ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม - บทที่ 462 ออกงานพร้อมกัน
เมื่อมู่น่อนน่อนได้ยินนักข่าวเรียกชื่อเธอ เธอก็ก้มหน้าลง ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับดึงฉินสุ่ยซานไปด้วย
แต่ ก็มีนักข่าวบางคนวิ่งตามเธอไป
“แน่ใจนะว่าคือมู่น่อนน่อน?”
“น่าจะใช่!”
“เธอจะมาที่นี่ทำไม? คนที่อยู่ข้างๆ เธอคือใคร?”
มู่น่อนน่อนไม่สนใจสิ่งที่นักข่าวและปาปารัสซี่ที่อยู่ข้างหลังพูดกัน เธอดึงฉินสุ่ยซานและวิ่งออกไปทันที
แต่ ในสถานที่มีแต่เก้าอี้ ตอนที่พวกเธอจะออกไปก็ไม่สะดวกมากนัก
มู่น่อนน่อนทำได้แค่วิ่งไปตรงระหว่างช่องว่างของเก้าอี้อย่างยากลำบาก
นักข่าวและปาปารัสซี่พากันล้อมเธอไว้ และเธอกับฉินสุ่ยซานจึงทำได้แค่วนอยู่ในรอบๆ สถานที่จัดงานเท่านั้น
ในสถานที่นั้นตกอยู่ในความโกลาหลเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนใช้โอกาสนี้กระซิบบอกฉินสุ่ยซานว่า “แยกกันหนีนะ”
ในเวลานี้ ถ้าเธอและฉินสุ่ยซานอยู่ด้วยกัน มันจะทำให้ทั้งคู่หนีออกไปได้ยาก
ฉินสุ่ยซานพยักหน้าทันที “อืม”
หลังจากที่ทั้งสองแยกจากกัน มู่น่อนน่อนที่อยู่คนเดียวก็สะดวกมากขึ้น
เธอวิ่งไปที่ทางเข้าของสถานที่จัดงานอย่างรวดเร็ว ตอนที่กำลังจะออกไป เธอก็เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
และคนที่เดินนำหน้าอยู่ ก็คือเฉินถิงเซียวนี่!
เฉินถิงเซียวถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน และเขากำลังเดินเข้ามาทางเธอ
เขามาที่นี่ได้ยังไง?
แม้ว่าแนถิงเซียวจะเป็นเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทเสิ้งติ่ง แต่เขาไม่เคยสนใจเรื่องในบริษัทอยู่แล้ว และก็ไม่เข้าร่วมงานพวกนี้ด้วย
แม้ว่าเขาจะเข้าร่วมงาน เขาก็จะเข้าร่วมแค่งานเชิงพาณิชย์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินเท่านั้น
เพราะเธอตกใจเกินไป มู่น่อนน่อนจึงหยุดวิ่งที่ทางเข้าโดยไม่รู้ตัว ปาปารัสซี่และนักข่าวจึงรีบไล่ตามเธอและล้อมเธอไว้ทัน
มู่น่อนน่อนยังสวมหน้ากากไว้ เธอเอื้อมมือไปบังแสงจ้าที่ส่องประกายอยู่ตรงหน้าเธอ
“คุณคือมู่น่อนน่อนใช่ไหม ถอดหน้ากากออกได้ไหมคะ”
“โปรดยอมรับการสัมภาษณ์ของฉันด้วยค่ะ…”
“…”
นักข่าวรีบยื่นไมโครโฟนไปให้มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนถูกกดดันจนต้องถอยหลังติดกำแพง
นักข่าวกลุ่มนี้ให้ความสนใจกับมู่น่อนน่อนอยู่ เลยไม่ได้สังเกตว่าเฉินถิงเซียวก็อยู่ที่นี่ด้วย
หลังจากที่เฉินถิงเซียวนำคนกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ พวกเขาถึงรู้ว่าเฉินถิงเซียวมาถึงแล้ว
นักข่าวทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกันมากๆ
เฉินถิงเซียวและมู่น่อนน่อน แทบจะไม่เคยออกงานพร้อมกันในที่สาธารณะแบบนี้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลังจากที่พวกเขาหย่าร้างกัน
แค่ได้รูปพวกเขาสองคนในเฟรมเดียวกัน จากนั้นก็เอากลับไปเขียนเป็นรายงานยาวๆ แค่รูปภาพเดียวก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนแล้ว ที่สำคัญเพิ่มยอมผู้ชมได้จำนวนไม่น้อยเลย
นักข่าวไม่ได้ล้อมมู่น่อนน่อนไว้แล้ว พวกเขาทั้งหมดหยิบกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปมู่น่อนน่อนและเฉินถิงเซียวที่อยู่ในเฟรมเดียวกัน
มู่น่อนน่อนยืนพิงกำแพงข้างประตู ส่วนนักข่าวพวกนี้ ต่างก็ก็ถอยกลับไปเพื่อหามุมและถ่ายรูป
ไม่นาน เสียงไฟกระพริบและเสียงถ่ายรูปก็ดังขึ้นในทันที
มู่น่อนน่อนมองไปทางเฉินถิงเซียว ซึ่งเธอก็ได้สบตาของเฉินถิงเซียวโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
สายตาของเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่ร่างของมู่น่อนน่อน เหมือนกับว่าเขาไม่รู้ว่าเธอคือมู่น่อนน่อน
สายตาของเขาเลื่อนผ่านใบหน้าของเธอไปโดยตรง ก่อนที่เขาจะกระซิบบางอย่างกับคนรอบๆ ตัวเขา จากนั้นจึงยกเท้าขึ้นและเดินเข้าไปในงาน
ส่วนนักข่าวที่ยังคงถ่ายรูปอยู่ ก็ถูกยามขับไล่ออกไปอย่างรวดเร็ว
มู่น่อนน่อนเหลือบมองเข้าไปในงาน เธอพบว่าเฉินถิงเซียวกำลังนั่งอยู่ตรงที่แถวสุดท้าย ดูเหมือนว่าเขาจะมาเข้าร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์จริงๆ
เธอมองไปที่ประตูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็หันหลังเดินออกไป ตอนนี้เธอไม่สะดวกที่จะปรากฏตัวอยู่ข้างๆ เฉินถิงเซียว
เธอเดินออกไปข้างนอก ก่อนจะไปหาจุดพักผ่อนและนั่งลง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาแล้วส่งข้อความถึงเฉินถิงเซียว “คุณมาที่นี่ทำไม”
เฉินถิงเซียวไม่ตอบเธอ
แต่โชคดีที่มู่น่อนน่อนคุ้นเคยกับเฉินถิงเซียวที่เย็นชาเช่นนี้แล้ว
เธอเลยโทรหาฉินสุ่ยซาน
เธอมากับฉินสุ่ยซาน และแน่นอนว่าเธอก็ต้องกลับไปพร้อมกับฉินสุ่ยซาน ทั้งสองคนเพิ่งแยกจากกัน เธอไม่รู้ว่าฉินสุ่ยซานหายไปไหน
มู่น่อนน่อนโทรหาฉินสุ่ยซานสองครั้ง ก่อนที่ฉินสุ่ยซานจะรับสาย
“น่อนน่อน เธออยู่ที่ไหน” เสียงของฉินสุ่ยซานฟังดูหอบเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนมองไปรอบๆ ในขณะที่พูดว่า “ฉันอยู่ในจุดพักผ่อน เธออยู่ไหน จะมาที่นี่ไหม”
“ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่จุดพักผ่อนได้ มันไกลมากเลย ฉันไม่ไปหาเธอแล้ว”
“อืม งั้นเดี๋ยวฉันกลับเอง”
ฉินสุ่ยซานไม่มาที่นี่แล้ว มู่น่อนน่อนคิดที่จะกลับไป
เธอเล่นโทรศัพท์ สายตาของเธอจับจ้องไปที่โทรศัพท์
เฉินถิงเซียวยังไม่ตอบเธอ
มู่น่อนน่อนถอนหายใจออก เธอกำลังจะลุกขึ้นเดินออกไป แต่เสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาในหูของเธอ
“ไม่ว่าจะไปไหนก็เจอเธออยู่ดี”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น เธอเห็นมู่หวั่นขียืนขึ้นจากโซฟาที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นเธอก็เดินไปหาเธอ
วันนี้มู่หวั่นขีก็น่าจะมาเข้าร่วมงานบางอย่าง เธอแต่งหน้าสวยมาก และก็แต่งตัวเป็นทางการ แค่มองก็รู้ว่าเธอแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบกับมู่หวั่นขีที่นี่
พูดได้เพียงว่าโลกใบนี้แคบจริงๆ
มู่น่อนน่อนนั่งบนโซฟานิ่งๆ เธอเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “เหมือนกัน”
มู่หวั่นขียิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เธอ น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนโยนจนประหลาด “ฉันได้ยินมาว่า เฉินถิงเซียวอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
มู่น่อนน่อนหันกลับไปมองเธออย่างรวดเร็ว “คุณจะทำอะไร?”
“ฉันจะทำอะไรได้”
ดูเหมือนว่ามู่หวั่นขีจะเพลิดเพลินกับความประหม่าของมู่น่อนน่อน เธอยกขาไขว่ห้าง ก่อนจะแสดงท่าทีที่น่ากลัวออกมา “ฉันรู้ดีว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนยังไง ยังไงฉันก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว แค่ถามเฉยๆ แค่เป็นห่วงความสัมพันธ์ของพวกเธอน่ะ”
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย และทุกคำที่มู่หวั่นขีพูดในตอนนี้ มันทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเอามากๆ
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ความสัมพันธ์ของฉันกับเฉินถิงเซียวมันมีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเหรอ”
“ฉันแค่อยากรู้ว่าตอนนี้พวกเธอมีความสุขกันไหม ถ้าเธอไม่มีความสุข ฉันก็จะมีความสุข ถ้าพวกเธอมีความสุข ฉันก็จะเสียใจมากๆ”
มู่หวั่นขีพูดอย่างสบายๆ เธอยกนิ้วขึ้นเพื่อดูเล็บของเธอที่เพิ่งจะทำเสร็จ “แต่ ครั้งก่อนที่เห็นเธอกับคนที่มีนามสกุลลี่ ก็แสดงว่าเฉินถิงเซียวไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้ว เธอก็แค่ผู้หญิงที่ถูกผู้ชายทอดทิ้ง น่าเห็นใจจริงๆ เลยนะ”
มู่น่อนน่อนกำลังจะพูดบางอย่าง เธอยังไม่ได้ทันได้พูด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนเรียกชื่อเธอ
“มู่น่อนน่อน”
เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคย
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ เธอเห็นเฉินถิงเซียวกำลังเดินเข้ามาหาเธอ
กลุ่มคนที่ตามเขาไว้ก่อนหน้านี้ เธอไม่รู้ว่าพวกเขาหายไปไหนแล้ว เขาเดินมาหาเธอเพียงคนเดียว สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างของมู่น่อนน่อน
ดวงตาสีดำที่เหมือนกับหมึก ดูเหมือนจะมีอารมณ์อื่นๆ แอบแฝงอยู่
เพียงแต่ว่า เพราะว่าดวงตาเขาดำเกินไป จึงทำให้เธอแยกแยะได้ยาก
เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ไม่นานเขาก็เดินไปถึงตัวมู่น่อนน่อน
เขามองไปที่มู่น่อนน่อนก่อน จากนั้นจึงหันมามองที่มู่หวั่นขี
มู่น่อนน่อนก็จ้องมองไปที่มู่หวั่นขี
เธอเห็นอย่างชัดเจนว่า ตอนที่เฉินถิงเซียวจ้องมองไปที่มู่หวั่นขี ตัวเธอสั่นมากๆ