ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 408 เหตุผลแย่ๆ แบบนี้
“ของขวัญที่คุณกู้ได้เจอกับมู่มู่”มู่น่อนน่อนตอบ แล้วก็หันไปยิ้มให้กับกู้จือหยั่น
กู้จือหยั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ
เฉินถิงเซียวชั่งน้ำหนักตู้เซฟในมือของตัวเอง แล้วก็หันไปมองกู้จือหยั่น อย่าพูดเบาๆ ว่า “ตอนนี้มู่มู่ยังไม่มีแนวคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเงิน”
กู้จือหยั่นใบหน้าดูแปลกใจ “นายยังไม่ทันดูเลย รู้ได้ยังไงว่าข้างในเป็นเงิน? ”
“ไม่อย่างนั้นข้างในคืออะไร? ” ไข่ใต้น้ำเสียงที่เรียบเฉยของเฉินถิงเซียว แฝงไปด้วยความไม่ชอบที่ชัดเจน
แต่ว่าคนที่คุ้นเคยกับเขาจะฟังออก
กู้จือหยั่นหน้าตาจริงจังทันที “นาย……”
เฉินถิงเซียวไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว หันหน้าไปมองมู่น่อนน่อน “ไปเป็นเพื่อนผมที่นึง”
“ไปที่ไหนเหรอ?”
เธอยังไม่ทันเข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆ เฉินถิงเซียวถึงมาที่นี่ได้ ก็ถูกเฉินถิงเซียวเรียกร้องไปที่หนึ่งกับเขา……
เฉินถิงเซียวยืนตัวแสบในมือให้กับสือเย่ในทันทีพร้อมกับสั่งว่า “นายไปส่งมู่มู่กลับไปก่อน”
สือเย่ตอบกลับด้วยความเคารพ “ครับ”
และในทันที เฉินถิงเซียวก็หันกลับมามองเฉินมู่แล้วพูดว่า “กลับไปกับลุงสือเย่ พวกเรายังมีธุระอื่นอีกอาจจะกลับช้าหน่อย รอพวกเราที่บ้านนะ”
เฉินมู่ก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
เฉินถิงเซียวสูง188เซนติเมตร เฉินมู่พึ่งจะอายุสามขวบ ยืนเป็นก้อนกลมๆ อยู่ต่อหน้าเขา ความสูงของทั้งสองคนต่างกันมากกว่าหนึ่งเมตร
แม้ว่าจะไม่ใช่ภาพที่อบอุ่น แต่เมื่อมองจากมุมมองของคนอื่นแล้ว ภาพลูกสาวตัวน้อยที่พยักหน้าให้พ่อของเธออย่างไม่รู้ตัวก็ดูน่ารักมากเป็นพิเศษ
แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าเฉินถิงเซียวไม่สนใจที่จะสานต่อภาพความรักนี้ต่อไป พอเขาพูดจบ เขาดึงมู่น่อนน่อนแล้วก็เดินออกไป
เดิมทีมู่น่อนน่อนยังอยากตักเตือนอะไรบางอย่างกับเฉินมู่ แต่ว่าพูดอะไรไม่ทัน
เธอได้แต่หันหน้าไปแล้วพูดกับเฉินมู่ว่า “กลับบ้านกับลุงสือเย่อย่าเชื่อฟังนะ เดี๋ยวแม่กับพ่อก็รีบกลับมาแล้ว บ๊ายบาย?”
คำว่า “บ๊ายบาย” 2 คำหลังนั้นแฝงไปด้วยกล่อมเบา
เฉินมู่ท่าทางดูมันงง แต่ว่ายังคงโบกมือให้กับมู่น่อนน่อนอย่างเชื่อฟัง
มู่น่อนน่อนถูกเฉินถิงเซียวพาออกมาจากโรงแรมจีนติ่ง
พอออกมาจากโรงแรมจีนติ่ง มู่น่อนน่อนก็สะบัดมือของเฉินถิงเซียวออก “ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องมาจับมือถือแขนหรอก”
จู่ๆ ก็มาที่นี่แล้วก็บอกให้เธอไปยังสถานที่หนึ่งเป็นเพื่อนเขา เมื่อกี้ตอนที่ได้เจอกับเฉินมู่ ไม่ได้เจอกันทั้งวัน ตาแมวแต่กอดก็ไม่ยอมกอดเฉินมู่เลย
เฉินถิงเซียวหรี่ตามองดูเบอร์ของตัวเอง แล้วก็ไม่พูดอะไรพร้อมกับเปิดประตูขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับ
มู่น่อนน่อนก็เปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ
“จะไปไหนกันแน่?”เธอคาดเข็มขัดไปด้วยพร้อมกับเอ่ยถามเขาไปด้วย
ครั้งนี้เฉินถิงเซียวตอบคำถามของเธอต่อหน้า “โรงพยาบาล”
“ไปทำอะไรที่โรงพยาบาล?คุณไม่สบายตรงไหนเหรอ?”พอมู่น่อนน่อนถามจบก็รู้สึกว่าคำถามของตัวเองไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นัก ถ้าเกิดว่าเฉินถิงเซียวรู้สึกไม่สบาย ก็คงจะไม่ได้ให้เธอไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขาหรอกมั้ง?
ยังไงต่อให้คิดไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ก็ไม่ต้องถามดีกว่า
……
ทั้งสองคนนั่งเงียบตลอดทางทางแล้วก็ไปถึงที่โรงพยาบาล
ตอนที่เราจากรถนั้น มือทั้งสองข้างของมู่น่อนน่อนเสียบเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เดินอยู่ด้านหลังเฉินถิงเซียว เดินรักษาระยะห่างกับเขา
ยังไม่ทันจะเข้าไปในโรงพยาบาล เฉินถิงเซียวก็หันหน้ามา พร้อมกับมองเธอด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “มู่น่อนน่อน เท้าของคุณติดอยู่ที่พื้นเหรอ? ”
มู่น่อนน่อนตอบอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก “คุณจะมาสนใจฉันทำไม ต่างคนก็ต่างเดินไปสิ ฉันตัวโตขนาดนี้ไม่มีทางหายหรอก”
ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าทำไมวันนี้เฉินถิงเซียวต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับข้าวของของเธอ ยุ่งเกี่ยวกับการเดินของเธอด้วย
เฉินถิงเซียวมองหน้าเธอด้วยแววตาที่มืดมน เขายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ก้าวยาวเดินตรงไปข้างหน้า
เธอจงใจเดินเร็วมาก และฝีเท้าข้างหลังเดินเร็วมากตามความถี่ของเธอ
พอเธอเดินช้า คนที่อยู่ด้านหลังก็เดินช้าตามเธอเหมือนกัน
สรุปก็คือ เฉินถิงเซียวให้ความร่วมมือกับฝีเท้าของเธอ เดินตามหลังของเธอ
เธอสามารถรู้สึกได้ว่าเฉินถิงเซียวไม่เพียงแต่รักษาความเร็วเท่านั้น แต่ว่ายังเอาแต่จ้องมองมาที่เธออีกด้วย
สายตาของเขาลึกซึ้งมาก เหมือนกับว่ามีสารอะไรบางอย่าง ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
มู่น่อนน่อนก็เลยถอยหลังมาก้าวหนึ่ง แล้วก็เดินด้านข้างเขา
เฉินถิงเซียวยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก ถ้าเกิดว่าไม่ตั้งใจสังเกตก็จะมองไม่เห็น
ทั้งสองคนเข้าลิฟต์ไปด้วยกัน
เฉินถิงเซียวยื่นมือไปกดปุ่ม ตอนที่เขาดึงมือกลับมานั้น ก็ผ่านหูของเธอไปพอดี เธอรู้สึกได้ถึงออร่าที่หนาวเหน็บที่ออกมาจากร่างกายของเขา
ในลิฟตฺนั้นระหว่างทางไม่ได้แวะจอดชั้นไหนเลย จนไปถึงชั้นที่เฉินถิงเซียวกดเอาไว้ ลิฟต์ถึงได้เปิดประตูออก
มู่น่อนน่อนเดินออกมาจากลิฟต์ ก็พบว่าโรงพยาบาลนี้ไม่มีคนเลย
เหมือนกับว่าคาดเดาความคิดของเธอได้ เสียงของเฉินถิงเซียวก็ดังขึ้น “คนน้อยจะสะดวกกว่า”
ความหมายก็คือ เขาติดใต้โต๊ะ แล้วก็จองโรงพยาบาลเองอย่างนั้นเหรอ?
คุณผู้ชายเฉินนี่ช่างใช้เงินสิ้นเปลืองจริงๆ
หลังจากที่พวกเขาออกจากลิฟต์แล้วเดินไปได้ไม่ไกล ก็มีลูกน้องมาต้อนรับพวกเขา “คุณผู้ชาย”
เฉินถิงเซียวถามด้วยเสียงที่เรียกเฉย “จัดการเรียบร้อยหมดแล้วหรือยัง?”
ลูกน้องกลับด้วยความเคารพ “ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมแล้วครับ”
มู่น่อนน่อนพ่อไปที่เฉินถิงเซียวด้วยความสงสัย
แต่ว่าไม่นาน ความสงสัยในดวงตาของเธอก็หายไป
เธอนึกถึงท่าทางที่เจ็บปวดของเฉินถิงเซียวในห้องอ่านหนังสือวันนั้น วันนี้เฉินถิงเซียวมาตรวจร่างกายหรือเปล่า?
ความคิดนี้เพิ่งจะออกมา แค่ได้ยินเสียงเฉินถิงเซียวตั้งขึ้นมาจากด้านข้าง “พาเธอไปเถอะ”
เธอ?
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์สวมชุดกาวน์สีขาวกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ครึ่งหนึ่งเป็นหมอกับพยาบาลผู้หญิง
พอเฉินถิงเซียวพูดออกมา หมอผู้หญิงก็เดินเข้ามาหาเธอ
“คุณมู่ เชิญตามพวกเรามาค่ะ”
มาตรวจให้เฉินถิงเซียวไม่ใช่เหรอ?
น่าจะบอกว่าสีหน้าของมู่น่อนน่อนนั้นชัดเจนเกินไป เฉินถิงเซียวพูดว่า “แค่ตรวจร่างกายธรณี”
พอเขาพูดจบ ก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้หมอคนนั้นพามู่น่อนน่อนไปตรวจร่างกาย
หลังจากที่หมอคนนั้นได้รับคำสั่งจากเฉินถิงเซียว ก็ไม่สนใจว่ามู่น่อนน่อนจะยินยอมหรือไม่ เข้ามาพาเธอไปทันที
“สุขภาพของฉันแข็งแรงดีมาก ฉันไม่จำเป็นต้องไปตรวจร่างกาย!”มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวช่างแปลกประหลาดเกินไปแล้ว
ต่อให้เขาหวังดีจริงๆ แต่ว่าจะบอกกับเธอก่อนสักคำเลยไม่ได้เหรอ?
ถ้าบอกล่วงหน้าสักนิด เขาจะเป็นยังไงเหรอ?
แต่ว่าเรื่องราวมาจนถึงตอนนี้แล้ว มู่น่อนน่อนทำได้เพียงแค่ให้หมอผู้หญิงพวกนั้นตรวจร่างกายของเธอไป
ตอนที่มู่น่อนน่อนตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้วนั้น ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
ตอนที่เธอออกมานั้น ก็เห็นว่าเฉินถิงเซียวนั่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับพริกกองกระดาษในมือของเขา
พอเดินเข้าไปใกล้ เธอถึงได้พบว่าสิ่งที่เฉินถิงเซียวถือไว้ในมือก็คือผลการตรวจร่างกายในด้านต่างๆ ของเธอ
มู่น่อนน่อนเดินไปอยู่ข้างๆ เขาและนั่งลง พร้อมกับหันหน้าไปถามว่า “ทำไมคุณถึงได้มาให้ฉันตรวจร่างกาย? ”
“เพื่อป้องกันเธอจากโรคติดต่อต่างๆ แล้วจะเอามาติดมู่มู่”เฉินถิงเซียวไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ เสียงของทุ้มต่ำตามจนฟังไม่ได้ยินอารมณ์ใดๆ ในนั้น
มู่น่อนน่อนเบะปาก เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “คุณเฉินนี้ช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นะคะ เหตุผลง่ายๆ แบบนี้ ยังสามารถพูดกับคุณนายมู่ได้อย่างจริงจังขนาดนี้”
เฉินถิงเซียวเพิ่งจะอ่านผลตรวจใบสุดท้ายจบ
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมามองมู่น่อนน่อน สีหน้าดูจริงจังมากที่สุด “คุณมู่เองก็ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นะ ทั้งๆ ที่โกรธขนาดนี้ยังสามารถยิ้มออกมาได้อีก”
มู่น่อนน่อน:“……”