ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 399 สู้เฉินถิงเซียวไม่ไหว
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วแล้วมองหน้าเธอ” เธอพูดว่าอะไรนะ? ”
น้ำเสียงเย็นชาที่เขาส่งออกมาดูเป็นนัยกดขี่เธอเบาๆ
สีหน้ามู่น่อนน่อนหยุดชะงัก เม้มปากก้มหน้า แล้วพลิกเอกสารดูต่อไป
ในเอกสารพวกนี้ บันทึกเรื่องราวของเธอกับเฉินถิงเซียวเมื่อก่อนเอาไว้
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนเธอไม่มีเคล้าว่าจะจำได้เลยสักนิด พอกลับมานั่งอ่านก็เหมือนกับตัวเองกำลังอ่านเรื่องราวของคนอื่น ไม่ได้เกิดความรู้สึกอะไรขึ้นแต่อย่างไร
ขณะที่เธอดูเอกสารก็อดไม่ได้ที่จะแอบสังเกตเฉินถิงเซียว
ทั้งทางที่มันก็เป็นแค่บะหมี่เนื้อชามนึงเท่านั้นเอง แต่กลายเป็นอาหารมื้อหลักของเฉินถิงเซียวเสียหน้าตาเฉย ท่าทางที่เขากินมันดูเอร็ดอร่อยเสียเหลือเกิน
ถ้านอกจากอารมณ์เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดี เฉินถิงเซียวก็จัดได้ว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
มันยากที่จะจินตนาการเหลือเกิน ว่าเรื่องราวระหว่างเธอกับเฉินถิงเซียวจะมากมายขนาดนี้
จู่ๆ มู่น่อนน่อนก็นึกถึงมู่หวั่นขีขึ้นมา
ก่อนหน้านี้มู่หวั่นขีเคยเอ่ยถึงชื่อของใครบางคนมาก่อน คนคนนั้นก็คือ: ซือเฉิงหยู้
ถ้ามู่น่อนน่อนติดต่อกับมู่หวั่นขีเกี่ยวกับเรื่องของซือเฉิงหยู้ ก็คงจะเป็นเมื่อสามปีก่อน
ดังนั้นเธอก็เลยเริ่มเอกสารจากหลังไปหน้า
จากนั้น มู่น่อนน่อนก็เห็นเกี่ยวกับเหตุระเบิดบนเกาะเล็ก เมื่อสามปีก่อน
เมื่อกวาดดินสอไล่สายตาตามเนื้อความคร่าวๆ แล้ว
บนนั้นแค่บอกว่าซือเฉิงหยู้ได้ทำการติดตั้งระเบิดบนเกาะ เพื่อที่จะทำให้เธอกับเฉินถิงเซียวต้องตาย แต่ทำไมถึงกับต้องวางระเบิดเลยล่ะ แล้วทำไมเธอกับเฉินถิงเซียวถึงต้องไปที่เกาะนั้นด้วย ข้อมูลไม่ได้ระบุเอาไว้
มู่น่อนน่อนพยายามเฟ้นหาข้อมูลแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจสักทีว่าสถานะของซือเฉิงหยู้คือใคร ก็เลยเอ่ยปากถามเฉินถิงเซียว: ” ซือเฉิงหยู้กับคุณเป็นอะไรกันเหรอ? ”
เวลานี้เฉินถิงเซียวได้กินบะหมี่เสร็จแล้ว ก็กำลังเช็ดมือด้วยผ้าขนหนูอย่างไม่รีบร้อน
เขาไม่หันหน้ามาเลยสักนิด แต่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ : ” เป็นลูกชายของป้าผมเอง ”
” ถ้างั้นก็แสดงว่า ซือเฉิงหยู้เป็นลูกพี่ของคุณใช่ไหม? ” วินาทีที่มู่น่อนน่อนกำลังใจจดใจจ่ออยู่ ก็ถามขึ้นมาอีกว่า: ” เขาตายในอุบัติเหตุครั้งนั้นด้วยไหม? ”
ดูเหมือนคำถามนี้ของเธอจะปัญญาอ่อนเกินไปแล้ว เฉินถิงเซียวก็เลยขี้เกียจจะสนใจเธอ
จริงๆ แล้วสิ่งที่มู่น่อนน่อนอยากจะถามก็คือ การตายของซือเฉิงหยู้มันเกี่ยวอะไรกับมู่หวั่นขีต่างหาก
มู่น่อนน่อนคิดไปคิดมา ก็เปลี่ยนวิธีการถาม: ” ลูกพี่ของคุณ เป็นคนรักกับพี่สาวต่างแม่ของฉันใช่ไหม? ”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ตอบ เพียงแต่เดินไปอยู่ข้างๆ เธอ แล้วหยิบเอกสารสองฉบับส่งให้เธอดู
บนนั้นเป็นประวัติของซือเฉิงหยู้ เช่นเหตุผลที่เขาแต่งงานกับมู่หวั่นขี
แต่ถ้าว่าหลังจากที่คิดอยู่นาน สือเย่ได้ซ่อนเอกสารที่เกี่ยวกับชีวิตของซือเฉิงหยู้แยกเอาไว้อีกชุดหนึ่ง
แต่หลังจากได้ดูแล้ว มู่น่อนน่อนก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ว่าทำไมมู่หวั่นขีถึงเกลียดเธอขนาดนั้น
แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว เธอจึงถามขึ้นมาว่า: ” เอกสารพวกนี้คุณดูหมดแล้วเหรอ? ”
” อืม ” เฉินถิงเซียวตอบกลับมาสั้นๆ แววตาสะท้อนความรู้ซึ้งบางอย่างออกมา
เมื่อเขาพูดจบก็เอื้อมมือมากดไว้บนเอกสาร และมองไปที่มู่น่อนน่อนด้วยสีหน้ายิ้มทีบึ้งที
ที่มู่น่อนน่อนถามคำถามนี้กับเขา เพียงแค่อยากเอาเอกสารพวกนี้ไปดูอย่างละเอียดอีกทีก็เท่านั้น
เห็นได้ชัดว่า เฉินถิงเซียวใช้การกระทำเป็นตัวบอกเธอ ว่าไม่ให้เธอเอาไป
ถึงให้เธอเอาไปดูได้ แต่ก็คงไม่ปล่อยให้เธอง่ายๆ หรอก
มู่น่อนน่อนมองเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง และพยายามใช้น้ำเสียงเพื่อเจรจาต่อรองกับเขา: ” ก็คุณดูเสร็จแล้ว ให้ฉันเอาไปดูบ้างได้ไหมล่ะ? ”
แต่ในเวลานี้เฉินถิงเซียวก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสียอย่างนั้น: ” พรุ่งนี้เช้าจะกินอะไร? ”
มู่น่อนน่อนงงเล็กน้อย ไม่นานก็ตอบกลับไป: ” คุฯล่ะอยากกินอะไร? ”
ในใจเธอก็อดไม่ได้ที่จะช็อก เฉินถิงเซียวเป็นคนที่จะรังแกเธอเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เนี่ยนะ
แค่เรื่องตอนเย็นที่เธอทำกับข้าวสองอย่าง เขาถึงขนาดที่จะต้องแค้นเธอเลยเหรอ?
ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียวเลยจริงๆ
สิ่งนี้ทำให้มู่น่อนน่อนรู้แล้วว่า ผู้ชายอย่างเฉินถิงเซียวไม่ได้เป็นเพียงแค่คนที่เย็นชาไม่มีเหตุผล แต่จริงๆ ก็เป็นคนชอบคิดเล็กคิดน้อยเหมือนกัน
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตัวเองควรจะตอบในสิ่งที่ทำให้เฉินถิงเซียวพอใจ
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเฉินถิงเซียวจะถามเธอแบบได้คืบจะเอาศอกอย่างนี้: ” แล้ววันต่อไปล่ะ? ”
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าแล้วกัดฟันตอบ: ” ถ้าฉันอยู่ที่นี่ทั้งวัน คุณอยากกินอะไรฉันก็จะพยายามทำให้คุณเท่าที่ฉันทำได้ ”
สีหน้าเฉินถิงเซียวบอกถึงความพอใจ เขาปล่อยมือจากเอกสารที่กดเอาไว้ จากนั้นก็ช้อนตาขึ้นมาแล้วพูดว่า: ” เอาไปสิ ”
มู่น่อนน่อนรู้อยู่ลึกๆ ว่า ตัวเองไม่มีทางเอาชนะเฉินถิงเซียวได้
ถึงแม้จะ ” ชดใช้ ” ไปหมดแล้ว มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้เกรงใจ เธอลุกขึ้นและหอบเอกสารกองโตนั้นออกไป
ตอนที่ออกไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะยกเท้ามาเกี่ยวประตูให้ปิดสนิท
เฉินถิงเซียวหยิบเอกสารที่อยู่ข้างล่างอีกฝั่ง และหยิบแฟ้มข้อมูลที่เป็นความลับฉบับหนึ่งขึ้นมา
นี่คือเอกสารลับ ที่สือเย่ส่งมาให้ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้เอามันวางรวมกับเอกสารกองอื่น จึงเห็นได้ชัดว่าเอกสารฉบับนี้มีความสำคัญและมีความพิเศษในตัวของมัน
เอกสารได้ถูกปิดผนึกเอาไว้ไม่ได้ถูกฉีกมาก่อน
วินาทีที่เฉินถิงเซียวอ่านแล้วความบนเอกสาร เขาก็ค่อยๆ แยกมันออกช้าๆ
บนตัวเอกสารหลายฉบับนั้นดูเก่ามาก ให้ความรู้สึกโบราณหน่อยๆ
ยิ่งเฉินถิงเซียวอ่านไปเรื่อยๆ สีหน้าที่เย็นชาแต่เดิมนั้นได้เปลี่ยนไปเย็นชายิ่งกว่าเก่า
ทำไมเฉินจิ่งหยุ้นในตอนนั้นถึงพูดแบบนั้นกับเขา?
ว่าแม่ตายในอุบัติเหตุ และพ่อก็ต้องพิการเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้น คุณปู่ก็ต้องการเป็นบ้าเพราะอุบัติเหตุเช่นกัน?
เหอะ!
มือทั้งสองข้างของเฉินถิงเซียวกำแน่นขึ้นทันที และกวาดสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมดลงพื้น ในหัวของเขาเกิดแสงเงาขึ้นมาจนนับไม่ถ้วน เหมือนมันมีอะไรบางอย่างจะเจาะออกมาจากทรวงอกของเขา
ทันใดนั้นความเจ็บปวดได้แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ปวดหัวจนแทบระเบิด
เฉินถิงเซียวเดินโซเซไปได้สองก้าว ร่างกายก็โครงเครงจนกระทั่งเขาล้มลงไปบนพื้น
ในหัวเป็นภาพรางๆ ปรากฏเป็นเสียงและภาพของผู้คนจำนวนมาก
” เขาจะลืมเรื่องเมื่อก่อนทั้งหมดจริงๆ เหรอ? ”
” วางใจเถอะน่า….. ”
” หมอหลี่ ถ้าคุณทำได้ จำนวนเงินที่ตอบแทนไม่ใช่ปัญหา ”
” ผมไม่ได้ร้อนเงิน ”
ภาพในหัวได้เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว
” ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันฟังให้ชนวนระเบิดเอาไว้ทั้งใต้สนามกอล์ฟหมดแล้ว พวกเราต้องไปหาที่หลบภัย…. ”
” ดูแลมู่มู่ให้ดีๆ ไม่ต้องสนใจฉัน ”
“……… ”
เฉินถิงเซียวรู้สึกว่าในหัวของตัวเองมันมีอะไรบางอย่างแทรกเข้ามาเสียดื้อๆ จนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว
เขาเอื้อมมือขึ้นไปพยุงโต๊ะเพื่อที่จะยันตัวลุกขึ้นมา แต่ร่างกายของเขามันอ่อนแรงเสียจนไม่สามารถทำได้…..
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกใครบางคนผลักออก เห็นเป็นเงาเลือนรางเดินพุ่งเข้ามา: ” เฉินถิงเซียว! เป็นอะไรน่ะ? ”
มู่น่อนน่อนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้นี้หลังจากออกห้องหนังสือมาไม่ได้เก็บชามของเฉินถิงเซียวกลับมาด้วย หลังจากนึกได้ว่าหลังจากนี้ตัวเองต้องอยู่กับเฉินถิงเซียวไปอีกนาน ก็เลยจะกลับมาช่วยเขาเก็บสักหน่อย
แต่พอเปิดประตูเข้ามา ภาพที่เห็นก็คือข้าวของในห้องกระจัดกระจายเรี่ยราด ซึ่งตัวเฉินถิงเซียวเองก็นอนเหงื่อแตกเหงื่อแตนและล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
มู่น่อนน่อนพยายามเอื้อมมือไปพยุงตัวเฉินถิงเซียวให้ลุกขึ้นมา แต่เขาเป็นคนที่มีร่างสูงใหญ่ มู่น่อนน่อนจึงพยุงไม่ไหว เธอก็เลยนั่งลงไปกับพื้น แล้วยกศีรษะของเฉินถิงเซียวมาประคองไว้: ” เฉินถิงเซียว? ”
ผมของเฉินถิงเซียวตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะยื้อแขนของมู่น่อนน่อนไว้: ” คุณเป็นใคร ”
มู่น่อนน่อนรีบตอบไปในทันที: ” ฉันก็คือมู่น่อนน่อนน่ะสิ คุณเป็นอะไรไป? ”