ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 355 บนเกาะมันแปลกๆ
นี่ก็สามารถดูออกได้ว่า ความคิดถึงคำนึงหาที่ซือเฉิงหยู้มีต่อซูชิงหนิงนั้นลึกซึ้งมาก
ซือเฉิงหยู้เจ้าเล่ห์สุดๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าซูชิงหนิงนั้นเป็นตัวปลอม
แต่ต่อให้รู้ว่าซูชิงหนิงเป็นตัวปลอม ซือเฉิงหยู้ก็ยังคงปฏิบัติต่อซูชิงหนิงราวกับเป็นตัวจริงอยู่ดี
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มู่น่อนน่อนก็เบาใจลง
แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับทั้งคืน
……
วันต่อมา
ซือเฉิงหยู้ส่งคนมาบอกว่าต้องการเชิญเฉินถิงเซียวไปตีกอล์ฟ
สิ่งอำนวยความสะดวกบนเกาะนั้นครบถ้วน มีทั้งสนามตีกอล์ฟ
ตอนที่พวกมู่น่อนน่อนไปถึงนั้น ซือเฉิงหยู้ได้ถือไม้ตีกอล์ฟยืนตีกอล์ฟอยู่คนเดียวภายใต้แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า
ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านหลัง เขาจึงหันไปโบกไม้โบกมือให้กับเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนก็อยากตามเฉินถิงเซียวไปด้วย แต่ถูกเฉินถิงเซียวห้ามไว้:“พวกคุณรอผมอยู่ที่นี่”
เมื่อเขาพูดจบก็หันไปมองสือเย่แวบหนึ่ง
สือเย่หันไปพยักหน้าให้กับเฉินถิงเซียว
เขาติดตามเฉินถิงเซียวมานานหลายปี เขาย่อมเข้าใจโดยปริยาย
มู่น่อนน่อนมองเฉินถิงเซียวตีกอล์ฟกับซือเฉิงหยู้อย่างเงียบ ๆ อยู่ไกล ๆ ดูเหมือนกับว่าทั้งคู่จะไร้การสนทนากัน
สายตามองดูทั้งคู่ที่ยิ่งตีก็ยิ่งไกลออกไป มู่น่อนน่อนจึงเดินกระสับกระส่ายอยู่ที่เดิมไปมา
ทันใดนั้นสือเย่เปล่งเสียงขึ้น:“คุณหญิงน้อย ท่านอย่าได้เป็นกังวลไปเลย คุณผู้ชายมีการวางแผนการไว้แล้ว”
มู่น่อนน่อนใบหน้าชะงักงัน :“แผนการอะไร”
สือเย่หันไปมองทางซือเฉิงหยู้แวบหนึ่งอย่างระแวดระวัง แล้วก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือ จากนั้นก็พามู่น่อนน่อนจากไปอย่างเงียบๆ
มู่น่อนน่อนพลางเดินพลางถามสือเย่:“เฉินถิงเซียวมีแผนการอะไร”
สือเย่รีบกล่าวเบาๆอย่างรวดเร็ว:“ซือเฉิงหยู้นั่งเรือมา เมื่อคืนพวกเราได้ส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์บนเรือแล้ว ระยะทางจากที่นี่ไปที่บนเรือนั้นใกล้ที่สุด อีกสักพักก็จะสามารถขึ้นไปบนเรือ”
“หมายความว่าอย่างไร เฉินถิงเซียวส่งคนไปขโมยลูกที่วิลล่าของซือเฉิงหยู้เหรอ” มู่น่อนน่อนพูดจบก็หันไปมองรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
ยังไม่ทันรอให้สือเย่ทำการอธิบาย มู่น่อนน่อนก็เห็นบอดี้การ์ดสองคนที่คุ้นเคยกำลังอุ้มเด็กทารกสองคนเดินมาทางนี้
ท่าทางของชายหนุ่มรูปร่างใหญ่ที่อุ้มทารกนั้นไม่ได้มาตรฐาน หนึ่งในเด็กทารกนั้นกำลังส่งเสียงร้องไห้ ส่วนอีกคนหนึ่งกลับลืมตาแป๋วมองนุ่นมองนี่ด้วยความสงสัย ไม่ส่งเสียงร้องใด ๆ
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป ยื่นสองมือที่สั่นเทาออกไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งโศกและดีใจ และไม่รู้ว่าจะรับเด็กคนไหนก่อนดี น้ำตาราวกับมุกที่เชือกขาดแล้วร่วงไหลลงไม่หยุด
เฉินมู่เกิดมาก็ถูกพวกเขาอุ้มไป ท่าทางการอุ้มลูกของมู่น่อนน่อนจึงไม่ค่อยถนัดนัก แต่ก็ยังดีกว่าบอดี้การ์ดสองคนนั้น
เธอรับเด็กทารกที่ไม่ส่งเสียงร้องนั้นมา แล้วน้ำตาก็ยิ่งไหลหลั่งพรั่งพรู
ทารกที่ใกล้จะสามเดือน นั้นดูน่ารักขึ้นมาก ผมเผ้าดกดำ ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมดำเหมือนกับลูกองุ่น เธอเห็นมู่น่อนน่อนที่ร้องไห้ กลับส่งเสียงหัวเราะอ้อๆแอ้ๆขึ้น และเอื้อมมือไปจับใบหน้าเธออย่างไม่รู้ตัว
มู่น่อนน่อน:“แม่รู้……ว่าหนูคือมู่มู่”
สือเย่กล่าวขึ้น :“คุณหญิงน้อยครับ จะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ พวกเราไปที่เรือกันก่อนเถอะ”
มู่น่อนน่อนหันไปมองทางสนามกอล์ฟที่อยู่ด้านหลังครู่หนึ่ง แล้วก็อุ้มทารกเดินตามสือเย่ไป
เธอไม่รู้ว่าคนของเฉินถิงเซียวพาตัวเด็กทารกสองคนมาได้อย่างไร แต่ว่าคนที่อยู่บนเรือนั้นล้วนเป็นลูกน้องของเฉินถิงเซียว
กะลาสีเรือก็ถูกลูกน้องของเฉินถิงเซียวควบคุมไว้แล้ว
ยามนี้มู่น่อนน่อนถึงได้มีโอกาสมองเด็กทารกสองคนอย่างละเอียดจริงจัง
เธอตกใจที่พบว่าเด็กอีกคนนั้นเป็นเด็กผู้ชาย
คนที่เธออุ้มเมื่อสักครู่นั้นเป็นเฉินมู่!
“มู่มู่” มู่น่อนน่อนอุ้มเธอเข้ามาในอ้อมกอดแล้วหอมอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมปล่อยมือ
มู่น่อนน่อนแตะที่มือของเธอ จับที่เท้าของเธอ……จับตรงนั้นทีตรงนี้ที ดีใจอย่างกับอะไรก็ไม่รู้
เฉินมู่ก็ไม่งอแง จ้องมู่น่อนน่อนอย่างร่าเริง ส่งเสียงอ้อๆแอ้ๆอย่างมีความสุข
ผ่านไปสักพัก เฉินมู่ก็เริ่มเบะปากร้องไห้
มู่น่อนน่อนอุ้มเธอแล้วโอ๋เบาๆ จากนั้นถามขึ้น :“หิวแล้วเหรอลูก”
ตอนที่มานั้น เธอกับเฉินถิงเซียวได้เตรียมของไว้มากมาย ทั้งนมผงและผ้าอ้อมเสื้อผ้าต่าง ๆ……
เธอไปชงนมให้กับเฉินมู่ ก็ไม่ยอมปล่อยเธอลง
เมื่อชงนมเสร็จแล้ว เฉินมู่ก็ดื่มนมอย่างน่าเอ็นดู จากนั้นก็นอนหลับใหลไป
เวลานี้มู่น่อนน่อนถึงได้ถามสือเย่:“เฉินถิงเซียวยังไม่มาเหรอ”
สือเย่ก็ขมวดคิ้วเบาๆ:“ยังครับ”
มู่น่อนน่อนก้มหน้ามองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วเม้มปาก จากนั้นกล่าว:“ฉันจะไปดูสักหน่อย”
เธอพลางพูดพลางยื่นเด็กให้กับสือเย่
สือเย่เคยมีลูกกับอดีตภรรยา จึงอุ้มเด็กได้อย่างคล่องแคล่ว
เขารับเด็กมา แล้วกล่าวอย่างกังวล:“คุณหญิงน้อยครับ ให้ผมไปแล้วกันนะ”
มู่น่อนน่อนจึงถามเขาว่า :“พวกนายสามารถพาเด็กสองคนนี้มาได้ คนของซือเฉิงหยู้จะต้องถูกพวกนายจัดการแล้วใช่ไหม”
สือเย่พยักหน้า มู่น่อนน่อนกล่าวต่อ :“ตอนนี้บนเกาะมีเพียงเฉินถิงเซียวกับซือเฉิงหยู้ ปลอดภัยมาก”
สือเย่รู้สึกว่าคำพูดของมู่น่อนน่อนมีเหตุผล เข้าใจความเป็นห่วงของมู่น่อนน่อน จึงไม่ได้รั้งเธอไว้อีก
……
มู่น่อนน่อนกลับไปที่สนามกอล์ฟอีกครั้ง พบว่าเฉินถิงเซียวกับซือเฉิงหยู้ทั้งคู่ยังคงจดจ่อกับการตีกอล์ฟ
ซือเฉิงหยู้ราวกับไม่ได้กังวลว่าเฉินถิงเซียวจะใช้โอกาสนี้ให้สือเย่ไปตามหาตัวเด็ก
ตรงจุดนี้ทำให้มู่น่อนน่อนเกิดความสงสัย
ซือเฉิงหยู้เจ้าเล่ห์ขนาดนี้ จะประมาทเช่นนี้ได้อย่างไร
มู่น่อนน่อนไม่ได้ปรากฏตัว แต่ยืนมองพวกเขาอยู่ไกล ๆ
เวลานี้ด้านหลังมีเสียงวิ่งดังขึ้นเป็นระยะ ๆ
ยังมีคนอื่นอีกเหรอ
มู่น่อนน่อนหันกลับไปมองด้วยความสงสัย ก็เห็นซูชิงหนิงที่วิ่งมาทางนี้ด้วยใบหน้ารีบร้อน
มู่น่อนน่อนหันไปมองเฉินถิงเซียวแวบหนึ่ง แล้วถึงได้เดินไปทิศทางของซูชิงหนิง:“ชิงหนิง ทำไมคุณยังอยู่บนเกาะ ฉันคิดว่าคุณขึ้นเรือไปกับพวกเขาแล้วเสียอีก”
“คุณหญิงน้อย ฉันรู้สึกว่าบนเกาะมันแปลกๆ รีบจากไปให้เร็วที่สุดจะดีกว่า” บนหน้าผากของซูชิงหนิงมีคราบเหงื่อซึมออกมา เห็นได้ชัดเจนว่าได้วิ่งมาอย่างรีบร้อน
มู่น่อนน่อนสีหน้าชะงักงัน:“แปลกยังไง”
ซูชิงหนิงสีหน้าเปลี่ยน แววตาประกายความกลัว:“ฉันเป็นห่วงว่าคุณผู้ชายยังคงต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ดังนั้นเมื่อสักครู่จึงไม่ได้ตามพวกเขาไป ตอนที่ฉันเดินลงจากตึกนั้น พบว่าในห้องชั้นใต้ดินนั้น……มีระเบิด”
สามคำสุดท้ายนั้น เห็นได้ชัดว่าซูชิงหนิงพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
มู่น่อนน่อนหน้าถอดสี หันหลังแล้ววิ่งไปทางเฉินถิงเซียว
ซูชิงหนิงเรียกเธออยู่ด้านหลัง:“คุณหญิงน้อย!”
เวลานี้ ในหัวสมองของมู่น่อนน่อนเต็มไปด้วยความว่างเปล่า จึงไม่ได้ยินเสียงของใครทั้งนั้น
เธอรู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น
เธอรู้อยู่แล้วว่าคนบ้าอย่างซือเฉิงหยู้ไม่มีทางให้พวกเขาสมหวังได้อย่างง่ายๆ
เฉินถิงเซียวที่เพิ่งจะตีกอล์ฟลงหลุม รู้สึกถึงบางอย่างจึงได้หันหลังไปมอง
“มู่น่อนน่อน?”
เธอตอนนี้ควรจะอยู่บนเรือแล้วไม่ใช่เหรอ วิ่งกลับมาอีกทำไม!
มู่น่อนน่อนได้วิ่งมาถึงด้านหน้าของเฉินถิงเซียว และมองไปทางซือเฉิงหยู้อย่างระแวดระวัง
ซือเฉิงหยู้เอียงศีรษะมามองเธอ กล่าวด้วยน้ำเสียงเบา ๆ:“น่อนน่อนมาแล้วเหรอ”