน่ะ! ช่วยด้วยค่ะ!”
หลังจากบอดี้การ์ดยัดเธอเข้าไปในรถแล้ว ก็ใช้เชือกมัดเธอเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมการตั้งแต่แรก
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแทบจะไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้
ซือเฉิงหยู้ก็ตามขึ้นไปบนรถเช่นกัน
บอดี้การ์ดสองคนนั่งอยู่ด้านหน้า คนหนึ่งขับรถ อีกคนนั่งในตำแหน่งข้างคนขับ
เมื่อคนทั้งหมดขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว รถยนต์ก็เคลื่อนตัว
ระหว่างทางที่รถขับอยู่ เธอตะโกนขอความช่วยเหลือก็ไม่มีประโยชน์ คนที่อยู่ข้างนอกไม่ได้ยิน
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปมองซือเฉิงหยู้ เอ่ยเสียงเย็นว่า “ซือเฉิงหยู้ คุณจะจับฉันไปทำอะไร ฉันเคยล่วงเกินคุณ? หรือว่าจับฉันไปเพื่อช่วยระบายอารมณ์แทนมู่หวั่นขี”
“คุณพูดถึงหวั่นขีหรือ เรื่องของผู้หญิงอย่างพวกคุณ ผมจะเขาไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร อย่าคิดว่าผมทุเรศแบบนั้น” บนใบหน้าของซือเฉิงหยู้มีรอยยิ้มอ่อนโยน เขาพูดพลางยื่นมือมาลูบใบหน้าของมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนหันหน้าหนีไปอีกทางทันที เพื่อหลบมือของซือเฉิงหยู้ “อย่ามาแตะฉัน!”
“ได้ ไม่แตะต้องคุณ” ซือเฉิงหยู้ดึงมือกลับมา รอยยิ้มบนใบหน้าจางไปเล็กน้อย “อยากเจอลูกสาวคุณไหม”
มู่น่อนน่อนหันหน้ากลับมาทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของซือเฉิงหยู้ชืดลงไปทันที “ถ้าอย่างนั้นก็อยู่นิ่งๆหน่อย”
…..
เฉินถิงเซียวเข้าอินเทอร์เน็ตอ่านข่าวอยู่ครู่หนึ่ง
โดยเฉพาะรูปที่ปาปารัสซี่แอบถ่ายมู่น่อนน่อนกับผู้ชายคนนั้น เฉินถิงเซียวดูไปหลายรอบ
สือเย่ก็เพิ่งจะเห็นข่าวนี้เช่นกัน เมื่อเคาะประตูเข้ามา ก็ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้กับเฉินถิงเซียวอย่างไรดี แต่กลับพบว่าเฉินถิงเซียวกำลังอ่านข่าวอยู่
สือเย่ลอบปาดเหงื่อบนหน้าผาก ตอนที่กำลังจะเอ่ยปากพูด เขาก็ได้ยินเฉินถิงเซียวเอ่ยถามขึ้นว่า “ผู้ชายคนนี้มีฐานะทางสังคมอย่างไร”
“คนคนนี้ชื่อลี่จิ่วเชียน อายุ 28 ปี ว่ากันว่าเป็นดร.ที่กลับมาจากต่างประเทศ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมทำงานกับทีมตำรวจสืบสวน เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาชญาวิทยา…” ตอนที่สือเย่เห็นข่าวนี้ ก็ให้คนไปตรวจสอบคนคนนี้จนหมด
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร เพียงแค่หันหน้าไปมองสือเย่เงียบๆ
สายตาของเขาเขียนเอาไว้ชัดเจนว่า “สืบค้นเจอแต่เรื่องที่ไม่มีประโยชน์”
สือเย่ก้มหน้าลงต่ำด้วยความละอายใจ “นอกจากเรื่องพวกนี้ เรื่องอื่นๆก็ยังสืบไม่พบชั่วคราวครับ”
สายตาเฉินถิงเซียวอึมครึมเล็กน้อย “ประวัติครอบครัว เส้นสายความสัมพันธ์กับผู้คน ล้วนสืบไม่พบ?”
“ไม่เลยครับ ราวกับว่าคนคนนี้โผล่ออกมาท่ามกลางความว่างเปล่า และอาจจะเป็นไปได้ว่าการรักษาความลับในสายงานอาชีพเขาสูงมาก” แม้ว่าสือเย่จะพูดเช่นนี้ แต่ในใจเขาทราบชัดเจนดีว่าคนที่ตระกูลเฉินสืบหาข้อมูลไม่ได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
เฉินถิงเซียวหลุบตามองโทรศัพท์มือถือครู่หนึ่ง
ระยะเวลาห่างจากช่วงที่เขาคุยโทรศัพท์กับมู่น่อนน่อนใกล้จะหนึ่งชั่วโมงแล้ว มู่น่อนน่อนยังไม่มา
“คุณออกไปเถอะ” เฉินถิงเซียวสั่งสือเย่
สือเย่ได้ยินแล้ว ก็พยักหน้าให้กับเฉินถิงเซียวแล้วหมุนตัวเดินออกไป
เฉินถิงเซียวโทรศัพท์หามู่น่อนน่อนอีกครั้ง
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สองครั้งก็มีคนรับสายแล้ว
เสียงที่ดังจากอีกฟากของโทรศัพท์นั้นไม่ใช่เสียงของมู่น่อนน่อน แต่กลับเป็นเสียงอันคุ้นหูของชายหนุ่ม “ถิงเซียว พวกเรามาเล่นเกมส์สนุกกันสักเกมส์”
“ซือเฉิงหยู้?” เฉินถิงเซียวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที น้ำเสียงบูดบึ้ง
สือเย่เพิ่งจะเดินไปถึงข้างประตู ได้ยิน “ซือเฉิงหยู้” จากปากของเฉินถิงเซียวก็หันหน้ากลับมาทันที
ซือเฉิงหยู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ไม่ต้องตะลึงขนาดนั้น ฉันเพียงแค่เชื้อเชิญให้นายกับน่อนน่อนมาเล่นเกมส์ด้วยกันเกมส์หนึ่งเท่านั้นเอง เยือกเย็นหน่อย”
มือที่ตกอยู่ข้างกายเฉินถิงเซียวกำหมัดแน่น กัดฟันเอ่ยว่า “ให้มู่น่อนน่อนรับโทรศัพท์ของฉัน?”
ซือเฉิงหยู้เอ่ยยิ้มๆว่า “อยากจะพูดกับเธอ ก็มาหาเธอด้วยตัวเอง นายมาคนเดียวนะ…ติ๊ด…”
เฉินถิงเซียวคำรามด้วยความโมโห “ซือเฉิงหยู้!”
แต่เสียงที่ตอบกลับมา มีเพียงแค่เสียงสัญญาณไม่ว่างของโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไป
หลังจากซือเฉิงหยู้ตัดสายโทรศัพท์เขาแล้ว ก็โยนโทรศัพท์มือถือของมู่น่อนน่อนออกไปทางบานหน้าต่างรถต่อหน้าเธอ
“คุณ…” มู่น่อนน่อนเอ่ยออกมาคำหนึ่ง แต่ก็กลืนคำพูดที่เหลือกลับลงไป
“นึกว่าการแสร้งทำเป็นหย่าของพวกคุณต่อโลกภายนอกจะสามารถปิดบังทุกคนได้หรือ เฉินชิงเฟิงเป็นคนโง่ แต่ผมไม่ใช่”
ซือเฉิงหยู้จุดบุหรี่ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย สูดเข้าไปคำหนึ่ง และหันมาพ่นควันบุหรี่ใส่มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว ไอออกมา เธอได้ยินเสียงที่แสดงความสนใจอย่างสุดซึ้งของซือเฉิงหยู้ดังผ่านควันบุหรี่ “เกมส์เริ่มแล้ว”