ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 431 ความหวังดีทำให้เกิดปัญหา
ถึงแม้มู่น่อนน่อนจะถามอะไรจากเฉินถิงเซียวไม่ได้ แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกหดหู่ใจมากเท่าไหร่
เธอเชื่อ การที่เฉินถิงเซียวจะหาผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตแบบนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย
……
เฉินถิงเซียวกลับมาถึงบ้าน ก่อนจะยื่นเสื้อคลุมตัวนอกให้คนรับใช้ แล้วนั่งลงบนโซฟา
เขาเงยหน้ามองขึ้นไปที่โคมไฟคริสทัลเหนือศีรษะ ก่อนจะมองไปรอบด้าน
ในบ้านที่ใหญ่โตตอนนี้กลับว่างเปล่า มีแค่พวกบอดี้การ์ดกับพวกคนรับใช้เท่านั้น
เขาหยิบมือถือออกมา แล้วปัดนิ้วไปที่หน้าข้อความโดยไม่รู้ตัว
ในกล่องข้อความมีเพียงข้อความเดียวเหลืออยู่
มู่น่อนน่อนส่งมาเมื่อคืนนี้ เนื้อหาข้างในเขียนแค่คำว่า ราตรีสวัสดิ์ เท่านั้น
ตอนที่เขาได้รับข้อความ เขาคิดแค่ว่าผู้หญิงคนนั้นน่าเบื่อมาก และคิดจะบล็อกเบอร์โทรเธอ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำใจบล็อกเบอร์เธอไม่ลงสักที
หลังจากนั้นคงเป็นเพราะง่วงเกินไปจึงผล็อยหลับไป
“คุณชายครับ”
เสียงของสือเย่ ดึงเฉินถิงเซียวให้หลุดออกจากภวังค์ความคิด
เฉินถิงเซียวกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสือเย่
เขาไม่ได้พูดอะไร แค่เลิกคิ้วขึ้น บ่งบอกให้สือเย่มีอะไรจะพูดก็พูดมา
สือเย่ถามอย่างระมัดระวัง “คืนนี้คุณชายอยากกินอะไรครับ”
ช่วงนี้เฉินถิงเซียวอยู่ในสถานการณ์พิเศษ สือเย่ก็เลยเข้ามาอยู่ในบ้านของเฉินถิงเซียว
โชคดีที่เฉินถิงเซียวยังเชื่อใจเขามาก
แต่ว่า ผู้ช่วยอย่างเขามีทำงานครอบคลุมทุกเรื่องจริงๆ เป็นทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาของเฉินถิงเซียวในที่ทำงาน แต่ปัจจัยสี่ (ปัจจัยสี่ของจีน ประกอบด้วย เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และการเดินทาง) ของอีกฝ่าย เขาก็ยังต้องจัดการให้ทั้งหมด
เพราะเรื่องเมื่อคืนนี้ คนรับใช้ในครัวจึงไม่กล้าทำอาหารเองเหมือนปกติ
เพราะกลัวว่าเฉินถิงเซียวจะไม่ถูกปาก แล้วอาละวาดขึ้นมา จึงต้องขอให้สือเย่มาถามเฉินถิงเซียวก่อน
เฉินถิงเซียวพูดอย่างเฉยเมย “ฉันจ้างพวกเขามา เพื่อให้พวกเขามาทำอาหารไม่ใช่หรือไง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ยังต้องมาถามฉันด้วยเหรอ?”
สือเย่คิดในใจ สำหรับเขาแล้วคงเป็นแค่เรื่องเล็ก แต่สำหรับพวกคนรับใช้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
สือเย่ถามออกไปอย่างกล้าหาญว่า “คุณชาย อยากกินอาหารที่คุณหญิงน้อยทำใช่ไหมครับ?”
แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่ได้โต้แย้งเหมือนที่ผ่านมา เขาถามกลับว่า “นายหมายถึงมู่น่อนน่อน?”
สือเย่จับรายละเอียดเล็กน้อยนี้ได้ จึงตอบว่า “ใช่ครับ”
“เหอะ”
เฉินถิงเซียวยิ้มเยาะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “เมื่อคืนนี้ยังเสนอตัวมาทำอาหารถึงที่นี่ ตอนนี้มันกี่โมงแล้วยังไม่เห็นเงา เธอเป็นแบบนี้ยังคิดจะแต่งงานกับฉันใหม่ ฝันไปเถอะ”
“…”
สือเย่ปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก
ในสมัยนั้นตอนที่เขาเริ่มทำงานกับเฉินถิงเซียว โดยเป็นผู้ช่วยพิเศษของเฉินถิงเซียว เขาเพิ่งเรียนจบมา ในเวลานั้นบริษัทเสิ้งติ่งยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ก็เริ่มทำกำไรได้แล้ว
เฉินถิงเซียวเป็นนักธุรกิจที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ วิธีการทำงานของเขาเฉียบขาดมาก
ความคืบหน้าของบริษัทเสิ้งติ่ง ใช้สายตาก็สามารถมองเห็นได้
แต่ว่า ในเวลานั้นเฉินถิงเซียวที่อยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ มีอารมณ์รุนแรงมาก
สือเย่ในตอนนั้นก็เพิ่งเรียนจบยังทำอะไรไม่เป็น ไม่เหมือนตอนนี้ที่ทำทุกอย่างได้อย่างรอบคอบ แต่ก็ถูกเฉินถิงเซียวดุด่ามาไม่น้อย
ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่พอใจอยู่บ้างที่ถูกเจ้านายที่อายุน้อยกว่าดุด่า แต่พอเห็นถึงความสามารถของเฉินถิงเซียว จะให้เขาไม่ยอมรับก็ไม่ได้
สือเย่คุ้นเคยกับความรอบคอบ ระมัดระวัง และตัดสินใจเฉียบขาดของเฉินถิงเซียวแล้ว
แต่ว่า จู่ๆ นิสัยของเฉินถิงเซียวก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนตอนที่เขาเพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ …
หลังจากผ่านไปหลายปี สือเย่ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเฉินถิงเซียวที่เป็นแบบนี้ยังไง
ตนเองจะบอกเฉินถิงเซียวดีไหม ที่จริงแล้วเมื่อคืนนี้ เป็นเขาที่โทรไปขอให้มู่น่อนน่อนมาช่วย
ตนเองจะบอกเฉินถิงเซียวดีไหม ว่าเมื่อก่อนเป็นเขาที่ตามติดมู่น่อนน่อนอย่างใกล้ชิด คอยประคบประหงมดูแลอย่างดี
ที่จริงแล้ว เขาก็เคยแอบพูดถึง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เฉินถิงเซียวไม่ฟังเลยสักนิด
หลังจากที่เฉินถิงเซียวพูดจบ แล้วไม่ได้ยินสือเย่ตอบกลับ จึงมองด้วยสีหน้าเฉยเมย “ทำไมนายไม่พูดอะไรเลย หรือว่าฉันพูดไม่ถูก” “คุณชายพูดถูกครับ” สือเย่ยืดตัวตรง แล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
เห็นได้ชัดว่าเฉินถิงเซียวพึงพอใจต่อคำพูดของสือเย่มาก ก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วทำไมเธอถึงยังไม่มาทำอาหารอีก?”
นี่คุณชายคิดว่าคุณหญิงน้อยเป็นแค่คนทำอาหารจริงๆ เหรอครับ?
สือเย่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา พูดเพียงแค่ว่า “คุณหญิงน้อยยังต้องดูแลมู่มู่ ไม่ได้มาทำอาหารให้คุณชายก็เป็นเรื่องปกติครับ”
เฉินถิงเซียวนิ่งเงียบไปสักพัก แล้วพูดว่า “ลูกสาวของฉันเหรอ?”
พอสือเย่พูดถึงเฉินมู่ น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยรอยยิ้ม “ใช่ครับ คุณชายเป็นคนเลี้ยงดูมู่มู่มาเองกับมือ น่ารักมากเลยล่ะครับ”
เฉินถิงเซียวเด็กน้อยที่เขาเห็นในห้องโถงตอนเที่ยงของเมื่อวานนี้ ดูตัวเล็กนุ่มนิ่มขนาดนั้น รู้สึกว่าแค่นิ้วเดียวก็สามารถกดตัวเธอไว้ได้แล้ว
น่ารักไหมเขาไม่รู้ รู้แต่ว่าเธอตัวเล็กมาก
“ในเมื่อฉันเป็นคนเลี้ยงดูมาจนโต แล้วมู่น่อนน่อนมีสิทธิ์อะไรกลับมาพาเธอไปง่ายๆ แบบนี้”
เฉินถิงเซียวพูด แล้วรีบลุกขึ้นยืน
สือเย่เดาไม่ถูกว่าตอนนี้เฉินถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่ “…คุณชาย?”
“นายรู้ว่ามู่น่อนน่อนพักอยู่ที่ไหนใช่ไหม”
สือเย่พยักหน้า “รู้ครับ”
แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวคิดจะทำอะไร
“ไปกันเถอะ” หลังจากที่เฉินถิงเซียวพูดจบ เขาก็เริ่มก้าวเดินนำหน้า
สือเย่เดินตามหลัง “คุณชายครับ จะไปไหนครับ?”
เฉินถิงเซียวไม่หันไปมองเขา แต่พูดอย่างเฉยเมยว่า “ไปพาเด็กน้อยที่ฉันเลี้ยงมาจนโตกลับคืนมา”
สือเย่ “…” ดูเหมือนความหวังดีของเขาจะทำให้เกิดปัญหาซะแล้วสิ
……
“มู่มู่ มาเอาชามของลูกจ้ะ เราจะกินข้าวกันแล้ว”
มู่น่อนน่อนทำอาหารจานสุดท้ายอยู่ในครัว แล้วเรียกให้เฉินมู่เข้ามาหยิบชาม
“มาแล้วค่ะ!” น้ำเสียงตอบรับที่น่ารักน่าชังของเฉินมู่ดังขึ้นมา ก่อนที่เด็กน้อยจะวิ่งเข้าไปในครัว
มู่น่อนน่อนยื่นชามและตะเกียบให้เธอ “เอาไปวางไว้บนโต๊ะนะจ๊ะ”
มู่มู่ตอบอย่างกระฉับกระเฉง “ได้ค่ะ”
มู่มู่ “ตึงตึงตึง” ถือชามแล้ววิ่งออกไป “แปะแปะ” ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอาหาร
มู่น่อนน่อนเปิดฝาออกเพื่อดูว่าน้ำซุปได้ที่หรือยัง แล้วได้ยินเสียงเฉินมู่เรียกเธอดังมาจากข้างนอก “คุณแม่ขา มีคนมาเคาะประตูค่ะ”
“คุณน้าเสิ่นล่ะลูก”
“คุณน้ายังอยู่ในห้องน้ำค่ะ”
มู่น่อนน่อนคนซุปในหม้อ “เดี๋ยวแม่ไปเปิดประตูเองจ้ะ”
“หนูไปเปิดให้ค่ะ” เฉินมู่รีบอาสาอย่างตื่นเต้น และไม่รอคำตอบจากมู่น่อนน่อน เธอก็รีบวิ่งไปเปิดประตูทันที
มู่น่อนน่อนรีบวางทัพพีในมือลง แล้วเดินออกไปข้างนอก “มู่มู่ แม่เปิดประตูเองจ้ะ”
ตอนที่เธอเดินออกไป เฉินมู่ได้เปิดประตูแล้วเรียบร้อย
“มู่…”
เฉินมู่เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่ชายร่างสูงที่ยืนอยู่นอกประตู ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกาย “เฉินชิงเซียว”
มู่น่อนน่อนอยากจะส่งเสียงเรียกให้หยุด แต่ก็สายไปเสียแล้ว
เฉินมู่วิ่งออกไปแล้ว… เธอกอดขาของเฉินถิงเซียวไว้
และความสูงของเธอ ก็ได้แค่กอดถึงขาของเฉินถิงเซียวเท่านั้น
เฉินถิงเซียวหันกลับไปมองที่สือเย่ นี่น่ะเหรอที่นายเรียกว่าน่ารัก?
หลังจากนั้น เขาก็ก้มหน้าลงมองมู่มู่ แล้วเลิกคิ้วขึ้น “เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“ฮิฮิ” เฉินมู่หัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียง “คุณพ่อขา!”
เฉินถิงเซียวยืนตัวแข็งทื่อ เด็กสาวท่าทางเจ้าเล่ห์ตรงหน้า เป็นลูกสาวเขาจริงๆ เหรอ?
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่น่อนน่อน เขาสงสัยว่ามู่น่อนน่อนเป็นคนสอนให้เป็นแบบนี้
มู่น่อนน่อนเหมือนจะอ่านความคิดของเฉินถิงเซียวออก เธออุ้มเฉินมู่ขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินถิงเซียว “มู่มู่ไม่ได้เจอคุณมาสองวันแล้ว คงจะคิดถึงคุณมากค่ะ”