ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 379 เงินของคุณ
สือเย่ไม่ได้ออกไปทันที
เฉินถิงเซียวถามเขากลับ “ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
สือเย่พูดด้วยท่าทางจริงจัง “คุณชาย เอกสารของทั้งสองคนนี้ไม่ครบ โดยเฉพาะของลี่จิ่วเชียน สถานะของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”
ก่อนหน้าที่พวกเขาจะออกเดินทางไปยังเกาะเล็กๆ ในปีนั้น ลี่จิ่วเชียนกับมู่น่อนน่อนก็ถูกปาปารัสซีแอบถ่าย เฉินถิงเซียวเลยให้เขาเคยไปสืบเรื่องผู้ชายที่ชื่อว่าลี่จิ่วเชียน
ในตอนนั้น ข้อมูลที่เขาสืบมาได้ก็น้อยมากจนเห็นได้ชัด
ลี่จิ่วเชียนผู้ชายคนนี้ก็เหมือนกับโผล่ออกมาจากอากาศ สถานะดูธรรมดาและสะอาดมาก แต่กลับทำให้คนเกิดความสงสัย
ทว่าก็ไม่สามารถคาดเดาจุดประสงค์ของเขาได้
“จริงเหรอ?” เฉินถิงเซียวชำเลืองมองเขา และรีบหยิบดูข้อมูลของมู่น่อนน่อนอีกครั้ง “แต่ทำไมผมรู้สึกว่าสถานะของมู่น่อนน่อนมันไม่ธรรมดามากกว่าล่ะ”
สือเย่คุ้นชินกับเฉินถิงเซียว เลยไม่พลาดกับแววตายินดีที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินถิงเซียวนั้นได้
“ครับ สถานะของคุณมู่เองก็ไม่ธรรมดาจริงๆ” มู่น่อนน่อนเป็นแม่บังเกิดเหล้าของลูกของเขา เป็นภรรยาของเขา แล้วสถานะมันยังจะธรรมดาอยู่ไหมล่ะ?
แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจน เฉินถิงเซียวแสดงความสนใจต่อมู่น่อนน่อนมาก
หรือนี่จะเป็น….พรหมลิขิตที่เขาเล่ากันต่อๆ มา
เฉินถิงเซียวได้ยินแล้ว พลันเลิกคิ้วขึ้น “ยังมีความหมายอื่นอยู่ในคำพูดเหรอ?”
สือเย่โค้งคอลงด้วยความเคารพ และไม่กล้าพูดต่อ
เฉินถิงเซียวราบกับไม่อยากจะพูดอะไรกับเขาอีก “ออกไปได้”
หลังจากที่สือเย่ออกไป เฉินถิงเซียวเริ่มตกอยู่ในภวังค์ไปบ้าง
จนเฉินมู่คว้าข้อมูลจากด้านหน้าของเขาไปวาดรูปมั่วๆ เขาถึงได้สติกลับมา
เธอหยิบเอกสารแผ่นนั้นไปปู ปากก็พูดไม่หยุด “หนูวาดเฉินชิงเซียว”
เฉินถิงเซียวเหลือบตามอง ก็เห็นว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของมู่น่อนน่อน พลางยื่นมือออกไปหยิบกลับมา เพื่อไม่ให้เธอวาดรูป
แม้ว่าเฉินมู่ปกติจะเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก แต่พอถูกรบกวนเวลาเล่นอยู่ ก็จะโกรธทันที
เธอทำปากคว่ำและมองมาทางเฉินถิงเซียว “หึ!เอาคืนมาให้หนู!”
เฉินถิงเซียวพลันใช้มือเอากระดาษข้อมูลของลี่จิ่วเชียนคนนั้นวางตรงด้านหน้าของเฉินมู่ แทน “ใช่แผ่นนี้วาดรูปนะ มันยังว่างอยู่อีกครึ่งหนึ่ง”
เฉินมู่อ้าปากเล็กๆ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงใจกว้าง “ให้อภัยพ่อแล้วค่ะ”
พูดจบ ก็ก้มหน้าวาดรูปต่อ
เฉินถิงเซียวถูกเธออารมณ์เสียใส่ เป็นแค่เจ้าก้อนกลมเล็กๆ เท่านี้ อยากจะจัดการแต่ไม่สามารถลงมือทำได้ สุดท้ายได้แค่ยื่นมือออกไปลูบศีรษะของเธอแทน
แต่เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดความสงสัยในตัวเฉินมู่
“โอ๊ย อย่าแตะต้องหนูสิ!” ขนตาของเฉินมู่ย่นเข้าหากันจนเป็นปม ดูเหมือนว่ากำลังโกรธอยู่
เฉินถิงเซียวเปลี่ยนเรื่องทันที “หนูบอกว่าวาดรูปพ่ออยู่ไม่ใช่เหรอ ไหนพ่อดูสิ?”
เฉินมู่รีบเอากระดาษมาอยู่ตรงด้านหน้าของเขาอย่างลิงโลด “คุณพ่อดูนี่ค่ะ นี่คือคุณพ่อค่ะ”
เฉินถิงเซียวมองเส้นเขียวๆ แดงๆ ที่เป็นวงอยู่ด้านบน พลันเอาแท็บเล็ตออกมาด้วยท่าทางปกติ “ดูการ์ตูนไหม?”
เฉินมู่พยักหน้าอย่างกับเจ้าไก่น้อยที่กำลังจิกเขา “ดูค่ะ!”
เฉินมู่นั่งกอดแท็บเล็ตดูการ์ตูนอยู่บนโซฟา เฉินถิงเซียวก็เริ่มกลับมาทำงานต่อ
……
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน สือเย่ก็กลับมาแล้ว
ในมือของเขามีทะเบียนบ้านมาด้วย
“คุณชาย ของที่คุณต้องการครับ”
เขาเอาทะเบียนบ้านมาพร้อมทั้งกุญแจยื่นให้เฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเห็นทะเบียนบ้านมาพร้อมทั้งกุญแจยื่นอยู่ต่อหน้าเขา และทำสีหน้าคาดเดาไม่ได้มองมาทางสือเย่ “ไปเอาเงินมาจากไหน?”
สือเย่ลังเลอยู่สักพัก “เงินของคุณครับ”
ในอดีต เฉินถิงเซียวเชื่อมั่นใจเขามาก เฉินถิงเซียวเคยให้การ์ดเขาไว้หนึ่งใบ
เฉินจิ่งหยุ้นยังไม่เข้าใจในตัวเฉินถิงเซียว ดังนั้นเลยไม่รู้ว่าในมือของสือเย่ยังมีการ์ดแบบนี้อยู่อีกหนึ่งใบ
จากนั้นเฉินถิงเซียวก็เกิดเรื่องขึ้น เฉินจิ่งหยุ้นก็จัดการเลิกจ้างเขา การ์ดใบนี้ยังอยู่ในมือเขา ในที่สุดก็เอามาใช้งานได้สะดวกอีกครั้ง
ที่พักอาศัยของมู่น่อนน่อน ถือว่าเป็นหมู่บ้านหรูหราแห่งหนึ่ง
คนที่พักอาศัยก็มีเงินทั้งนั้น
แต่ว่า จะมีเงินแค่ไหนก็ไม่อาจเทียบเคียงตระกูลเฉินได้
และสิ่งที่เฉินถิงเซียวไม่ขาดแคลนเลยก็คือเงิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมู่น่อนน่อนแล้ว เฉินถิงเซียวยอมจ่ายทันที
สือเย่ก็เข้าใจเฉินถิงเซียวเรื่องนี้ดีมาตั้งแต่แรก รู้ว่าเฉินถิงเซียวต้องการพักเป็นเพื่อนบ้านกับมู่น่อนน่อน และก็ไม่มีการออมมือสักนิด จัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสมทันที
เฉินถิงเซียวได้ยินคำพูดของสือเย่แล้ว ก็ไม่ได้พูดมากอะไร แค่ลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าเดินไปทางโซฟา
เฉินมู่ที่ดูการ์ตูนอยู่ก่อนหน้านี้ผล็อยหลับไปแล้ว และกำลังนอนห่มเสื้อโค้ตของเฉินถิงเซียวและหลับอยู่บนโซฟาพอดี
เฉินถิงเซียวห่มเสื้อโค้ตให้เฉินมู่ พร้อมกับอุ้มเธอขึ้นมาจากโซฟา
แม้ว่าการกระทำของเขาจะเบามือมากก็ตาม แต่เฉินมู่ก็ตื่นแล้ว
เธอลืมตาครึ่งหนึ่ง และเรียกอย่างออดอ้อน “คุณพ่อ”
“อื้อ ไปกินข้าวกันนะ” เฉินถิงเซียวยื่นมือออกไปลูบเส้นผมของเธอ
ตอนที่เพิ่งจะตื่น เฉินมู่ก็เริ่มออดอ้อนเล็กน้อย และพูดจางุ้งงิ้ง “จะกินเฟรนช์ฟรายส์…”
สือเย่ที่ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เดินตามอยู่ด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงของเฉินมู่แล้วยังรู้สึกใจอ่อนยวบยาบเลย
แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่ทำตาม และปฏิเสธคำร้องของเฉินมู่อย่างเสียงแข็ง “ไม่ได้ค่ะ”
เฉินมู่เริ่มตื่นขึ้นมาอีกนิด และเริ่มออกอาการโมโหกลับ “จะกิน”
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวยังคงเย็นชาอยู่ “ไม่ได้”
เฉินมู่ทำปากคว่ำ และเริ่มแสดงสีหน้ารังเกียจ “เฉินชิงเซียวปีศาจตัวโต”
เฉินถิงเซียวส่งเสียงงึมงำกลับ “ลูกก็เป็นเจ้าปีศาจตัวน้อย”
เฉินมู่กะพริบตาปริบๆ จากนั้นน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา “แง้ ฮือ ๆ …หนูไม่ใช่ปีศาจ ปีศาจมันน่าเกลียด หนูคือ…มู่มู่”
เฉินถิงเซียวก้มหน้ามองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าลิฟต์ไปอย่างใจเย็น
ผู้ชายที่มีลูกแล้วต่างใจอ่อนทั้งนั้น จนสือเย่ทนไม่ไหว อยากจะช่วยเขาโอ๋เด็กน้อย
ปรากฏว่าในเวลานั้นเอง เขาก็เห็นเฉินมู่หยุดร้องไห้ และปากน้ำตาที่อยู่บนหน้าของตนเอง และจัดการสูดจมูก และหันหน้าไปอีกทางที่ไม่ต้องเห็นเฉินถิงเซียว
ดูเหมือนว่า …คุณชายเอาใจเด็กไม่เป็น
แต่ว่า การปรับอารมณ์ตนเองของเฉินมู่ถือว่าแกร่งกล้ามาก
……
กลุ่มของเฉินถิงเซียวไม่ได้กลับไปทันที แต่กลับหาร้านอาหารกินข้าวแทน
อีกเดี๋ยวสือเย่ก็ยังต้องไปส่งพวกเขากลับ จึงกินข้าวด้วยกันเลย
เหตุที่เห็นหน้าสือเย่มาทั้งวัน เฉินมู่เลยเป็นมิตรต่อเขามาก ตอนกินข้าว ก็ยังเอากับข้าวให้สือเย่
เฉินถิงเซียวเห็นภาพนั้น ก็ส่งเสียงห้ามปรามทันที “มู่มู่ต้องกินเอง”
เฉินมู่ตอบโต้กลับ “คุณอาก็ต้องกินด้วย”
เฉินถิงเซียวคีบหัวหอมให้เธอชิ้นหนึ่ง “คุณอาเขาคีบกับข้าวเองได้”
สือเย่พูดทันที “ไม่เป็นไรครับ”
เฉินมู่ไม่กินหัวหอม พร้อมทั้งใช้มือหยิบเอาหัวหอมชิ้นนั้นออกมาอย่างรังเกียจ
เฉินถิงเซียวเอากลับไปวางที่เดิม “อย่าเลือกกินอาหารสิ”
สือเย่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “คุณชายมู่มู่ก็เหมือนกับคุณ คุณเองก็ไม่กินหัวหอมไม่ใช่เหรอครับ?”
เฉินถิงเซียวตะลึงเล็กน้อย
เฉินมู่ฉวยจังหวะนี้ ในการเอาเลือกหัวหอมเอามาโยนใส่ในถ้วยของเฉินถิงเซียว พลางกะพริบตาให้ และยิ้มหวานหยดย้อย “คุณพ่อ กินสิคะ”
เฉินถิงเซียว “…”
สุดท้าย เฉินถิงเซียวเองก็ไม่ได้กินหัวหอมชิ้นนั้น
สิ่งของที่กินไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปบังคับตนเอง
อาจจะเป็นเพราะปัจจัยเรื่องที่สือเย่ทำให้เฉินมู่ ไม่ต้องกินหัวหอม ตอนที่ออกมาจากร้านอาหารนั้น เฉินมู่เอาแต่เรียก “คุณอาสือเย่คะ” “คุณอาสือเย่ขา” อย่างไม่หยุดหย่อน เรียกจนสนิทสนมเหลือเกิน
สือเย่ขับรถไปส่งพวกเขายังหมู่บ้านของมู่น่อนน่อน มีคนกลุ่มหนึ่งเพิ่งเดินมาถึงประตูบ้าน และประตูบ้านฝั่งตรงข้ามก็เปิดออกมาในเวลานี้พอดี
มู่น่อนน่อนจ้องมองผู้ใหญ่สองคนและเด็กหนึ่งคนที่กำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม และตะลึงอยู่แวบเดียว ถึงได้ตั้งสติทัน “คุณเฉิน? นี่พวกคุณ…”
เฉินมู่กระโจนไปหามู่น่อนน่อน “พี่สาวคนสวย!”