ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 419 ใครมอบความกล้าให้กับเธอ?
การ์ดถูกสีหน้าที่แสดงออกมาของเฉินถิงเซียวทำเอากลัวจนมือสั่นไปหมด “ผมกำลังเตรียมที่จะประคองคุณลงจากรถ ไปโรงพยาบาลครับ”
เขาพูด แล้วก็ได้ถอยห่างออกไปเล็กน้อย ทำให้เฉินถิงเซียวสามารถมองเห็นประตูทางเข้าโรงพยาบาลได้
“มาโรงพยาบาลทำไม? ใครใช้ให้นายส่งฉันมาที่โรงพยาบาล? หืม?” ว่า “หืม” ตัวสุดท้าย มันช่างฟังดูน่ากลัวเสียจนหมือนกับว่าเป็นเครื่องรางที่จะทำให้ตายเร็วขึ้นของยมราชเลยไม่มีผิด
การ์ดได้เงียบกริบกันไปหมด ไม่กล้าพูดอะไรออกไป และก็ไม่กล้าถอยออกไปด้วยเช่นกัน ทำเพียงแค่มองไปทางมู่น่อนน่อนอย่างขอความช่วยเหลือ
มองตามสายตาของการ์ดไป เฉินถิงเซียวจึงได้พบว่ามู่น่อนน่อนก็อยู่ภายในรถด้วย
“เธอจะส่งฉันไปโรงพยาบาล?” เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วมองเธอ ยื่นมือออกไปก็ได้บีบคางเธอเอาไว้ พลางเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงที่เย็นยะเยือก “เธอส่งฉันไปโรงพยาบาลทำไม? ใครมอบความกล้าให้กับเธอกัน?”
น้ำเสียงประณามความผิดออกมาอย่างรุนแรงนี้ ได้ทำให้มู่น่อนน่อนแข็งค้างไปครู่นึ่งเลย
เฉินถิงเซียวที่เป็นอย่างนี้ ไม่คุ้นเคยเลย
“คุณดูเหมือนว่าป่วย ดูไม่สบายมาก ฉันก็เลยให้พวกเขาส่งคุณมาที่โรงพยาบาล” มู่น่อนน่อนพูดไปพลางมองสำรวจเขาอย่างระมัดระวังไปพลาง
สายตาของเขาล้ำลึกมาก เป็นความดำมืดที่เข้มข้นประหนึ่งน้ำหมึกอะไรทำนองนั้น ปกติตอนที่ไม่ยิ้มก็ดูมืดมนอยู่บ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาในตอนนี้ที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธจัดเลย
แต่มู่น่อนน่อนก็ไม่รู้เลยว่าความโกรธของเขามันเกิดมาจากไหน
ช่วงหลายวันมานี้ พวกเขาอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน เธอไม่เคยเห็นท่าทางอย่างนี้ของเฉินถิงเซียวมาก่อนเลย
เฉินถิงเซียวได้ยินคำพูดของเธอ ตรงระหว่างคิ้วนิ่วเข้าหากัน แรงที่กำลังบีบคางเธออยู่นั้นก็ได้ลงหนักขึ้นกว่าเดิม
มู่น่อนน่อนเจ็บจนหายใจพะงาบๆออกมาด้วยความกลัว พลางเอ่ยออกไป “เฉินถิงเซียว คุณช่วยปล่อยมือก่อนได้มั้ย”
“เธอรู้จักฉัน?” เฉินถิงเซียวไม่เพียงแต่จะไม่คลายมือออกไป แต่สายตายังเปลี่ยนเป็นคมกริบขึ้นมาด้วยเช่นกัน แล้วยังประดับไปด้วยการสือหาความจริงออกมา “เธอเป็นใคร?”
“ฉัน…” มู่น่อนน่อนอยากจะบอกชื่อของตัวเองออกไปทันที แต่ตอนนี้ก็ได้ค้นพบจุดที่ผิดปกติของเฉินถิงเซียวขึ้นมา
เธอถามเฉินถิงเซียวไปอย่างไม่กล้าที่จะเชื่อ “คุณไม่รู้จักฉัน?”
ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนเมื่อสามปีก่อนต่างฝ่ายต่างก็ได้สูญเสียความทรงจำกันไป แต่ว่าช่วงนี้ทั้งสองคนก็ได้อาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน จะเกิดสถานการณ์ที่จู่ๆก็มาไม่รู้จักเธอขึ้นมาได้ยังไงกัน?
มู่น่อนน่อนยื่นมือใช้แรงไปขยับมือของเขาที่กำลังบีบอยู่ที่คางของเธออยู่ออกไป จากนั้นก็เข้าไปตรงหน้าเฉินถิงเซียว ชี้มาที่ตัวเอง พูดกับเขาออกไปด้วยใบหน้าที่จริงจัง “คุณตั้งใจมองฉันให้ดีๆ ไม่รู้จักฉันจริงๆ?”
เฉินถิงเซียวกระตุกมุมปากออกมา คำพูดที่ได้พูดออกมาได้ประดับไปด้วยการเยาะหยัน “เหอะ เธอนึกว่าหน้าตาดูเจริญตากว่าผู้หญิงทั่วๆไปหน่อย ฉันก็ควรจะต้องรู้จักเธอ?”
มู่น่อนน่อน “…”
ใครสามารถบอกเธอได้บ้างว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เฉินถิงเซียวคงไม่ได้…สมองมีปัญหาหรอกมั้งใช่มั้ย?
มู่น่อนน่อนมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนเช้าตอนที่ออกจากบ้านมามองดูแล้วก็ยังดูเหมือนคนปกติอยู่เลย…
ช่วงนี้ เขาเองก็อารมณ์แย่ลงหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีจุดที่แตกต่างไปจากคนทั่วไปอะไรเลยนะ
เธอคิดๆไปแล้ว พลางเอ่ยปรึกษาหารือกับเฉินถิงเซียวออกไป “ฉันอธิบายให้คุณได้ไม่ชัดเจนไปสักพักนึง และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้คุณเป็นอะไรไปกันแน่ เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันก่อนสักหน่อย โอเคมั้ย?”
เฉินถิงเซียวเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา “คนที่ควรจะต้องตรวจเป็นเธอมากกว่าล่ะมั้ง”
“ฉัน…”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองไปทางการ์ดที่ขับรถอยู่ที่ข้างหน้า พลางเอ่ยออกไป “กลับไป”
“ครับ” การ์ดตอบรับออกมา แล้วสตาร์ทรถเตรียมที่จะกลับไป
ตอนนี้เฉินถิงเซียวกลับเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เดี๋ยวก่อน”
การ์ดรีบหยุดรถลงทันที
เฉินถิงเซียวหันหน้าไป มองไปทางมู่น่อนน่อนที่กำลังลอบมองเขาอยู่เป็นครั้งคราวอยู่ที่ข้างๆ หลุดพ่นออกไปสองคำอย่างเย็นชา “ลงไป”
“คุณบอกให้ฉันลงจากรถ?” มู่น่อนน่อนสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดไป
เฉินถิงเซียวเพียงแค่มองเธอไปอย่างเย็นชา “หรือว่าจะยังมีคนอื่นอีกหรือไง?”
มู่น่อนน่อนใจสั่นรัวด้วยความกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แน่นอนว่าปฏิกิริยาจะช้าลงหน่อย
ก็คือเพียงไม่กี่วิที่กำลังใจสั่นด้วยความกลัวอยู่นี้ เฉินถิงเซียวก็ได้เปิดประตูรถเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วผลักเธอลงไปทันที
การกระทำของเฉินถิงเซียวหยาบคายอย่างมาก ในสายตาได้ประดับไปด้วยความรังเกียจ ราวกับว่าเธอเป็นขยะที่ไม่เข้าตาก็ไม่ปาน
มู่น่อนน่อนถูกผลักลงจากรถ ร่วงตกลงไปบนพื้น
เธอกำลังตื่นตระหนกอยู่บนพื้น แล้วได้ยินเสียงแตรรถจากที่ไม่ไกลออกไป เธอถึงได้ตกใจฟื้นคืนสติกลับมาได้ขึ้นมาทันที ลุกยืนขึ้นเดินเข้าไปนั่งลงที่ข้างถนน
ถึงแม้ว่าจะถูกเขาผลักลงจากรถมาจะรู้สึกอับอายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเศร้าเสียใจเลย
ก็คงจะมีสาเหตุเป็นเพราะว่าความทรงจำไม่ได้ฟื้นคืนมา และไม่มีความสัมพันธ์ที่ผูกมัดกัน
มู่น่อนน่อนแตะกระเป๋าเสื้อของตัวเองไปเล็กน้อย โชคดีที่ตอนก่อนที่จะออกจากบ้านมาได้เอาโทรศัพท์มาด้วย
วันนี้สือเย่ยังโทรมาหาเธอด้วย เธอจึงต่อสายไปหาสือเย่
“คุณมู่” ในน้ำเสียงของสือเย่มีความประหลาดใจขึ้นมาจางๆ
“คุณผู้ช่วยพิเศษสือ เฉินถิงเซียว…เขาเกิดเรื่องแล้ว”
มู่น่อนน่อนเอาเรื่องเมื่อกี้นี้เล่าให้กับสือเย่ออกไปรอบหนึ่ง
สือเย่ฟังจบ ก็ได้พูดออกไป “คุณมู่ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมจะมารับคุณก่อน”
บนตัวของมู่น่อนน่อนไม่ได้พกเงินมา สือเย่เป็นฝ่ายเสนอว่าจะมารับเธอออกมาเอง เธอเองก็ไม่ได้เกรงใจ แล้วก็ได้บอกที่อยู่กับสือเย่ออกไป
สือเย่มาได้รวดเร็วมาก ก็คงเป็นเพราะว่ารีบซิ่งมา
เขาจอดรถอยู่ที่ข้างหน้ามู่น่อนน่อน “คุณมู่ ขึ้นรถครับ”
หลังจากที่มู่น่อนน่อนขึ้นรถไป จึงได้ถามออกไป “เฉินถิงเซียวเมื่อก่อนเขาเคยป่วยโรคอะไรมาก่อนหรือเปล่า? เมื่อก่อนเคยมีสถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนมั้ย?”
“ไม่มีครับ” สือเย่มีสีหน้าเคร่งขรึมออกมา “วันนี้พวกเราเพิ่งรู้ว่าคุณชายสูญเสียความทรงจำไปเป็นเพราะว่าถูกพี่สาวของเขาพาไปสะกดจิตปิดกั้นความทรงจำ ผมคิดว่าที่ตอนนี้คุณชายเป็นอย่างนี้ไป คงจะเกี่ยวข้องกับการสะกดจิต”
“สะกดจิต?” คำคำนี้ในชีวิตนี้ไม่นับว่าพบเจอได้น้อย แต่คนที่สามารถปิดกั้นความทรงจำได้ นี่เป็นครั้งแรกที่มู่น่อนน่อนได้ยินมาเลย
สือเย่ขมวดคิ้วพลางเอ่ยออกมา “ถ้าภาวะที่ตอนนี้คุณชายเป็นอยู่ตอนนี้ มันเกี่ยวข้องกับการสะกดจิตจริงๆ อย่างนั้นแล้วก็จะต้องไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตคนนั้นให้เจอก่อน”
จู่ๆมู่น่อนน่อนก็นึกถึงเฉินมู่ขึ้นมา สีหน้าได้เปลี่ยนไปทันที “เมื่อกี้นี้เขาเพิ่งจะไม่รู้จักฉัน จะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าจะไม่รู้จักเฉินมู่ด้วย?”
สือเย่ได้ยิน ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเพิ่มความเร็วของรถให้เร็วขึ้น
ตอนที่มู่น่อนน่อนกับสือเย่รีบไล่มาถึงวิลล่า ภายในวิลล่าได้วุ่นวายไปหมดแล้ว
คนใช้และการ์ดต่างก็กำลังยืนอยู่ในลานบ้านกัน
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป ถามคนใช้หนึ่งในนั้น “เฉินถิงเซียวล่ะ?”
สาวใช้เอ่ยออกมาด้วยอาการที่ยังคงรู้สึกหวาดผวาอยู่ “คุณชายอยู่ด้านในค่ะ เขาไล่พวกเราออกมา”
มู่น่อนน่อนมองออกไปรอบๆ ไม่เห็นเงาร่างของเฉินมู่จึงถามออกไป “มู่มู่ล่ะ?”
สาวใช้มองตำแหน่งที่อยู่ข้างๆไปเล็กน้อย กลัวจนหน้าถอดสีออกมา “เมื่อกี้คุณหนูน้อยยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย!”
มู่น่อนน่อนไม่มีเวลาให้มาคิดมากมาย จึงก้าวเท้าวิ่งไปข้างใน
เฉินมู่จะต้องเข้าไปหาเฉินถิงเซียวแน่ๆเลย
เธอเพิ่งจะเดินไปถึงที่หน้าประตูห้องโถง จึงมองเห็นว่าความไม่เป็นระเบียบระเกะระกะอยู่เต็มพื้นด้านใน
ส่วนเฉินถิงเซียว ก็ได้นั่งอยู่บนโซฟาตัวนั้นที่มีความสมบูรณ์ที่สุดเพียงหนึ่งเดียวภายในห้องโถง
ตอนนี้มู่น่อนน่อนไม่มีความคิดจะไปสนใจเขา มองไปรอบๆเพื่อตามหาเฉินมู่
“คุณแม่…”
เสียงเบาๆได้ดังเข้ามา มู่น่อนน่อนมองไปตามเสียง ที่ต้นบอนไซขนาดใหญ่ต้นนึง
ส่วนสูงของเฉินมู่เพิ่งจะถึงระดับความสูงของกระถางต้นไม้ของต้นบอนไซต้นนั้นเท่านั้นเอง เธอโผล่หัวเล็กๆออกมา ในดวงตาได้อาบไปด้วยน้ำตา
มู่น่อนน่อนรู้สึกเจ็บปวดใจสุดๆ สาวเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา
เฉินมู่ที่จากเดิมเพียงแค่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ไม่ได้ร้องไห้ออกมา ตอนที่ถูกมู่น่อนน่อนอุ้มขึ้นมา ปากคว่ำออกมา แล้วได้ร้องไห้ออกมาทันที “คุณแม่”