ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 449 คุณชายเฉินไร้เดียงสาขนาดนี้เลยเหรอคะ
เสิ่นชูหานได้ให้คำถามที่น่าปวดหัวกับมู่น่อนน่อนแล้ว
เรื่องความรู้สึก มีความชัดเจนที่สุดมาตลอด
มู่น่อนน่อนคิดอยู่สักพัก แล้วพูดว่า “เสิ่นชูหาน คุณลองคิดในอีกมุมหนึ่ง ถ้าตอนนี้ฉันคบกับคุณและเฉินถิงเซียวเป็นคุณ คุณจะอยากให้ฉันเป็นเพื่อนกับเขาต่อไปไหม”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นชูหานจางหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่สามารถรักษารูปลักษณ์ที่สง่างามของเขาในช่วงก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไป สีหน้าของเขาดูหดหู่ลงเล็กน้อย
ลูกกระเดือกของเขากลิ้งไปมา แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าในคืนที่มืดมิด เสียงของเขาแหบแห้งลงเล็กน้อย “ผมรู้สึกอิจฉา เฉินถิงเซียวจริงๆ”
มู่น่อนน่อนไม่พูดกับเขาต่อ เธอยื่นเสื้อสูทให้เขาอีกครั้ง “คืนนี้ขอบคุณที่ช่วยค่ะ”
เสิ่นชูหานไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเพียงแต่เอื้อมมือไปหยิบเสื้อสูทที่มู่น่อนน่อนยื่นให้
พอเห็นเสิ่นชูหานรับเสื้อสูทคืนแล้ว มู่น่อนน่อนก็หันไปอีกด้านหนึ่ง
เสิ่นชูหานมองไปที่แผ่นหลังของมู่น่อนน่อน ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันหลังเดินจากไปในทิศทางตรงกันข้ามกับมู่น่อนน่อน
……
พอมู่น่อนน่อนกลับมาถึงบ้าน เธอก็แทบหมดแรงแล้ว
ตลอดทางกลับมีสัญญาณไฟจราจรมากมาย และพอกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว
เธอลากสังขารร่างกายที่อ่อนล้าไปที่ห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมา เดิมทีคิดว่าจะหลับได้อย่างรวดเร็ว แต่เธอกลับมีอาการนอนไม่หลับเป็นครั้งแรก
ตอนที่คนเราเหนื่อยล้า มักจะมองโลกในด้านลบได้ง่าย
ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ทั้งขึ้นและลง
ไม่ว่าจะเป็นทั้งการแต่งงาน การงาน ความรัก ครอบครัว…
จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบเลยสักเรื่อง
มู่น่อนน่อนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน และตื่นแต่เช้ารุ่ง และขอให้เสิ่นเหลียงพาไปดูรถ
ถ้าไม่เปรียบเทียบกับคนรวยอย่างเฉินถิงเซียว ตอนนี้เธอถือว่ามีฐานะพอประมาณ เพียงพอที่จะซื้อรถเพื่อใช้ในการเดินทางบ้าง
หลังจากเลือกรถเสร็จแล้ว มู่น่อนน่อนก็ขับรถตรงไปที่บ้านของเฉินถิงเซียวทันที
ในเวลานี้ เฉินถิงเซียวไม่น่าจะอยู่บ้าน เธอแค่จะไปหาเฉินมู่
พอเธอมาถึงบ้านพักของเฉินถิงเซียว เธอถึงได้รู้ว่าเฉินถิงเซียวยังอยู่ที่บ้าน
หลังจากที่มู่น่อนน่อนเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันทำงาน แต่เป็น…วันหยุดสุดสัปดาห์
เธอยืนอยู่ที่ประตูห้องโถง มองดูชายที่นั่งเกียจคร้านอยู่บนโซฟา สีหน้าของเธอจึงชะงักไปสักพัก
เธอมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นร่างของเฉินมู่ เธอจึงเดินไปถามเขาว่า “มู่มู่อยู่ที่ไหนคะ?”
เฉินถิงเซียวทำท่าเหมือนไม่เห็นเธอ และไม่สนใจเธอเลย
บรรยากาศรอบตัวของเฉินถิงเซียวน่าหวาดกลัวเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้วเขาเห็นแก่ตัวมาก
มู่น่อนน่อนนึกว่าเขาจะยังไม่พอใจเรื่องเมื่อวานอยู่
เธอนั่งลงข้างเฉินถิงเซียว แล้วหันศีรษะไปมองเขา “ฉันมีเรื่องที่ต้องไปทำ แน่นอนว่าต้องส่งมู่มู่มาหาคุณ เพราะยังไงคุณก็เป็นพ่อของเธอ”
ตรงจุดนี้ เธอไม่รู้สึกว่าเธอผิดตรงไหน
เธอรักเฉินมู่ ยอมทำเพื่อเฉินมู่ทุกอย่าง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องเสียสละอาชีพของเธอมาเป็นเงื่อนไข
เธอต้องเป็นมู่น่อนน่อนก่อน ถึงจะดูแลเฉินมู่ได้
เธอต้องวางแผนชีวิตของตัวเองด้วย เธอต้องเป็น มู่น่อนน่อนให้ดีก่อน ถึงจะเป็นแม่ที่ดีของเฉินมู่ได้
เฉินถิงเซียวยิ้มเยาะ แล้วลุกขึ้นยืน “มันก็ใช่ รำลึกความหลังกับรักแรก มันต้องสำคัญกว่าลูกสาวอยู่แล้ว”
มู่น่อนน่อนตะลึงอยู่สักพัก แล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “หมายความว่ายังไงคะ”
เฉินถิงเซียวปาหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะกาแฟต่อหน้าเธอ “นักเขียนบทยอดนิยมกับรักแรกหวนคิดถึงความหลังครั้งเก่า หวนคืนกลับมา แล้วสร้างเรื่องโรแมนติก คุณมู่คิดอย่างไรกับการพาดหัวข้อข่าวนี้”
คุณมู่……
เรียกได้เหินห่างขนาดนี้ ดูเหมือนเขาจะโกรธมากจริงๆ
มู่น่อนน่อนเหลือบมองเขา ก่อนจะเอื้อมมือหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู
ด้านหน้าหนังสือพิมพ์เป็นรูปของเสิ่นชูหานที่กำลังสวมเสื้อคลุมให้เธอ ตอนที่เธอถูกนักข่าวรุมล้อมเมื่อคืนนี้
ตอนที่เสิ่นชูหานสวมเสื้อผ้าของเธอ เธอมองขึ้นไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ
ในข่าวนี้ เธอเห็นเขาตีความออกมาว่า “สายตาที่แสดงถึงความรู้สึกรักใคร่” “ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้” เป็นต้น
มู่น่อนน่อนเหลือบมองดูเนื้อหาเล็กน้อย และพบว่าผู้เขียนข่าวนี้ เสียพลังสมองในการแต่งเรื่องมากๆ
ในข่าวยังระบุถึง ก่อนหน้านี้มู่น่อนน่อนเคยแย่งคู่หมั้นของมู่หวั่นขีด้วย
เธอยอมแต่งงานเข้าตระกูลเฉินแทนมู่หวั่นขี ไม่ใช่ความลับอะไร ถ้าอยากจะรู้ ลองตรวจสอบดูก็ได้
ส่วนเธอเมื่อก่อนเคยชอบเสิ่นชูหาน แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้
กลุ่มเพื่อนของมู่น่อนน่อนนั้นแคบมาก นอกจากมู่หวั่นขีที่ว่างงานถึงบอกกับนักข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงไม่มีใครจะน่าเบื่อทำเรื่องแบบนี้แล้ว
มู่หวั่นขีทำได้ทุกอย่างจริงๆ
เธอไม่ทิ้งโอกาสที่จะสร้างปัญหาให้มู่น่อนน่อนเลย
ในขณะที่มู่น่อนน่อนกำลังอ่านข่าว เฉินถิงเซียวกำลังมองหน้าเธออยู่
เขาเห็นมู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว แต่ไม่นานสีหน้าของเธอก็เป็นปกติ และเธอก็ไม่รีบร้อนที่จะอธิบาย
สีหน้าของเฉินถิงเซียวก็บึ้งตึงอีกครั้ง ระหว่างคิ้วของเขามีรังสีแห่งความชั่วร้ายปรากฏขึ้น
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังจะพุ่งออกมาจากอกของเขา
จนแทบจะทนไม่ไหว
หลังจากอ่านข่าวเสร็จแล้ว มู่น่อนน่อนก็หันไปมองเฉินถิงเซียว
แต่ผลก็คือ ทันทีที่เธอหันไป ก็สบตาเข้ากับใบหน้าที่บึ้งตึงของเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว
เธอว่างหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ แล้วเม้มปากพูดว่า “คุณชายมู่ไม่รู้ว่าข่าวสารทุกวันนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเองเหรอคะ คุณเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเขียนด้วยเหรอคะ”
มู่น่อนน่อนพูดถึงตรงนี้ เธอก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “มองไม่ออกเลยนะคะ ว่าคุณชายเฉินจะซื่อได้ขนาดนี้”
เธอเรียก “คุณชายเฉิน” พอเฉินถิงเซียวได้ยินแล้ว เขาก็รู้สึกบาดหูมาก สีหน้าของเขาจึงดูไม่ดีไปด้วย
มู่น่อนน่อนมองเขาอย่างไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมา
ทันใดนั้นเอง เฉินถิงเซียวยื่นมือออกไปบีบคางของเธอไว้ “มู่น่อนน่อน คุณคิดว่าที่ผมยอมให้คุณมาปรากฏตัวอยู่รอบๆ ตัวผมได้ คุณจะทำตัวไร้ยางอายได้นะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน”
แรงมือของเขาค่อนข้างหนัก มู่น่อนน่อนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่เธอเพียงแค่ขมวดคิ้วไม่ส่งเสียงอะไร
พอเฉินถิงเซียวเห็นแบบนี้ แรงมือของเขาก็ยิ่งหนักขึ้น “ทำไมถึงไม่พูด หืม?”
มู่น่อนน่อนชี้ไปที่มือของเขาที่จับคางของเธอไว้ เพื่อบอกว่าเธอเจ็บจนพูดไม่ออก
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว แล้วสะบัดมือของเขาออก
ทันทีที่เขาปล่อย มู่น่อนน่อนก็เอื้อมมือไปนวดคางของเธอ เธอนึกว่าเฉินถิงเซียวจะกดคางของเธอให้หักไปเลยซะอีก
เฉินถิงเซียวมองเธอกัดริมฝีปากแล้วสูดหายใจเข้าเบาๆ ก่อนจะหันหน้าไปอีกข้าง
ในเวลานี้เอง มู่น่อนน่อนอยากจะอธิบายให้เขาฟัง “เมื่อก่อนฉันเคยชอบเสิ่นชูหานจริงๆ ค่ะ แต่ว่า…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เฉินถิงเซียวเรียกหยุดอย่างเย็นชา “หุบปาก ผมไม่อยากฟัง คุณออกไปได้แล้ว”
ประโยคแรกยังไม่น่าฟังขนาดนี้ เขาก็ไม่อยากฟังประโยคหลังแล้ว
เขาไม่อยากฟังผู้หญิงคนนี้พูดถึงผู้ชายคนอื่น
“ฉัน……”
แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนไม่ยอมให้เฉินถิงเซียวจากไปทั้งที่ยังไม่ได้ฟังจนจบ แต่ทันทีที่เธอพูด เฉินถิงเซียวก็ลากเธอออกไปอย่างรุนแรง