ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 433 ฉันให้นายพูดแล้วหรือไง?
มู่น่อนน่อนพยักหน้าให้สือเย่ แล้วพูดว่า “ลาก่อนค่ะ”
สือเย่รีบเดินตามเฉินถิงเซียวไป “คุณชายครับ ผมมาแล้วครับ”
พอเขาไล่เขาออกไป เฉินถิงเซียวก็มาถึงทางเข้าลิฟต์แล้ว แต่ยังไม่ได้กดลิฟต์
สือเย่ก้าวไปข้างหน้าและกดลิฟต์ ก่อนจะพูดออกมา “คุณชายครับ”
เฉินถิงเซียวยิ้มเยาะ “ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงหน้าด้านอย่างมู่น่อนน่อนมาก่อนเลยจริงๆ”
สือเย่ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดแก้ไขกับเฉินถิงเซียว “คุณชายครับ นอกจากคุณหญิงน้อยแล้ว ดูเหมือนคุณชายจะไม่รู้จักผู้หญิงอื่นเลยนะครับ”
เฉินถิงเซียวในอายุยี่สิบต้นๆ นอกจากเฉินจิ่งหยุ้นแล้ว เขาก็ไม่รู้จักผู้หญิงคนไหนเลยจริงๆ
หลังจากเจอมู่น่อนน่อน ผู้หญิงที่เฉินถิงเซียวรู้จักก็มีเพียงไม่กี่คน
เฉินถิงเซียวหันหน้ามองไปที่สือเย่ด้วยสายตาที่เย็นชา “ฉันให้นายพูดแล้วหรือไง?”
“ไม่ครับ” สือเย่ก้มหน้าลง แล้วพูดด้วยความเคารพ
ติ๊ง—
ลิฟต์ที่จะลงมาถึงพอดี
เฉินถิงเซียวส่งเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ทันที
สือเย่รีบเดินตามเข้าไป
เขาเพิ่งเดินเข้าไปในลิฟต์ ก็พบกับสายตาที่เย็นชาของเฉินถิงเซียว
เขาชะงักไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวหมายความว่าอะไร เขาจึงลองถอยออกจากลิฟต์ดู
ในขณะนี้เอง เฉินถิงเซียวมองเขาอย่างว่างเปล่า แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชาเพียงสามคำ “เดินบันได”
พูดเสร็จเขาก็กดปุ่มปิดประตูลิฟต์
สือเย่ยืนอยู่คนเดียวด้านนอกลิฟต์ ความรู้สึกสับสนและงุนงง
ผ่านมาเกือบสิบปี พอมองย้อนกลับไป สือเย่ก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย ตอนนั้นเขาทนอารมณ์ของเฉินถิงเซียวมาได้ยังไงกัน?
แต่ว่ายังไงก็ผ่านมาแล้วสิบกว่าปี ตอนนี้ก็ได้แต่ทนต่อไปแล้วล่ะ
เขาคิดในแง่ดี บางทีคุณชายอาจจะฟื้นคืนความทรงจำของเขาในไม่ช้านี้ก็ได้?
……
พอสือเย่กับเฉินถิงเซียวออกไป เสิ่นเหลียงก็เดินออกมา
เมื่อตะกี้เธอกับสือเย่แอบซ่อนอยู่หลังประตูห้องครัว และบทสนทนาระหว่างเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อน เธอได้ยินทุกอย่างโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
เสิ่นเหลียงตบบ่าเธอ แล้วพูดปลอบใจ “อย่าถือถือสาคำพูดของบอสใหญ่เลย เธอก็คิดซะว่าตอนนี้เขาป่วย บางทีอีกไม่นานเขาอาจจะหายดีก็ได้”
“ฉันไม่เป็นไร” มู่น่อนน่อนหันมามอง แล้วส่ายหน้าให้เธอ “เมื่อก่อนเฉินถิงเซียวทำเพื่อฉันมาตลอด และตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันจะทำอะไรให้เขาบ้างแล้วเหมือนกัน”
เสิ่นเหลียงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เพื่อเขา เธอก็ห้ามทำให้ตัวเองเสียใจเด็ดขาดนะ”
“ไม่หรอก”
มู่น่อนน่อนนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น ก่อนจะหัวเราะออกมา “เฉินถิงเซียวเป็นคนรักความสะอาด ก่อนหน้านี้มู่มู่คีบอาหารให้เขา เขายังยอมกินมันเข้าไป พ่อกับลูกเชื่อมโยงจิตใจกันจริงๆ เขาไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับมู่มู่เลย..”
“แล้วเธอล่ะ?” เสิ่นเหลียงนึกถึงคำพูดที่เฉินถิงเซียวพูดก่อนหน้านี้ “คิดเพ้อฝันไปเอง” แล้วอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
สีหน้าของมู่น่อนน่อนดูอึดอัดเล็กน้อย “กับฉันเขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย”
เสิ่นเหลียงฟังไม่เข้าใจ “ฮะ?”
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” มู่น่อนน่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันพามู่มู่ไปอาบน้ำนอนก่อนนะ”
เสิ่นเหลียงรีบถามอย่างไม่ยอมแพ้ “เอ๊ะ เธอยังพูดไม่จบเลย พูดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อย ท่านประธานรู้สึกยังไงกับเธอเหรอ?”
มู่น่อนน่อนแค่ส่งยิ้มให้เธอ แล้วพาเฉินมู่เข้าไปอาบน้ำ
เธอเตรียมน้ำอาบให้เฉินมู่ พร้อมกับคิดถึงเรื่องเมื่อวานไปด้วย
เมื่อวานเธอไปที่บ้านของเฉินถิงเซียว หลังจากทำบะหมี่ให้เขาเสร็จ แล้วยังแอบจูบเขาด้วย
ด้วยนิสัยของเฉินถิงเซียว ถ้าเขาไม่รู้สึกอะไรกับเธอจริงๆ แล้วยังเกลียดเธอเป็นพิเศษ ในวันนี้เขาจะไม่มาหาเธอแล้วนั่งกินข้าวร่วมกับเธออย่างกลมกลืนแบบนี้แน่ๆ
ถึงแม้เขาจะบอกว่า เขามาเพื่อมารับเฉินมู่ แต่พอบวกลบคูณหารกันแล้วเท่ากับมาหาเธอ
วันนั้นเธอแอบขโมยจูบเฉินถิงเซียว แต่เฉินถิงเซียวยังสามารถนั่งกินข้าวกับเธอได้อย่างสงบ ไม่ได้หมายความว่าเขาเองก็มีความรู้สึกต่อเธอเหมือนกันเหรอ?
ถ้าหากเฉินถิงเซียวไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ ด้วยนิสัยของเขาแล้ว มู่น่อนน่อนแอบจูบเขา เธอจะมายืนอยู่ที่นี่โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เหรอ?
แน่นอนว่าไม่
ถ้าเฉินถิงเซียวจะเกลียดคนคนหนึ่ง เขามีหลายวิธีที่จะทำให้ชีวิตของอีกฝ่ายนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
สำหรับมู่น่อนน่อนแล้ว นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
ขอแค่เฉินถิงเซียวมีความรู้สึกกับเธอ ไม่เกลียดเธอ และไม่กีดกันการเข้าใกล้เขาจากเธอ โอกาสที่จะได้คืนดีกับเขาก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว
……
มู่น่อนน่อนขอให้สือเย่ช่วยเธอจัดการเกี่ยวกับเอกสารและบัตรประจำตัวประชาชน สือเย่จัดการให้เธออย่างรวดเร็ว
เขาช่วยมู่น่อนน่อนยื่นเอกสารทำบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกับบัตรกดเงินของธนาคารและอื่นๆ หลังจากจัดการเสร็จ เขาก็ส่งไปให้มู่น่อนน่อนด้วยตัวเอง
มู่น่อนน่อนรู้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของสือเย่นั้นสูงมาก แต่เธอคิดไม่ถึงว่ามันจะเร็วขนาดนี้
มู่น่อนน่อนหยิบซองเอกสารที่สือเย่ยื่นให้ แล้วพูดว่า “รบกวนแล้วค่ะ”
สือเย่อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ไม่เป็นไรครับ ง่ายกว่าช่วยงานคุณชายมากเลยครับ”
มู่น่อนน่อนประหลาดใจ แต่ก็เห็นด้วยทันที “ตอนนี้เขาค่อนข้างจะอารมณ์ร้อนค่ะ”
สือเย่ส่ายหน้าไปมา “ผมต้องขอตัวไปที่บริษัทก่อนนะครับ”
พอสือเย่กลับไป มู่น่อนน่อนก็ถือเอกสารเข้าห้องไป
เธอเปิดซองเอกสารออกมา สิ่งที่อยู่ในนั้นคือบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง บัตรเครดิตธนาคารและอื่นๆ ของมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนตรวจดูจนครบ แล้วหยิบใส่ไว้ในกระเป๋าเงินของเธอ
ตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตที่จะช่วยสะกดจิตเฉินถิงเซียวยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย ทางสือเย่ก็ส่งคนไปตามหาเขาเช่นกัน
ตอนนี้เธอทำอะไรได้ไม่มาก ทำได้เพียงว่ากันไปทีละก้าวเท่านั้น
ภารกิจเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ คือหาที่อยู่อาศัย จะอยู่ที่บ้านของเสิ่นเหลียงไปแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง
มู่น่อนน่อนคิดถึงweiboของเธอขึ้นมา
เธอลองกดรหัสผ่านอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็เข้าไปได้สักที
พอเข้าweibo ก็มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเป็นจำนวนมาก โทรศัพท์ยังคงสั่นไม่หยุด ทำให้มือของเธอรู้สึกชาไปด้วย
มู่น่อนน่อนวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ แล้วปล่อยให้มันสั่นไปเรื่อยๆ
ผ่านไปสักพัก พอโทรศัพท์เงียบลง มู่น่อนน่อนก็เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา
มีทั้งข้อความส่วนตัวและข้อความแจ้งเตือนนับไม่ถ้วน แล้วยังมีแท็กชื่อเธอในweiboเป็นจำนวนมาก
เธออ่านจนตาลาย
มู่น่อนน่อนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ในตอนนั้น เธอขายบทละครให้ฉินสุ่ยซาน ไม่ได้คิดว่ามันจะโด่งดังมากขนาดไหน
ในตอนนั้นเธอแค่คิดว่า ไม่ให้ฉินสุ่ยซานขาดทุนก็พอแล้ว
แต่บังเอิญ “เมืองพัง” ได้รับความนิยมกว่าที่คิด
มู่น่อนน่อนกดดูข้อความแจ้งเตือนและข้อความส่วนตัว ก่อนจะโพสต์สเตตัสลงใน Weibo
“ขอบคุณสำหรับความชื่นชอบของทุกท่านที่มีต่อ “เมืองพัง””
เป็นข้อความใน Weibo ที่ธรรมดามาก ไม่มีความหมายอะไรซับซ้อน
ทันทีที่ Weibo ของเธอถูกโพสต์ลงไป ก็มีคนแชร์และแสดงความคิดเห็นในทันที
“คนเขียนบทเองเหรอ?”
“มู่มู่เองเหรอ”
“เป็นคุณนักเขียนบทละครเรื่องเมืองพังจริงๆ ใช่ไหมคะ?”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในชีวิตนี้ ฉันจะรอจนได้เจอคุณนักเขียนบทอัปเดตสเตตัสจริงๆ นี่หมายความว่า “เมืองพัง2” เขียนเสร็จแล้วใช่ไหมคะ?
“…… ”
จำนวนความคิดเห็นและการแชร์ยังคงเพิ่มมากขึ้น
มู่น่อนน่อนไม่ได้อ่านเลยหลังจากอ่านไปสองสามข้อความ เธอพบว่าอ่านยังไงก็อ่านไม่จบ
เธอเพิ่งลบข้อความส่วนตัวและข้อความแจ้งเตือน แล้วมีข้อความแจ้งเตือนและข้อความส่วนตัวที่ยังไม่ได้อ่านเพิ่มใหม่เข้ามาอีก
แต่ว่า พอเห็นแฟนๆ จำนวนมากยังคงนึกถึงเธอ ยังคอยติดตามเธอ เธอรู้สึกดีใจมาก และซาบซึ้งใจมาก