ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 405 ความทรงจำเศษเล็กเศษน้อย
เมื่อวานตอนเย็นเฉินถิงเซียวพูดว่า ตอนที่พวกเธอจะออกไปข้างนอกนั้นจะมีคนมารับพวกเธอ
มู่น่อนน่อนก็นึกว่าจะเป็นคนขับรถหรือบริการอะไรแบบนั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเฉินถิงเซียวจะส่งสือเย่มาให้ไปส่งพวกเธอ
สือเย่เห็นว่าเธอจูงมือเฉินมู่ออกมา ก็ยิ้มพร้อมกับทักทาย “คุณมู่”
หลังจากนั้นก็หันไปมองหน้าเฉินมู่ พร้อมกับยิ้มน่ะพูดว่า “มู่มู่”
เฉินมู่ยังจำสือเย่ได้ เธอเอ่ยปากเรียกด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน “คุณลุงสือเย่”
มู่น่อนน่อนไม่คิดว่าจะเป็นสือเย่ ก็เลยถามอย่างตรงไปตรงมา “ผู้ช่วยสือ ทำไมถึงเป็นคุณได้ล่ะ ?”
“น่าจะเพราะว่าหุ่นผู้ชายค่อนข้างที่จะเชื่อใจผม” สือเย่ยิ้มจางๆ ดูสุขุมมาก
มู่น่อนน่อนลองกลับไปคิดดู ยังไงก็ต้องพาเฉินมู่ออกไปข้างนอกด้วย แน่นอนว่าเฉินถิงเซียวก็ต้องส่งคนที่เขาไว้ใจได้เพื่อไปส่งพวกเธอ
พอเธอคิดแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าทุกอย่างกระจ่าง
มู่น่อนน่อนพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนคุณแล้วนะคะ”
สือเย่ยิ้ม พร้อมกับเปิดประตูรถด้วยความเคารพ
มู่น่อนน่อนอุ้มเฉินมู่ขึ้นรถไป
……
สถานที่ที่เสิ่นเหลียงนัดมู่น่อนน่อนให้ไปเจอกันนั้น ก็คือโรงแรมจีนติ่ง
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว นัดเจอที่โรงแรมจีนติ่งจะค่อนข้างปลอดภัยหน่อย
พอสือเย่มาส่งพวกเธอที่โรงแรมจีนติ่งเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับไป กลับไปรายงานให้เฉินถิงเซียวฟังที่บริษัทเฉินซื่อ
เพราะว่าเฉินถิงเซียวประกาศเรื่องการมีตัวตนอยู่ของเฉินมู่ ทำให้หลายวันมานี้เฉินจิ่งหยุ้นมาหาเฉินถิงเซียวไม่หยุดหย่อน
สือเย่ผลักประตูห้องทำงานของท่านประธานออก ก็ได้ยินเสียงที่แหลมคมของเฉินจิ่งหยุ้น “เกิดอะไรขึ้นกับสัญญานี้ที่ฉันเซ็นไป? อย่าคิดว่ามีเพียงแค่เท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ บริษัทเฉินซื่อก็เป็นของฉันครึ่งหนึ่ง!”
หลังจากนั้น สือเย่ก็ได้ยินเสียงเฉินถิงเซียวโทรหาเลขา “เข้ามาเชิญรองประธานเฉินออกไปหน่อย”
“ถิงเซียว แกอย่ามาทำตัวเกินไปหน่อยนะ!”
เฉินจิ่งหยุ้นโมโหจนปลาเอกสารลงไปที่พื้น ยังไม่ทันรอให้เลขาของเฉินถิงเซียวเข้ามาไล่ เธอก็เพิ่งออกไปด้วยความโมโห
สือเย่ถอยไปยืนอยู่ริมประตูและก้มหน้าลง ให้เฉินจิ่งหยุ้นได้ออกไปก่อน
เฉินจิ่งหยุ้นสังเกตเห็นสือเย่ที่ยืนอยู่ข้างประตู แล้วก็หัวเราะเยาะพร้อมกับพูดว่า “ถอยไปไอ้หมาเกะกะ!”
หลังจากนั้นก็รีบร้อนเดินออกไป
สือเย่ปิดประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเฉินถิงเซียว :“คุณผู้ชาย”
เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ได้รับผลกระทบจากเฉินจิ่งหยุ้น เขายังคงอ่านเอกสารตรงหน้าอย่างตั้งใจ
พอได้ยินเสียงของสือเย่ เขาก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ได้แต่ถามว่า “ส่งพวกเธอเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“ครับ”สือเย่ก้มหน้าพร้อมกับตอบคำถามของเขา
ตอนนี้เอง เฉินถิงเซียวถึงได้เงยหน้าขึ้นมาและถามเขา “ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองที่นายเคยติดต่อก่อนหน้านี้ ได้ข่าวคราวอะไรบ้างหรือยัง?”
สือเย่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เข้มงวดขึ้นในทันที “มีข่าวคราวแล้วครับ เย็นนี้เขาพอจะมีเวลา ผมนัดไปให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอถึงเวลาคุณตรงไปที่นั่นเลยก็ได้ครับ”
“อืม”
เฉินถิงเซียวตอบรับแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
แต่สือเย่ก็ยังคงไม่ออกไป
ถ้าเป็นเวลาปกติ พอสือเย่รายงานเสร็จแล้ว ก็จะออกไปข้างนอกด้วยตัวเอง
เฉินถิงเซียวเงยหน้ามองเขา “ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”
สือเย่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็สอบถามความสงสัยในใจของตัวเอง “คุณผู้ชาย นี่คุณ……เริ่มฟื้นความทรงจำแล้วเหรอครับ?”
เขาไม่ได้สงสัยอะไรไร้สาระนะ
สิ่งสำคัญก็เพราะว่าเฉินถิงเซียวให้เขาไปรับมู่น่อนน่อนกับเฉินมู่ มันผิดปกติ
มันผิดปกติมากจนทำให้เขาต้องคาดเดา
เฉินถิงเซียวค่อยๆ หรี่ตาลง แววตาดูมืดมน แต่ว่าไม่นานมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว “จำขึ้นมาได้นิดหน่อย แต่ว่ามันเป็นเศษเล็กเศษน้อยมาก”
ความทรงจำที่แตกแยกและไม่สมบูรณ์นั้นยากที่จะปะติดปะต่อ
สือเย่มีสีหน้าดูดีอกดีใจ
แต่ว่าสีหน้าของเฉินถิงเซียวกลับมืดมนมากกว่าเดิม
เขาลุกขึ้นแล้วก็เดินไปริมหน้าต่าง หลังจากนั้นก็ค่อยๆ พูดว่า “มู่น่อนน่อนนั้นความจําเสื่อมเพราะสรีรวิทยา เธอหมดสติไปทั้งหมด 3 ปี แม้ว่าร่างกายของเธอจะหายเป็นปกติแล้ว แต่ว่าอาการความจำเสื่อมของเธอมันมีเหตุผลอย่างสมเหตุสมผล ฉันเคยไปพบจิตแพทย์และตรวจอย่างละเอียดมาก่อน แต่ว่าตอนนั้นฉันไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงขนาดนั้น”
ความหมายก็คือ เขาความจำเสื่อม จะตัดสาเหตุว่าเป็นคนทำออกไปไม่ได้
แน่นอนว่าสือเย่เข้าใจความหมายที่เฉินถิงเซียวพยายามจะสื่อ
ก่อนที่เฉินถิงเซียวกับเฉินจิ่งหยุ้นจะวางไพ่กัน เฉินถิงเซียวได้ให้สือเย่ไปสึกเกี่ยวกับเรื่องเมื่อ 3 ปีก่อนของมู่น่อนน่อนอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นเฉินถิงเซียวก็จะรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของมู่น่อนน่อนอย่างชัดเจน
เฉินถิงเซียวเป็นคนที่ทำอะไรอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เขาจะไปวางไพ่กับเฉินจิ่งหยุ้น เขาก็ได้สื่อเกี่ยวกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้มาเรียบร้อยแล้ว
แต่ว่า ต้องสืบเกี่ยวกับมู่น่อนน่อนละเอียดหน่อย
……
มู่น่อนน่อนพาเฉินมู่เข้าไปที่โรงแรมจีนติ่ง กู้จือหยั่นก็เดินเข้ามาหาพวกเธอในทันที
“น่อนน่อน!”
ถึงแม้ว่ากู้จือหยั่นกำลังเรียกชื่อของมู่น่อนน่อนอยู่ แต่ว่าสายตาของเขากลับมองไปที่เฉินมู่
มู่น่อนน่อนสังเกตเห็นถึงสายตาของเขา ก็ดึงเฉินมู่ไปที่ด้านหลังของตัวเอง “คุณกู้”
“แฮ่ๆ ”กู้จือหยั่นสังเกตเห็นถึงการกระทำของเธอ แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างก็เขิน “เสิ่นเสี่ยวเหลียงกำลังรอพวกคุณอยู่ในห้องส่วนตัว”
พอเขาพูดจบก็หันไปมองเฉินมู่ แล้วก็คลี่ยิ้มที่อ่อนโยนมากออกมา “หนูคือมู่มู่ใช่ไหม ลุงคือคุณลุงกู้นะ!”
เฉินมู่ก็ยืนหน้าออกมาจากหลังของมู่น่อนน่อน แล้วก็กระซิบตอบว่า “อืม”
กู้จือหยั่นยิ้มหน้าบานจนเป็นดอกไม้ ไม่รู้ว่าไปเอาอมยิ้มสีรุ้งมาจากตอนไหน เขายื่นให้กับเฉินมู่ น้ำเสียงก็อ่อนโยนมากกว่าเดิม “กินลูกอมไหม”
ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะว่ามู่น่อนน่อนรู้อยู่แล้วว่ากู้จือหยั่นไม่ได้ยากจน เธอคงจะนึกว่ากู้จือหยั่นเป็นคุณลุงที่จะลักพาตัวเด็กไปขายซะแล้ว
ตอนที่เฉินมู่เห็ดอมยิ้มใส่ลงนั้น ดวงตาคู่โตก็มองตรงไปในทันที
ไม่มีเด็กน้อยคนไหนไม่ชอบกินลูกอมหรอก
เฉินมู่ชูมือเล็กๆ ขึ้นมา แล้วก็ดึงกลับไปอีกครั้ง
เธอหันไปมองมู่น่อนน่อน แล้วก็พูดเบาๆ “แม่คะ”
เฉินมู่กำลังใช้วิธีของเธอ ในการขอความคิดเห็นจากมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนเม้มปากยิ้ม คำศัพท์อุ้มเธอขึ้นมา “ลูกอมที่ลุงกู้ให้ มู่มู่เอาไปได้ แต่ว่าต้องพูดขอบคุณก่อนนะ”
เฉินมู่มองกู้จือหยั่น แล้วก็ยื่นมือไปรับลูกอมนั้นอย่างรวดเร็ว ทำกับพูดว่า “ขอบคุณค่ะคุณลุงกู้”
อารมณ์ที่เบิกบานของกู้จือหยั่นถูกเขียนไว้บนใบหน้าของเขาหมดแล้ว
“มู่มู่ ลุงไม่ได้มีแค่ลูกอมนะ ลุงยังมีของกินอร่อยๆ อีกเยอะเลย เฟรนฟรายแล้วก็ลูกอมทุกชนิด……”
หลังจากนั้นกู้จือหยั่นก็ยังพูดอะไรมากมาย แต่ว่าเฉินมู่จำได้แค่เฟรนฟรายกลับลูกอมเท่านั้น
เธอก้มหน้ามองดูลูกอมสายรุ้งในมือของตัวเอง แล้วก็ยิงที่อกของมู่น่อนน่อนอย่างพึงพอใจ เห็นได้ชัดว่าเธอขาดความสนใจในสิ่งที่กู้จือหยั่นพูด
กู้จือหยั่นเห็นดังนั้นก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนพูดออกมาได้ทันเวลาว่า “พวกเราไปหาเสี่ยวเหลียงกันก่อนเถอะ มู่มู่ยังเด็กอยู่ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอกินไม่ได้”
กู้จือหยั่นพยักหน้า แล้วก็พาพวกเธอเข้าไปที่ห้องส่วนตัวที่เสิ่นเหลียงรออยู่
พอเสิ่นเหลียงเห็นว่ามู่น่อนน่อนกับเฉินมู่เข้ามา ก็วิ่งเข้าไปพร้อมกับดวงตาที่สดใส “มู่มู่ให้ป้ากอดหน่อยเร็วฎ
เฉินมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ยื่นมือไปหาเสิ่นเหลียง
เสิ่นเหลียงก่อนเฉินมู่ด้วยใบหน้าที่มีความสุข “มู่มู่ให้ป้ากอดด้วย ไม่เขินคนแปลกหน้าเหรอ? น่ารักมากเลย……”
เสิ่นเหลียงอดไม่ได้ที่จะจุ๊บลงไปบนใบหน้าของเธอ
กู้จือหยั่นที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และหันหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบๆ