ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 413 พิษที่ร้ายแรงที่สุดคือหัวใจผู้หญิง
ว่าไปแล้ว กู้จือหยั่นมาที่ห้องทำงานของเฉินถิงเซียวเป็นครั้งแรก
เขามองที่ตรงนี้ไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไปแตะที่ตรงนั้นตรงนี้ จากนั้นก็เอ่ยออกไป “สไตล์การตกแต่งของที่นี่ ไม่ได้ต่างจากห้องทำงานที่บริษัทเสิ้งติ่งของนายเลยนะเนี่ย”
“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา” เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปนั่งลงที่ด้านหลังโต๊ะทำงาน น้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างมาก
กู้จือหยั่นจึงได้ผันร่างออกไป สาวเท้าก้าวใหญ่ๆเดินเข้าไปที่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเฉินถิงเซียว มือทั้งสองข้างได้ยันอยู่บนโต๊ะทำงาน มองจ้องเขาพลางเอ่ยออกไป “ถิงเซียว นายฟื้นความทรงจำกลับมาแล้วใช่มั้ย?”
สีหน้าของเฉินถิงเซียวยังคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากไป
ทั้งสองคนสบตากันอยู่สักพักนึง เฉินถิงเซียวถึงได้ส่งเสียงพูดออกไป “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?”
“วันนั้นที่โรงแรมจีนติ่ง นายไม่ชอบของขวัญในการพบหน้ากันที่ฉันให้กับมู่มู่ที่เป็นกล่องเงินสดกล่องหนึ่ง เมื่อก่อนนายก็ไม่ชอบฉันอย่างนี้มาโดยตลอดแต่ก็บีบคั้นฉันอยู่ไม่หยุดอีก…”
กู้จือหยั่นพูดไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มบ่นออกมาอีกครั้ง
เฉินถิงเซียวได้พูดคำหนึ่งจากในคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาอีกรอบนึง “บีบคั้น?”
สีหน้าของกู้จือหยั่นเปลี่ยนไป กลืนน้ำลายแล้วเอ่ยพูดออกมา “ไม่…ไม่ใช่บีบคั้น แต่เป็นความรักทะนุถนอม…”
เฉินถิงเซียวส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นออกมา มีท่าทีไม่เชิงยอมรับแต่ก็ไม่ได้คัดค้านด้วยเช่นกันออกมา
“นายฟื้นความทรงจำกลับมาแล้วจริงๆ” กู้จือหยั่นแทบจะร้องไห้ออกมา “แม่งเอ๊ยฉันดักรอนายมาสามปี นายไม่มีการตอบสนองมาเลยสักนิดเดียว ตอนนี้ได้อยู่กับน่อนน่อนมาแค่ไม่นานเท่าไหร่ ก็ฟื้นความทรงจำกลับมาแล้ว นายจะทำตามใจชอบขนาดนี้เลยเหรอ?”
กู้จือหยั่นพูดเสียจนดูเจ็บปวดเสียใจ แต่ว่าเฉินถิงเซียวก็ไม่แยแสเลยสักนิดเดียว “นายกับคุณเสิ่นเป็นอะไรกัน?”
“ฉันกับเสิ่นเสี่ยวเหลียงเป็นอะไรกัน นายไม่รู้?”
“ตอนนี้ยังนึกไม่ออก” เฉินถิงเซียวพูดออกมา
กู้จือหยั่นนิ่งอึ้งไปสักพักนึง แล้วถามออกไป “นี่นายมีอาการเป็นยังไงกัน?”
เฉินถิงเซียวอธิบายง่ายๆออกไป “บางครั้งก็มีภาพบางอย่างแวบเข้ามา”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” เมื่อก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่โรงแรมจีนติ่ง เขารู้สึกได้ว่าเฉินถิงเซียวฟื้นความทรงจำกลับมาแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสถานการณ์อย่างนี้
“ไม่รู้” เฉินถิงเซียวพูดออกไปตามความจริง
“แล้วน่อนน่อนล่ะ? เมื่อตอนนั้นพวกนายได้เกิดอุบัติเหตุด้วยกัน เธอไม่ฟื้นความทรงจำกลับมาเลยสักนิด?”
“เมื่อตอนนั้นเธอบาดเจ็บหนักกว่าฉัน ตอนนี้ไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นความทรงจำกลับมาเลย คุณหมอบอกว่าความเป็นไปได้ที่เธอจะฟื้นความทรงจำกลับมานั้นต่ำมาก” เฉินถิงเซียวพูดถึงท่อนหลังแล้ว น้ำเสียงก็ดิ่งต่ำลงเล็กน้อย
พูดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นขึ้นมา สีหน้าที่แสดงออกมาของกู้จือหยั่นก็ได้เคร่งขรึมขึ้นมา
“เมื่อตอนนั้นนายเกิดเรื่องขึ้นที่เกาะเล็ก เฉินจิ่งหยุ้นนำคนไปช่วยนาย สุดท้ายก็เพียงแค่พานายไป ตอนที่ฉันตามไปในตอนหลัง ก็ไม่เจอน่อนน่อน เฉินจิ่งหยุ้นเองก็ไม่ให้ฉันเจอนายเลยด้วย”
เฉินถิงเซียวได้ยินคำพูดนั้นแล้ว ก็ได้เลิกตาขึ้นมาทันที สีหน้าคาดเดาไม่ถูกออกมา “เธอไม่ได้ช่วยมู่น่อนน่อน?”
“เธอคิดที่จะจับคู่นายกับซูเหมียนมาโดยตลอด จะไปช่วยมู่น่อนน่อนได้ยังไง พิษที่ร้ายแรงที่สุดก็หัวใจผู้หญิงนี่ล่ะนะ” กู้จือหยั่นเห็นสีหน้าของเฉินถิงเซียวผิดไป เดิมทีก็ยังอยากจะพูดอะไรออกไปอีก แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปอีก
ระหว่างช่วงสามปีนี้ เขากับเสิ่นเหลียงต่างก็คิดว่ามู่น่อนน่อนไม่อยู่แล้ว
เฉินถิงเซียวก็เสียความทรงจำไปอีก เชื่อคำพูดของเฉินจิ่งหยุ้นไปโดยสมบูรณ์ แล้วก็ลืมมู่น่อนน่อนไปด้วย
กู้จือหยั่นเองก็อดไม่ได้ที่จะกระอักกระอ่วนขึ้นมาบ้างเล็กน้อย “สามปีนี้พวกเราต่างก็คิดกันว่าชั่วชีวิตนี้คงจะเป็นอย่างนี้ไปตลอดแล้ว แต่น่อนน่อนก็ยังมีชีวิตอยู่ นายก็ค่อยๆฟื้นความทรงจำขึ้นมาอย่างช้าๆอีก เรื่องทั้งหมดมันก็ได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น…”
บนใบหน้าของเฉินถิงเซียวไม่ได้มีความผันผวนใดๆออกมา ไม่รู้ด้วยว่าได้ยินคำพูดของกู้จือหยั่นไปหรือเปล่า
เขากลับถามกู้จือหยั่นอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาแทน “เมื่อตอนนั้นเฉินจิ่งหยุ้นพาฉันไปรักษาตัวที่เมืองM นายรู้หรือเปล่าว่าโรงพยาบาลอะไร?”
กู้จือหยั่นคิดๆไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยออกมา “ไม่รู้ เธอพานายไปอเมริกาอยู่สักพักนึง เมื่อตอนนั้นพวกเรายุ่งอยู่กับการตามหาน่อนน่อน จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้เลย”
เฉินถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็หลุบตามองต่ำลง ไม่ขยับเลยสักนิดเดียว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
กู้จือหยั่นถามเขาออกไปอย่างข้องใจ “เป็นอะไรไป?”
เฉินถิงเซียวยื่นมือไปเปิดเอกสารชุดหนึ่งออกมา “บริษัทเสิ้งติ่งคงจะมีหลายเรื่องที่ต้องทำ”
กู้จือหยั่นแตะจมูกไปเล็กน้อย นี่เฉินถิงเซียวกำลังไล่เขาอยู่
ตอนก่อนที่จะออกไป กู้จือหยั่นก็ไม่ลืมที่จะพูดออกไปว่า “งั้นฉันกลับบริษัทเสิ้งติ่งก่อน เดี๋ยวค่อยไปดื่มกันที่โรงแรมจีนติ่งด้วยกันนะ”
เฉินถิงเซียวเพียงแค่พูดออกมาคำนึงเบาๆ “ไม่ไป ที่บ้านมีลูก”
กู้จือหยั่นกระตุกมุมปากออกมา เขาที่ไม่มีลูกถูกเยาะเย้ยเข้าเสียแล้ว
เขาคิดๆไปแล้วเอ่ยออกมาว่า “งั้นฉันไปดื่มที่บ้านนาย?”
กู้จือหยั่นมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเฉินถิงเซียว แต่ว่านิสัยร่าเริงมีความคิดที่เหนือการควบคุมกว่าเขาอยู่บ้าง
ในตอนนี้เขากำลังมองเฉินถิงเซียวไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง มองไปแล้วก็ดูหวั่นๆอยู่บ้างเหมือนกัน
“อืม” เฉินถิงเซียวเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็ได้พูดออกมาอีกว่า “จะเรียกคุณเสิ่นมาด้วยก็ได้”
กู้จือหยั่นดีใจจนตบลงไปที่ต้นขาไปทันที “โอเค! ฉันจะพาเหล้าไปเอง!”
……
ภายในห้องโถง
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่บนโซฟากับเฉินมู่ อยู่ดูการ์ตูนเป็นเพื่อนเธอ
เมื่อวานเธอบอกเอาไว้แล้วว่าวันนี้จะดูการ์ตูนเป็นเพื่อนเฉินมู่ แน่นอนว่าไม่สามารถผิดคำพูดได้อยู่แล้ว
ในมือเธอกอดแทบเล็ตมาด้วยเครื่องนึง ด้านบนเป็นหน้าการค้นหาของเมืองพัง
ค้นหาไปมั่วๆ ก็มีข้อมูลขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน
นี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าตอนที่เมืองพังได้โพสต์ลงออนไลน์เมื่อตอนนั้น ร้อนแรงมากขนาดไหน
ยอดการแสดงความคิดเห็นและระดับความร้อนแรงต่างก็สูงมาก
มู่น่อนน่อนกำลังดูเป็นเพื่อนเฉินมู่อยู่อย่างเพลิดเพลิน หางตาเหลือบไปเห็นสาวใช้คนหนึ่งได้เดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยความรีบร้อน
สาวใช้รีบร้อนเดินเข้ามาทางมู่น่อนน่อน ไม่รอให้เธอเอ่ยปากพูดออกมา มู่น่อนน่อนก็ได้พูดออกไปก่อนว่า “มีอะไร?”
สาวใช้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่เผยความลำบากใจออกมา “คุณหนูเฉินมาค่ะ”
คุณหนูเฉิน?
มู่น่อนน่อนเพียงแค่สงสัยอยู่ครู่หนึ่ง ก็คาดเดาออกมาได้ว่าเธอหมายถึงเฉินจิ่งหยุ้น
เธอกำลังจะพูดออกไป ก็เห็นว่ามีคนเดินเข้ามาจากข้างนอก
เฉินจิ่งหยุ้นอยู่ในชุดสูทผู้หญิงสีขาวที่ดูสะอาดเรียบร้อยตลอดทั้งตัว ตัดเย็บอย่างพอเหมาะพอดี เค้าโครงดูกำลังดีเลยทีเดียว ทำให้เธอที่เดิมทีก็ดูหยิ่งยโสอยู่บ้างแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะยโสโอหังเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
เธอกวาดตามองไปรอบๆ แล้วจรดสายตาไปที่ร่างของมู่น่อนน่อน
ในดวงตาเธอมีความเยือกเย็นแวบผ่านออกมา เดินตรงเข้ามายังมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนค่อยๆลุกยืนขึ้นมา เห็นคนใช้ที่อยู่ข้างๆผันร่างเตรียมจะเดินออกไป เธอเดาว่าคนใช้คิดจะไปโทรหาเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนได้หยุดเอาไว้ “เรื่องเล็กนิดเดียว ไม่ต้องแจ้งเฉินถิงเซียวหรอก”
วันนั้นตอนที่อยู่ที่บ้านเก่าตระกูลเฉิน มู่น่อนน่อนก็มองออกแล้วว่าเฉินจิ่งหยุ้นเกลียดเธอเข้ากระดูก
วันนี้เฉินจิ่งหยุ้นมาหากันถึงที่บ้าน ก็ไม่มีอะไรให้น่าประหลาดใจเลย
เฉินจิ่งหยุ้นกับเฉินถิงเซียวต่างก็ทำงานกันอยู่ที่บริษัทเฉินซื่อ เฉินจิ่งหยุ้นจะมาหาเฉินถิงเซียว ก็ตรงเข้าไปหาที่บริษัทเลยก็ได้แล้ว
เฉินจิ่งหยุ้นมาที่นี่ แน่นอนว่าจะต้องมาหาเธอ
คนใช้ได้ยินคำพูดของมู่น่อนน่อน ดูเหมือนว่าจะไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงดีขึ้นมาเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนเห็นท่าทางนี้ของเธอ ก็ไม่ได้ไปฝืนบังคับ “แล้วแต่เธอ”
คนใช้จึงพยักหน้าออกมาเล็กน้อย แล้วผันร่างเดินออกไป
เฉินจิ่งหยุ้นเดินเข้ามา เพียงแต่สายตาได้กวาดผ่านจากร่างของมู่น่อนน่อนไปตกอยู่ที่ร่างของเฉินมู่ “มู่มู่”
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป หยิบรีโมตขึ้นมากดหยุดเอาไว้ก่อน พลางเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “มู่มู่ คุณป้าเรียกหนู”
เฉินมู่เงยหน้ามองไปทางมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนชี้ไปยังจุดที่เฉินจิ่งหยุ้นอยู่
เฉินมู่จึงได้มองไปตามนิ้วมือของมู่น่อนน่อน ตอนที่เห็นเฉินจิ่งหยุ้น เธอก็ยิ้มด้วยความดีใจออกมา “คุณป้า”
“ขอป้าอุ้มหน่อย” เฉินจิ่งหยุ้นย่อตัวนั่งลงกับพื้น ยื่นมือออกไปทางเฉินมู่