ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 370 ขี้เหร่มาก
มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ได้มองไปทางเฉินมู่อีกที
เฉินมู่โอบลำคอของเฉินถิงเซียว เอียงหน้ามาเรียกเสียงหวานออกมา “พี่สาวคนสวย”
“อืม” มู่น่อนน่อนตอบไปคำนึง น้ำเสียงได้เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “มู่มู่ต่อจากนี้ไปจะวิ่งซนอีกไม่ได้นะ”
เฉินถิงเซียวจึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้ขนาดนี้
เขานึกขึ้นมาได้ว่าวันนั้นเมื่อตอนที่รอไฟแดงอยู่ที่ทางแยก เฉินมู่เองก็ได้เรียกเธอว่า “พี่สาวคนสวย” ด้วยเหมือนกัน
สามปีนี้ มีผู้หญิงไม่น้อยเลยที่เปลี่ยนวิธีในการเข้าหาเขา เรียกหาความรู้สึกของการมีตัวตนอยู่
ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ถึงได้ไม่มีความรู้สึกสนใจต่อคนที่เรียกว่า “คนสวย” พวกนั้นเลยสักนิด ในสายตาก็คิดว่าพวกเธอก็สวยเหมือนๆกันหมด
ขนาดซูเหมียนแม่แท้ๆของเฉินมู่เอง เขาก็ไม่มีความสนใจขึ้นมาเลยสักนิด
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาให้คนไปทำการเทียบDNAของตัวเองกับเฉินมู่ไปแล้ว เขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าตนเคยคบกับซูเหมียน
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเทียบกับตอนที่เจอกันครั้งก่อนแล้ว เปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย มองไปแล้วเจริญตาขึ้นเยอะเลยเหมือนกัน
ครั้งก่อนเขาเพียงแค่เห็นแวบๆ จำได้แค่เพียงว่าเป็นผู้หญิงที่ผอมเสียจนหนังหุ้มกระดูก สีหน้าซีดเซียวเสียจนเหมือนกับผี ขี้เหร่สุดๆไปเลย
ตอนนี้มองไปแล้วมีเนื้อขึ้นมานิดนึง
แต่ว่า…
สายตาของเฉินถิงเซียวจรดไปที่ข้อมือผอมบางเปลือยเปล่าที่โผล่ออกมาข้างนอกของมู่น่อนน่อน เขาสงสัยว่าตนเพียงแค่บีบไปเบาๆทีนึง ก็คงจะสามารถบีบจนกระดูกข้อมือเธอแหลกไปได้เลย
สายตาของเฉินถิงเซียวคมกริบเกินไป ประหนึ่งว่ามีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ในสายตาคู่นั้นก็ไม่ปาน มู่น่อนน่อนถูกเขามองจนทั้งร่างอยู่ไม่สุขขึ้นมา
เธอจำต้องเอ่ยถามออกไปเพื่อเบี่ยงเบนหัวข้อบทสนทนา “คุณเฉิน คุณ…ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในสาย ทำไมถึงรู้ว่ามู่มู่หาพี่สาวคนหนึ่งมาช่วยโทรศัพท์ให้เธอกัน?”
เฉินถิงเซียวถอนสายตากลับมา มองไปทางใบหน้าของเธอ น้ำเสียงเรียบนิ่งไม่แยแส “คนที่เป็นเพศเดียวกันที่สูงกว่าเธอ เธอก็เรียกว่าพี่สาวหมด”
ความจริงแล้วขอเพียงแค่เฉินมู่เห็นคนที่เป็นเพศเดียวกันที่ตัวเองคิดว่าสวย ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ก็จะเรียก “พี่สาวคนสวย” ทั้งนั้น
“อย่างนี้นี่เอง…” มู่น่อนน่อนพยักหน้ารับรู้ออกมา
โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าจู่ๆก็สั่นขึ้นมา มู่น่อนน่อนหยิบออกมาดู พบว่าเป็นเสิ่นเหลียงโทรเข้ามา
เธอถือโทรศัพท์เอาไว้ไม่ได้รับสาย เงยหน้าไปพูดกับเฉินถิงเซียวไปอย่างรีบร้อน “คุณเฉิน ฉันไม่ได้ต้องการค่าตอบแทนอะไรเลยจริงๆ ต่อจากนี้ไปก็จะต้องดูลูกให้ดีๆนะคะ เธอยังเด็กมาก ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เธอพูดจบ ก็ได้มองไปทางเฉินมู่อีกที แล้วก็ได้ก้าวเดินออกไป
เธอเดินไปพลาง หยิบโทรศัพท์ออกมารับสายของเสิ่นเหลียงไปพลาง
“ขอโทษนะ ลืมโทรกลับหาเธอไปเลย” เมื่อกี้เธอเล่นอยู่กับเฉินมู่ จึงลืมเรื่องนี้ไปเลย
เธอเองก็เพิ่งจะค้นพบว่าตัวเองชอบเด็กน้อยขนาดนี้
“ไม่เป็นไร เธอถึงบ้านแล้วหรือยัง?”
“ตอนนี้กำลังจะกลับ…”
มู่น่อนน่อนเพิ่งจะวางสายเสิ่นเหลียงไป สายของลี่จิ่วเชียนก็ได้โทรเข้ามาอีก
ทางลี่จิ่วเชียนนั้นสงบนิ่งอย่างมาก “อยู่ที่ไหน?”
มู่น่อนน่อนมองดูเวลาไปเล็กน้อย ก็ได้พบว่าเป็นเวลาหกโมงกว่าไปแล้ว จึงได้เอ่ยถามออกไป “ฉันอยู่ที่ข้างนอกกำลังจะเรียกรถกลับอยู่ นายกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว?”
ลี่จิ่วเชียนส่งเสียง “อืม” แล้วเอ่ยออกไป “ส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันไปรับเธอเอง”
“ไม่ต้องหรอก นายพักผ่อนสักหน่อย ฉันจะเรียกรถกลับไปเดี๋ยวนี้…” มู่น่อนน่อนรู้ว่าถ้าพูดต่อไป ตัวเองจะต้องเปลี่ยนความคิดของลี่จิ่วเชียนไม่ได้แน่ๆ จึงได้วางสายไปทันที
ในตอนนี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วน ไม่น่าขับรถเท่าไหร่นัก
แต่ก็ได้เจอกับความซวยซ้ำซ้อนเข้า มู่น่อนน่อนยังไม่ทันได้เรียกรถมาได้ บนฟ้าก็มีฟ้าแลบออกมา แล้วก็เริ่มมีฝนตกลงมา
คงจะเป็นฝนฟ้าคะนองรอบสุดท้ายของปลายฤดูร้อน รุนแรงมาก ฝนเม็ดใหญ่ปะทะเข้ามาจนหน้ารู้สึกเจ็บขึ้นมา
เสื้อผ้าบางๆบนร่างของมู่น่อนน่อนเพียงไม่นานก็ได้ถูกฝนจนเปียกโชกออกมา จึงหาป้ายโฆษณามาป้ายนึงแล้วเข้าไปหลบอยู่ข้างใต้แต่กลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ในตอนนี้โทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง
มู่น่อนน่อนหรี่ตามองไปเล็กน้อย เป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกชื่อเบอร์หนึ่ง
นั่นเป็นเบอร์ที่เฉินถิงเซียวโทรมาเมื่อก่อนหน้านี้ แต่เธอไม่ได้บันทึกเอาไว้
เธอลังเลอยู่สักพักนึง จากนั้นจึงเลือกที่จะรับสายไปดีกว่า
“คุณเฉินยังมีธุระอีกเหรอ?”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม ตามมาพร้อมกับเสียงฝนที่หนาแน่นโจมตีมาที่แก้วหูของเธอ “ขึ้นรถ มานั่งที่ที่นั่งข้างคนขับ ที่นี่จอดรถไม่ได้”
เสียงพูดหลุดออกมา มู่น่อนน่อนก็ได้ยินเสียง “ปิ๊น” ดังขึ้นมา
เธอเงยหน้าขึ้นไปดู ก็เห็นรถยนต์คนสีดำคันหนึ่งได้ขับมาที่ตรงหน้าเธอพอดี คงเป็นเพราะว่าเห็นว่าเธอไม่ไปสักที จึงได้บีบแตรออกมาอีกที
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปากออกมา ถือกระเป๋าขึ้นบังเอาไว้บนหัว รีบเดินเข้าไป เปิดประตูตรงที่นั่งคนขับแล้วเข้าไปนั่ง
ทันทีที่เธอนั่งลง ก็ได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเฉินมู่ที่ดังขึ้นมาจากทางข้างหลัง “พี่สาวคนสวย!”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ก็เห็นเฉินมู่นั่งอยู่ในคาร์ซีทของเด็กอยู่ที่เบาะหลัง ในปากคาบนมเอาไว้กล่องนึง ยิ้มออกมาจนดวงตาเป็นพระจันทร์เสี้ยวออกมา
เธอยิ้มแล้วส่งเสียงเรียกออกไป “มู่มู่”
เฉินถิงเซียวขับรถไปข้างหน้า ได้ยินคำพูดนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองมู่น่อนน่อนแวบนึง
นอกจากจะมองไปแล้วดูเจริญตากว่าผู้หญิงคนอื่นนิดนึงแล้ว ทำไมเฉินมู่ถึงได้ชอบเธอถึงขนาดนี้กัน?
เฉินมู่ที่นั่งเบาะหลังคนเดียวได้ชูนมที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วพูดกับมู่น่อนน่อนออกไป “พี่สาวดื่ม”
ความคิดของเด็กน้อยเรียบง่ายมาก ชอบคนคนหนึ่ง ก็จะยอมแบ่งปันของเล่นและของกินให้กับเธอ
“พี่สาวไม่ดื่ม มู่มู่ดื่มเถอะ”
เฉินมู่พอได้ยินเธอพูดมาอย่างนี้แล้ว ก็กอดนมดื่มต่อดังเอื๊อกๆออกมา
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป พลางเอ่ยออกไปกับเฉินถิงเซียวด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยความรู้สึกขอโทษ “ขอโทษนะคะ คุณเฉิน ทำรถคุณเปียกแล้ว…”
คนปกติในช่วงเวลาแบบนี้ ก็ควรจะพูดออกมาว่า “ไม่เป็นไร” ออกมาสักคำ
แต่เฉินถิงเซียวเพียงแค่ตอบรับออกไปนิ่งๆเท่านั้นว่า “อืม”
อืม?
หมายความว่าอะไร?
ถึงแม้ว่าข้างนอกจะกำลังฝนตก แต่อุณหภูมิก็ไม่ได้ลดต่ำลงอยู่สักพักนึงเลยเหมือนกัน ดังนั้นแล้วภายในรถก็เลยยังเปิดแอร์อยู่
เสื้อผ้าของมู่น่อนน่อนเปียกไปหมด แอร์เป่ามาจึงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
ในตอนนี้ ผู้ชายที่อยู่ข้างๆก็ได้โยนเสื้อสูทตัวนอกของตัวเองเข้าไป แล้วก็ปิดแอร์ไปด้วย
คุณภาพของเสื้อสูทตัวนอกดีมาก การตัดเย็บกับการออกแบบต่างก็งดงามประณีตอย่างมาก ด้านบนยังมีกลิ่นอายเยือกเย็นที่เป็นเอกลักษณ์บนร่างของผู้ชายอยู่ด้วย
มู่น่อนน่อนถือเสื้อสูทพร้อมกับแข็งค้างไปสักพักนึง ก่อนจะหันหน้าไปมองเฉินถิงเซียว “คุณเฉิน…”
เฉินถิงเซียวเพียงแค่ถามเธอออกมา “คุณพักอยู่ที่ไหน?”
น้ำเสียงของเขาเด็ดขาดและแน่วแน่มากเกินไป ส่งผลให้มู่น่อนน่อนบอกที่อยู่ไปทันที
เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้นแล้ว เซ็ทค่าการนำทาง แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
มู่น่อนน่อนมองเค้าโครงหน้าด้านข้างที่ดูหมดจดของเขา ลังเลอยู่สักพักนึง เสื้อคลุมของเขาห่อหุ้มอยู่บนร่าง
ร่างกายของเธอในตอนนี้แย่กว่าคนปกติอยู่เล็กน้อย ก็เลยรู้สึกหนาวอยู่บ้างจริงๆนั่นแหละ
ถ้ากลับไปป่วย ลี่จิ่วเชียนจะต้องโกรธแย่
เฉินมู่ดื่มนมอยู่ที่เบาะหลังก็ได้นอนหลับไปแล้ว เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร มู่น่อนน่อนนั้นแม้แต่เสียงการหายใจก็ได้ผ่อนเบาลงไปหมด
ภายในรถได้ตกอยู่ในความเงียบ แต่ก็มีความรู้สึกกลมกลืนอย่างน่าประหลาดบางอย่างขึ้นมาอีก
เหมือนกับว่าภาพฉากนี้ในอดีตมันได้เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ไม่ปาน
ตอนที่มู่น่อนน่อนกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ที่ข้างหูก็ได้ยินเสียงนิ่งๆของเฉินถิงเซียวดังขึ้นมา “ถึงแล้ว”
เธอได้สติกลับมาทันที เอาเสื้อคลุมที่อยู่บนร่างออกไป “รบกวนคุณเฉินแล้ว”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร มองเธอลงจากรถพุ่งเข้าไปในสายฝน เงาร่างบอบบางมองไปแล้วดูเปราะบางผิดปกติ
มือที่วางอยู่ที่บนพวงมาลัยรถได้กำแน่นไปโดยไม่รู้ตัว